บทที่ 105: การผ่าตัดดัดแปลงร่างกาย (5)

 

 

 

“ฉันไม่คิดว่ามันเป็นไปได้นะ”

ฮันซูรู้สึกขอบคุณที่คนพวกนี้ช่วยพวกเขาออกจากสถานการณ์อันตราย แต่เขาไม่อาจปล่อยตัวคนคนนี้ไปได้

จากนั้นทาเรส ชายที่ยืนอยู่ด้านหน้าเขาจึงถอนหายใจ

เขาไม่อาจเอาชนะอีกฝ่ายได้ด้วยพลัง

ในเมื่อเขาได้เห็นเคล ดอว์สัน ผู้ที่ยากจะรับมือในบรรดาคนที่แข็งแกร่งถูกบดขยี้ด้วยผู้ชายคนนี้

แต่เขาไม่อาจถอยได้

ทาเรสเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยสีหน้ากระวนกระวาย

“ทำไมพวกนายต้องการตัวเขา? ฉันไม่รู้ว่าทำไมพวกนายถึงต้องการตัวเขา แต่เขาจำเป็นสำหรับเรา”

“ทำไมล่ะ?”

“ในเมื่อหมอนั่นรู้จักสถานที่ที่เพื่อนพ้องของพวกเราถูกจับเอาไว้”

“…?”

ฮันซูหรี่ตาของเขาลงขณะที่มองสลับไปมาระหว่างเคนและกลุ่มหญิงสามชายสาม

จากนั้นเขาจึงเข้าใจในที่สุดว่าทำไมอีกฝ่ายถึงขอให้เขามอบตัวเคนให้

‘คนพวกนี้กำลังค้นหาตำแหน่งของคุกสินะ’

ฮันซูครุ่นคิดไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยขึ้น

“แล้วทำไมถึงต้องแยกกันล่ะ? ไปด้วยกันสิ”

“หืม?”

“ฉันเองก็มีธุระกับคนพวกนั้นเหมือนกัน”

หากเขาไปกับคนพวกนี้ ถ้าอย่างนั้นมันก็จะง่ายยิ่งขึ้นในการค้นหาตำแหน่งของวิหาร

และแม้ว่ามันจะเป็นการยืมมือแมว แต่มันก็ดีกว่าในการที่จะมีกำลังสนับสนุน

มันไม่มีเหตุผลให้แยกกันไปหากจุดหมายของพวกเขาอยู่ที่เดียวกัน

กลุ่มชายหญิงแสดงสีหน้าเคลือบแคลงออกมา ทว่าก็ผงกศีรษะ

มันไม่มีเวลามาก

การป้องกันโดยรอบจะเพิ่มมากขึ้นอีกระดับจากความวุ่นวายเมื่อครู่

มันอาจจะต่างออกไปสำหรับหมอนี่ที่เพิ่งมา แต่แม้ว่าพวกเขาจะรู้ถึงตำแหน่งของมัน มันก็ยังเป็นเรื่องยากในการเข้าไปที่นั่นด้วยพลังของพวกเขาเองอยู่ดี

‘ไอเลน รอพวกเราก่อน’

ทาเรสกัดฟันกรอดขณะที่คิดถึงเพื่อนของเขาที่ถูกจับอยู่ที่นั่น

 

 

เอื้อก

ทาเรสกลืนน้ำลายเมื่อเขาเห็นปรสิตเมทิรอนที่ถูกฟาดจนตายในการโจมตีครั้งเดียว

‘เขาแข็งแกร่งจริงๆ…’

ตอนนี้พวกเขากำลังใช้อุโมงค์มดที่พวกปรสิตขุดขึ้น ไม่ใช่อุโมงค์ที่มนุษย์ขุด

ด้วยกลัวว่าอุโมงค์ที่สร้างขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์จะเต็มไปด้วยลูกกิลด์ที่ออกค้นหาพวกเขา

แน่นอนว่ามันมีเหตุผลที่ทำไมผู้คนจึงไม่เดินทางผ่านอุโมงค์มดที่ถูกขุดขึ้นโดยปรสิต

ในเมื่อนอกจากจะกินของเหลวในร่างของกรากอซแล้ว ปรสิตยังชื่นชอบในการกินมนุษย์เป็นของหวานด้วย

ทว่าฮันซูและโซเฟียที่เพิ่งมารวมตัวกับพวกเขากำลังจัดการปรสิตพวกนั้นขณะที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่เคนชี้

“แต่ทำไมพวกมันถึงได้จับเพื่อนของพวกเราเป็นตัวประกัน?”

