บทที่ 104: การผ่าตัดดัดแปลงร่างกาย (4)

 

 

 

ฮันซูตรวจสอบเขตแดนอย่างละเอียด

โซเฟียเผยสีหน้าประหลาดใจออกมาเล็กน้อย ฮันซูมองไปยังโซเฟียด้วยสีหน้าเข้าใจ

‘มันเป็นสกิลที่ไม่ได้ปรากฏขึ้นในเขตสีแดง’

ความจริงแล้ว แม้แต่ในเขตสีส้มก็ยังยากที่จะได้ครอบครองมัน

ทว่ามันเป็นสกิลที่มีประโยชน์อย่างมากจริงๆ

ผู้ใช้จะสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับตนเองได้ในเมื่อเขาคือผู้ที่ใช้สกิล

และยิ่งความเชี่ยวชาญในสกิลนี้เพิ่มมากขึ้นแค่ไหน ผู้ใช้ก็จะยิ่งสามารถเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมไปได้เรื่อยๆ

เขากำลังสร้างเขตแดนของตัวเองอยู่

ตราบเท่าที่ใครก็ตามเข้าไปติดอยู่ข้างใน เขาก็จะสามารถครอบครองความได้เปรียบในการต่อสู้ได้

ครืนน ครืนนน

การโจมตีในรูปแบบของหนอนเขียวยังคงปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง

และสัตว์อสูรที่ฮันซูเคยฆ่าเพื่อแหวนเนอร์มาฮาก่อนหน้าก็กำลังลุกขึ้นห่างออกไปพร้อมกับเสียงดังสนั่น

จุดที่แข็งแกร่งที่สุดของเขตแดนนี้คือการที่คนที่ติดอยู่ภายในจะสามารถออกไปได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาสามารถค้นหาแกนกลางที่เชื่อมต่อเข้ากับผู้ใช้ได้

และพวกเขาจำเป็นต้องค้นหาแกนกลางไปรอบๆ แต่ว่ามันไม่จำเป็นที่นี่

ในเมื่อลูกแก้วสีน้ำเงินได้ตั้งอยู่เหนือสิ่งก่อสร้างที่ถูกทำลายห่างออกไปราวกับว่าเคลกำลังโอ้อวดมัน

ฮันซูแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา

การที่อีกฝ่ายสามารถเปิดเผยแกนกลางออกมาได้แบบนั้นหมายความว่าอีกฝ่ายมีประสบการณ์กับการใช้เขตแดนมาบ้าง

‘มันไม่มีความจำเป็นในการยืดเยื้อ’

ยิ่งคนติดอยู่ในสกิลประเภทมิตินานเท่าใด มันก็ยิ่งเลวร้ายขึ้นเท่านั้น

หากพวกเขาเสียพลังของพวกเขาไปกับการใช้สกิลสุ่มๆ มันก็จะยิ่งส่งผลดีต่อผู้ใช้

ฮันซูถ่ายเทพลังไปยังสามง่ามอัสนีในมือ

ในเวลาเดียวกัน เขาก็ได้ใช้ <พลังแห่งการทำลายล้าง> จากแหวนเนอร์มาฮา

คว้างงง

แสงสีใสส่องประกายที่ปลายสามง่ามอัสนี

จากนั้นมันจึงปรากฏคมมีดระบาดขึ้น

มันไม่มีเหตุผลให้ออมมือ

ฮันซูใช้สปอร์ที่แข็งแกร่งและโหดเหี้ยมที่สุด สปอร์แบบแรก ออกไปด้วยสามง่ามอัสนี

แสงสีเหลืองครอบคลุมประกายแสงสีใสและอาบย้อมไปทั่วทั้งสามง่าม

สุดท้าย ฮันซูจึงรวบรวมพลังสกิลสนับสนุนมังกรปีศาจทั้งร่างของเขาและส่งแสงสีดำทองของมันตรงไปยังสามง่าม

การโจมตีที่ถูกเตรียมขึ้นเพื่อจบทุกอย่างในครั้งเดียว

‘ถ้านายป้องกันมันได้… นายก็ชนะ’

คว้างงงง!