เคนหรี่ตาเมื่อได้ยินคำพูดของทาเรส

‘ไอ้กระจอกนี่…’

มันอาจจะต่างออกไปหากคนถามคือฮันซู แต่ตอนนี้เขารู้สึกรำคาญกับคำถามที่พวกกระจอกนี่เอ่ยขึ้น

แต่มันไม่มีอะไรที่เขาทำได้

ในเมื่อเขาถูกจับอยู่

เคนยักไหล่และเอ่ยขึ้น

“จะอะไรได้ล่ะ ก็เพื่อที่จะหาตำแหน่งของวิหารที่พวกนั้นรู้น่ะสิ”

“บัดซบเอ้ย…”

ทาเรสขมวดคิ้วกับคำตอบที่ได้คาดเดาเอาไว้แล้ว

มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างโด่งดัง

อีกเผ่าพันธุ์ที่อาศัยอยู่ภายในร่างของกรากอซ

เผ่าพันธุ์ที่เป็นตัวตนอันน่าหวาดกลัวจากร่างกายอันทรงพลังของพวกเขา ความสามารถราวกับสัตว์ป่าในการรับการโจมตีและปกปิดร่องรอย

ทว่าวันหนึ่งข่าวลือก็ได้เกิดขึ้น

<เผ่าพันธุ์นั้นไม่ได้มีพลังเช่นนั้นมาตั้งแต่แรกเช่นกัน หากสามารถไปยังสถานที่ที่ถูกเรียกว่าวิหารได้ แม้ว่าจะเป็นมนุษย์ก็สามารถครอบครองพลังนั้นได้>

ทุกคนพยายามที่จะหลอกตัวเองว่าคำพูดนั้นไม่ใช่ความจริง ทว่าพวกเขาไม่อาจทำได้หลังจากที่ได้พบกับเจ้าของข่าวลือนั้น

ในเมื่อเขากระโดดจากระดับบัลลาดิไปยังระดับมาร์กอช

โครงสร้างร่างกายที่ทรงพลังและพลังที่เหนือมนุษย์ มันกระทั่งสามารถเพิกเฉยต่อสกิลบางสกิลได้

มนุษย์พยายามที่จะค้นหาไปทั่วทุกมุมของกรากอซนับตั้งแต่ตอนนั้น ทว่ามันไม่อาจเป็นไปได้

ปรสิตอื่นๆ อีกจำนวนมากรวมกับบัลลาดิก็เป็นปัญหามากพอแล้ว

แม้ว่ามันจะดูเหมือนว่าพวกเขาสามารถขุดหาไปทั่วในดินแดนของมนุษย์ได้ ทว่ามันคือการขุดในบริเวณที่ปลอดภัยที่สุด

และแม้ว่าพวกเขาจะสามารถฝ่าปรสิตเหล่านั้นไปได้ เผ่าพันธุ์ที่ไม่ทราบชื่อนั่นก็ยังเป็นปัญหาอยู่ดี

เพราะแบบนั้น ตำแหน่งของวิหารจึงกลับกลายเป็นเรื่องลึกลับที่สุดไป

และแน่นอนว่าพวกเขาจะต้องถามคนอย่างไอเลนผู้ที่มีคำใบ้ไปยังสถานที่แห่งนั้น

“มันจะไม่ง่ายกว่าในการมอบตราให้เหรอ?”

มันไม่มีความจำเป็นในการทรมาน

ในเมื่อคนพวกนั้นแค่ต้องชักชวนพวกเขาหากพวกนั้นต้องการรู้

เคนหัวเราะกับคำถามของโซเฟียขณะที่เขาเอ่ยตอบ

“ฉันไม่รู้ มันดูเหมือนว่าตราจะใช้ไม่ได้กับพวกที่ไม่ใช่มนุษย์”

โซเฟีย ฮันซู และเตกิลอนชะงักไปกับคำพูดนั้น

‘… ใช่แล้ว หากพวกเขารู้เกี่ยวกับวิหาร งั้นคนคนนั้นก็ควรจะเป็นอคารอน’

“พวกนายกำลังทำเรื่องไร้ประโยชน์ มันไม่มีอะไรที่นายจะได้รับแม้ว่าจะทรมานเขาไปมากแค่ไหน”

“ทำไม?”

เตกิลอนผงกศีรษะเมื่อได้ยินคำถามของโซเฟีย

“เผ่าอคารอนทุกตนจะได้รับข้อผูกมัดจากวิหารก่อนที่พวกเขาจะออกเดินทาง แม้ว่าพวกเขาจะอยากพูด พวกเขาก็ไม่มีทางพูดอะไรเกี่ยวกับตำแหน่งของวิหารได้ จะอย่างไร… ดูเหมือนว่าเด็กนั่นจะลำบากมามากทีเดียว”

เตกิลอนกัดฟันกรอด

เมื่อเขาคิดว่าเพื่อนร่วมเผ่าที่เหลืออยู่ไม่กี่คนที่ถูกจับและถูกทรมาน มันก็ได้ทำให้เขาขบฟันแน่นอย่างไม่รู้ตัว

โซเฟียถามกลับ

“ทำไมล่ะ?”

ทาเรสคือคนที่เอ่ยตอบ

“อคารอนบอกว่าพวกเขาทำไม่ได้แม้แต่จะฆ่าตัวตาย”

หนึ่งในสิบสามกฎที่เกิดขึ้นหลังจากมหาสงครามครั้งที่สาม

อคารอนทุกตนต้องตายด้วยน้ำมือของผู้อื่น

มันเป็นหนึ่งในกฎที่ถูกสร้างขึ้นในเมื่อพวกเขามีจำนวนน้อยยิ่งนัก

“ดูเหมือนว่านายจะสนิทกับพวกเขานะ”

มันคือข้อมูลที่จะไม่เอ่ยบอกเผ่าอื่นง่ายๆ

การที่อีกฝ่ายรู้มากขนาดนี้ มันหมายความว่าพวกเขาสนิทกันมาก

ทาเรสเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าขมขื่น

“มันเป็นเหตุผลให้พวกเราจะไปช่วยพวกเขา”

“หืมมม”

“เราจะส่งเธอกลับไปยังบ้านของเธอไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม แต่มันไม่มีทางอื่นใช่ไหมล่ะ? มันดูเหมือนว่านายจะรู้เรื่องอยู่บ้าง”

ทาเรสไม่ได้แปลกใจกับความรู้ของเตกิลอนที่ไม่ได้ดูเหมือนว่าเป็นอคารอนในการที่จะรู้เรื่องเหล่านี้

มันมีคนจำนวนมากที่มีเรื่องราวแปลกประหลาดและความสามารถแปลกประหลาดในเขตสีส้ม และมันมักจะมีคนที่เกินกว่าความคาดหมายของพวกเขาอยู่เสมอ

‘พวกเขาอาจจะได้ยินมาจากคนอื่นอย่างพวกเรา’

เตกิลอนยักไหล่

“ข้าไม่รู้หรอก การที่พวกเขาออกมาด้านนอก… หมายความว่าพวกเขาได้รับภารกิจจากวิหาร วิหารจะไม่ปลดข้อจำกัดจนกว่าพวกเขาจะทำภารกิจพวกนั้นสำเร็จ ซึ่งหมายความว่ายายเด็กไอเลนนั่นไม่รู้ทางกลับไปยังวิหารแม้แต่น้อย”

มันมีหลายครั้งที่พวกเขาเคลือบแคลงในเผ่าอื่นๆ ก่อนที่จะรวมเป็นหนึ่งเดียว

มันคือเหตุผลให้มันกลายเป็นวิธีการในการเก็บตำแหน่งของวิหารที่เป็นสถานที่สำคัญที่สุดให้เป็นความลับ

อคารอนที่ออกไปด้านนอกวิหารจะถูกปลดขีดจำกัดก็ต่อเมื่อพวกเขาทำภารกิจสำเร็จ มีเพียงแค่ตอนนั้นที่พวกเขาจะจำทางกลับไปยังวิหารได้

“… โอ้ ใช่แล้ว เธอบอกว่าเธอมีคำสั่งที่เธอต้องทำให้สำเร็จ แม้ว่าเธอจะไม่ได้บอกพวกเราก็ตาม จะยังไงมันก็ดี การที่พบคนอย่างพวกนาย เราไม่อาจช่วยเหลือพวกเขาได้ด้วยเพียงแค่พลังของพวกเรา”

ทาเรสแสดงสีหน้าขมขื่นออกมา

แม้ว่าพวกเขาจะใช้เวลาด้วยกันมานาน พวกเขาก็ไม่เคยได้ยินถึงเรื่องเกี่ยวกับคำสั่งและวิหารเลย

และพวกเขากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่พวกเขาไม่อาจช่วยไอเลนได้เพราะพวกเขามีพลังไม่พอ

กี๊ซซซซ!

ฮันซูเอ่ยถามเคนหลังจากที่ฆ่าปรสิตตัวสุดท้ายและเก็บรูน

“เรามาถึงจริงๆ แล้วใช่ไหม? ไหนล่ะ?”

เคนชี้ไปยังรูเล็กๆ ที่อยู่ระหว่างอุโมงค์มดด้วยนิ้วของเขา

รูที่ทรุดโทรมอย่างมากเมื่อเทียบกับอุโมงค์รอบๆ ที่มีเพดานสูงนับสิบเมตร

‘ดูเหมือนว่ามันเป็นสิ่งที่คนจะวิ่งผ่านไปได้ง่ายๆ ถ้าไม่รู้เกี่ยวกับมัน’

มันไม่มีทางที่พวกเขาจะเข้าไปในรูเล็กๆ ทุกรูอย่างนั้นได้ภายในอุโมงค์มดที่แสนซับซ้อนเพียงเพราะความสงสัย

ฮันซูเอ่ยไปยังคนรอบๆ

“รออยู่นี่”

“หือ?”

ฮันซูกระโดดเข้าไปในรูที่อยู่ห่างออกไปในทันทีที่เขาเอ่ยจบ

‘ไอ้เวรไม่ยั้งคิดนี่!’

ทาเรสผวาไปเมื่อเห็นภาพนั้น

หากมันเกิดเสียงดังขึ้นหลังจากที่กระโดดเข้าไปแบบนั้น งั้นคนรอบๆ ก็จะไหลเข้ามาที่นี่

แม้ว่ามันจะถูกปกปิดให้เป็นรูเล็กๆ เพื่อที่จะซ่อนมันจากสายตาคนอื่นๆ มันก็ยังคงจะมีนักผจญภัยปีห้าและปีหกที่จะมาที่นี่

ในเมื่อมันคือสถานที่ที่ถูกสร้างขึ้นโดยกิลด์รีโรรีโรเรเพื่อปกปิดมันจากสายตาของกิลด์อื่นๆ

ทว่าสิ่งที่เป็นปัญหายิ่งกว่าคือหน่วยลาดตระเวนรอบๆ

แม้ว่าคุกนี้จะเป็นเพียงมุมๆ หนึ่ง ทว่าพื้นที่โดยรอบเป็นของกิลด์รีโรรีโรเรทั้งหมด

ในวินาทีที่เกิดเสียงขึ้นข้างในนั่น ลูกกิลด์ทั้งหมดจะไหลมาที่นี่ราวกับมดสมชื่ออุโมงค์มด

ทว่าไม่เหมือนเช่นที่ทาเรสเป็นกังวล ภายในอุโมงค์มดยังคงเงียบงัน

‘…เกิดอะไรขึ้นในนั้น?’

ทาเรสมองไปรอบๆ ทว่าโซเฟียกับเตกิลอนกำลังหรี่ตาลง

ราวกับว่าพวกเขาไม่รู้เช่นกัน

หลังจากจมอยู่ในความเงียบงันไปพักใหญ่ คนคนหนึ่งที่แบกเอาบางสิ่งที่ใหญ่กว่าตัวเขามากก็กระโดดขึ้นมา

ฮันซูไม่ได้ตัวเล็ก ทว่าคนที่อยู่ในมือของฮันซูกลับมีความสูงเกือบสองเมตร

ผิวกายสีน้ำตาลแดงและใบหน้าราวกับเสือ

สีหน้าของทาเรสสดใสขึ้นทันทีที่เขาเห็นภาพนั้น

“ไอเลน!”

ทว่าทาเรสทำได้เพียงแค่กัดฟันกรอดเมื่อเห็นสภาพของไอเลน

ในเมื่อทั่วทั้งร่างของไอเลนเต็มไปด้วยบาดแผล

‘ไอ้พวกเวรบัดซับนี่!’

และทาเรสไม่ใช่เพียงคนเดียวที่โมโห

“ฮึ่ย…”

เตกิลอนแสดงสีหน้าจนใจออกมาหลังจากที่เห็นสภาพร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลของหนึ่งในเผ่าพันธุ์ของเขา

‘ทำไมพวกเขาถึงได้ส่งเด็ก… ที่ไม่แม้แต่จะได้รับการผ่าตัดดัดแปลงร่างกายออกมา?’

หากเธอได้รับการผ่าตัด งั้นจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ทว่าคำถามของเขาหายไปเมื่อเขาเห็นแผลที่ปกคลุมไปทั่วร่างของอีกฝ่าย และความกราดเกรี้ยวที่ทะยานสูงขึ้นแทนที่

‘มนุษย์…’

มันไม่มีอะไรดีเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ของหมอนี่เลย

จนถึงจุดที่เขาไม่อาจเข้าใจได้ว่าทำไมฮันซูถึงได้พยายามเพิ่มจำนวนของพวกเขาอย่างหนักขนาดนี้

‘การร่วมมือกับคนพวกนี้เป็นไปได้หรือ?’

เตกิลอนทำได้เพียงสงสัย

ฮันซูเอ่ยไปยังเตกิลอน

“รีบหนีเร็วเข้า”

“หืม?”

ฮันซูยักไหล่

“มันเกือบจะได้เวลาหนีแล้ว”

พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ

ในตอนนั้นเองที่พิราบสื่อสารนับสิบได้บินว่อนไปทั่วจากภายในรูเล็กๆ นั้นที่ฮันซูออกมา

และทาเรสแสดงสีหน้างุนงงออกมาขณะที่เขาพึมพำ

“โอ้ให้ตายเถอะ… นายไม่ได้ฆ่าพวกมันเหรอ?”

ฮันซูผงกศีรษะ

‘มันจะเป็นปัญหาถ้าพวกนั้นไล่ล่าพวกเรา’

มันมีความแตกต่างอยู่ระหว่างการพาตัวคนๆ หนึ่งหนีออกไปกับการฆ่าทุกคนด้านในแล้วหนีออกไป

ขนาดของทีมแกะรอยจะเปลี่ยนไปเช่นกัน

แม้ว่าทาเรสคนนี้จะดูเหมือนมีความแค้นส่วนตัว แต่มันไม่มีความจำเป็นให้เขาลงมือเพื่อเรื่องนั้น

ฮันซูเอ่ยขึ้นกับไอเลนขณะที่เขาวิ่งต่อไป

ในเมื่อเขาได้ช่วยเหลือคนที่รู้ทางเอาไว้ มันก็ถึงเวลาที่เขาจะถามเกี่ยวกับมันแล้ว

แน่นอนว่าหลังจากช่วยให้อีกฝ่ายจำมันได้แล้ว

“เธอกำลังพยายามทำภารกิจอะไร?”

พวกเขาจำเป็นต้องทำภารกิจให้สำเร็จเพื่อที่จะค้นหาวิหาร

และเพราะแบบนี้ ฮันซูจึงยินดีช่วยเหลือภารกิจของไอเลน ทว่าเขาจะทำแบบนั้นได้ก็ต่อเมื่อเขารู้ว่ามันคืออะไร

ไอเลนมองไปรอบด้านก่อนจะกัดฟันแน่น

เพราะเธอติดอยู่ระหว่างการที่จะบอกคนพวกนี้หรือไม่

‘ข้าจะเชื่อมนุษย์พวกนี้ได้เหรอ?’

ไอเลนมองไปยังทุกคนรวมทั้งทาเรสในขณะที่เธอครุ่นคิด ทว่าสุดท้ายแล้วก็กัดฟัน

‘ข้าต้องการความช่วยเหลือของพวกเขา’

เธอเสียเวลาที่นี่มากเกินไป และสภาพร่างกายของเธอเองก็ไม่ดีพอที่จะฝ่าที่นั่นได้ด้วยตัวคนเดียว

ไอเลนเอ่ยขึ้นหลังจากที่คิดเสร็จ

“โปรดพาข้าไปที่ท่อบัลลาดิ”

ทาเรสแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของไอเลน

<ท่อบัลลาดิ>

มันคือหอคอยลึกลับที่ตั้งอยู่ที่กระดูกสันหลังของกรากอซ

แม้ว่ามันจะไม่ได้สูงเหนือผิวเกิน 5 เมตร ทว่าเหตุผลที่ทำให้สิ่งลึกลับนี่ถูกเรียกว่าหอคอยคือส่วนที่จมลึกอยู่ด้านล่าง

ความลึกของหอคอยนี้ที่มักจะขัดขวางการขุดอุโมงค์มดของพวกเขาไม่อาจที่จะคำนวณได้

หอคอยที่จมลึกไปเกินกว่าส่วนที่ลึกที่สุดที่มนุษย์เคยไป

มนุษย์ต้องการที่จะสำรวจสถานที่นี้ให้มากขึ้น ทว่ามันมีบัลลาดิในบริเวณนั้นมากเกินไปจนถึงจุดที่คนส่วนมากไม่อาจแม้แต่จะเข้าใกล้มันได้

หอคอยลึกลับที่จมลึกอยู่ในร่างของกรากอซที่มีบัลลาดิจำนวนมากจนถูกเรียกตามชื่อของพวกมัน

คนอื่นๆ รู้สึกงุนงง ทว่าสีหน้าของเตกิลอนย่ำแย่ลง

มนุษย์ไม่รู้ ทว่าผู้ที่สร้างสิ่งก่อสร้างที่ถูกเรียกว่าท่อบัลลาดิขึ้นคือพวกเขา อคารอน

เป้าหมายของสิ่งก่อสร้างนั่นมีเพียงอย่างเดียว

<ตรวจสอบระดับของเหลวในร่างของกรากอซ>

ท่อบัลลาดิที่ติดอยู่บนกระดูกสันหลังยักษ์ของกรากอซเพื่อที่จะตรวจสอบระดับของเหลวที่ออกจากร่างของกรากอซโดยใช้แรงดันของเหลวนั้น

เหมือนกับเทอร์โมมิเตอร์

หากมันมีของเหลวในร่างมาก มันก็จะถูกเติมเต็มจนปริ่ม และหากมันกำลังขาดแคลน มันก็จะแห้งเหือดจนถึงก้น

กลไกที่ถูกสร้างขึ้นในเมื่อกรากอซจะพลิกตัวหากมันมีของเหลวในร่างไม่เพียงพอ

ฮันซูผงกศีรษะกับคำพูดนั้นขณะที่ทะยานร่างของเขาตรงไปยังท่อบัลลาดิเพื่อทำไอเลนไปที่นั่น

ท่อบัลลาดิไม่ได้อยู่ไกลจากที่ที่พวกเขาอยู่

ไอเลนรีบตรวจสอบภายในท่อผ่านหน้าต่างโปร่งใสบนกำแพงสีเขียวของท่อ

‘ไม่มี’

ของเหลวในร่างที่ควรจะเต็มเปี่ยมหายไป หลงเหลือเพียงหลุมสีดำที่สามารถมองเห็นได้ด้านล่าง

ไอเลนกัดฟันกรอดขณะที่เธอคลำไปรอบๆ ของท่อพร้อมกับเปิดประตูออกและตะโกน

“ข้าจะกลับมา รอเดี๋ยว”

“อืม!”

ไอเลนกระโดดลงไปในท่อและตรวจสอบระดับความสูงของท่อหลังจากที่เอ่ยขึ้นกับคนเบื้องหลัง

‘แม้ว่าเราจะคาดเดาเอาไว้แล้ว แต่การที่มันมากขนาดนี้…’

ไอเลนกัดฟันกรอดขณะที่เธอมองไปยังท่อที่กำลังแห้งเหือดลง

หากของเหลวในร่างอยู่ในเขตสีเขียวของท่อมันจะนับว่าปลอดภัย

นั่นหมายความว่าอคารอนจำนวนมากขึ้นกว่าเดิมจะสามารถอาศัยอยู่ได้

มันไม่มีความจำเป็นในการปะทะกับมาร์กอชเช่นกัน

ไอเลนลงไปลึกกว่าเดิมอีกเล็กน้อยจนเกินเขตสีเหลือง

สีเหลืองหมายถึงการเตือน

ระดับที่แม้ว่ามันจะไม่มีความจำเป็นในการปะทะกับมาร์กอช ทว่าพวกเขาก็ควรจะหาทางควบคุมจำนวนประชากรของพวกมัน

‘… แม้แต่ส่วนนี้ก็ยังไม่ถึงเลย’

ไม่ช้า ไอเลนก็ผ่านเขตสีเหลืองและเริ่มที่จะไปถึงยังส่วนสีแดงของท่อ

สีแดงอันตรายมาก

ตอนนี้ มันมีเพียงหนึ่งในสองเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น

หากไม่ใช่มาร์กอชตาย ก็เป็นพวกเขาที่ต้องตาย

พวกเขาต้องเปิดสงครามกับมาร์กอช

และลดปริมาณของเหลวที่พวกเขาจะสามารถดื่มได้

‘… ตรงนี้ก็ไม่มีเหรอ?’

ในตอนนั้นเองที่ไอเลนตื่นตะลึง ท่อสีแดงสิ้นสุดไปแล้ว

ในตอนนั้นเองที่ไอเลนสร้างเสียงน้ำสาดกระเซ็นขึ้นเมื่อร่างของเธอจมลงไปในของเหลวของกรากอซ

บุ๋ง บุ๋ง

ร่างของเธอกระแทกกับมันอย่างรุนแรง ทว่ามันไม่ใช่ส่วนสำคัญ

ไอเลนรีบมองไปรอบๆ

สีดำ

‘โอ้พระเจ้า มันลงมาถึงที่นี่เร็วขนาดนี้ได้ยังไง…’

ของเหลวในร่างแทบจะไม่ท่วมท่อสีดำด้วยซ้ำ

ไอเลนกัดฟันกรอดกับสถานการณ์ที่เลวร้ายเกินกว่าที่คาดคิด

เธอต้องรีบกลับไปยังวิหารและบอกพวกเขา

‘… ข้าต้องออกไปโดยที่พวกเขาไม่รู้’

ขีดจำกัดหายไปและเธอจำถึงตำแหน่งของวิหารได้แล้ว

คำพูดที่ว่าเธอจะกลับไปเป็นเพียงแค่คำโกหกเพื่อที่จะสลัดคนพวกนั้นเท่านั้น

กฎบอกให้พวกเขาไม่โกหกและตอบแทนความบุญคุณ ทว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์อันตรายเกินไป รวมทั้งสถานการณ์ในยามนี้เองก็ไม่ดีนัก

ในตอนที่ไอเลนกำลังจะหนีออกไปผ่านอุโมงค์ลับที่ด้านข้างท่อ เสียงน้ำสาดกระเซ็นก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

‘มีคนกระโดดเข้ามาหลังจากข้า?’

ในขณะที่ไอเลนตื่นตะลึง เสียงของฮันซูก็ดังขึ้นจากภายในของเหลว

“มันจะมีปัญหานิดหน่อยถ้าเธอไปคนเดียว”

ฮันซูแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมาขณะที่เขามองไปยังกำแพงสีดำ

‘… มันเร็วเกินไป มันควรจะเกิดขึ้นอย่างน้อยในหนึ่งปีข้างหน้า จะอย่างไรก็เถอะ มันไม่ได้ดูเหมือนว่าเด็กนี่จะยอมพวกเราง่ายๆ แบบนั้น’

ฮันซูขมวดคิ้วขณะที่มองไปยังไอเลนที่หวาดระแวงเขาอย่างมาก

 


TL: ตอนนี้ 14 หน้าแหนะ…//ตาย