จากนั้นฮันซูจึงขว้างสามง่ามอัสนีตรงไปยังแกนกลาง ลูกแก้วสีฟ้าที่อยู่ห่างออกไป

 

 

อุโมงค์มดที่สูงหลายสิบเมตร

ลูกแก้วเส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งเมตรกำลังลอยอยู่ใจกลางอุโมงค์มดในขณะที่มันส่องแสงสีแดงสว่างจ้า

รูปแบบของมิติที่ถูกสร้างขึ้นจากสกิลมิติ

เคล ดอว์สันแสดงสีหน้าพึงพอใจออกมาขณะที่เขามองไปยังลูกแก้วสีแดงที่กำลังหมุนอยู่

‘โซเฟีย ดูเหมือนในที่สุดฉันก็จะสามารถตอบแทนสิ่งที่เธอทำกับฉันได้’

เขาได้รีบร้อนหลบหนีมายังเขตสีส้มหลังจากที่เสียแขนซ้ายไปเมื่อพยายามจะต่อสู้กับอีกฝ่าย

และเขาได้ดิ้นรนอย่างหนักเพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้นก่อนที่เธอจะขึ้นมา

‘หรือไม่อย่างนั้นฉันก็จะฆ่าเธอไม่ได้’

เคล ดอว์สันที่กำลังแย้มยิ้มอย่างพึงพอใจขณะมองไปยังลูกแก้วที่ส่องแสงสีแดงออกมาราวกับถูกสร้างขึ้นด้วยเลือดพลันมุ่นคิ้วเข้าหากัน

คนด้านในนั่นจู่ๆ ก็โยนหอกไปในอากาศ

‘หือ?’

วินาทีที่เคล ดอว์สันประหลาดใจ หอกก็ได้พุ่งแหวกผ่านอากาศและมุ่งตรงไปยังเหนือตึกกังนัมที่เป็นสถานที่ตั้งของแกนกลาง

และเคลก็ได้แสดงสีหน้าพึงพอใจออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นภาพนั้น

‘เขาตกหลุมแล้ว’

การโจมตีที่ใส่พลังทั้งหมดของเขาลงไป

กลิ่นอายของหอกที่บินมานั้นไม่ใช่ธรรมดา

หากหอกนั่นทะลวงผ่านแกนกลาง ถ้าอย่างนั้นมันก็จะอันตรายสำหรับเขาเช่นกัน

ในเมื่อแกนกลางสีน้ำเงินภายในมิติและแกนกลางสีแดงเบื้องหน้าเขานั้นเชื่อมต่อกัน

วินาทีที่หอกนั้นโจมตีไปยังแกนกลาง มันก็จะพุ่งออกมาจากแกนกลางเบื้องหน้าเขาและโจมตีเขา

ทว่ามันมีเงื่อนไขที่ว่าต้องโจมตีโดนเขา

‘ฉันไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาทั้งหมดถึงได้ทำตัวเหมือนกัน’

เขาจงใจวางแกนกลางไว้ในสถานที่ที่ง่ายต่อการพบเห็น

ตอนที่เขาสร้างมิติขึ้นมาในอดีต เขามักจะซ่อนแกนกลางไว้ในสถานที่ที่ลึกที่สุดเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้มันถูกทำลายหากถูกโจมตี แต่เขาพบว่ามันมีประสิทธิภาพมากกว่าในการเปิดเผยแกนกลางออกมา

หากเขาซ่อนแกนกลางเอาไว้ คนข้างในก็จะรับมือกับการโจมตีรอบๆ อย่างเยือกเย็น แต่เมื่อแกนกลางปรากฏขึ้นให้เห็น พวกเขาจะเมินเฉยต่อการโจมตีโดยรอบและมุ่งเป้าไปยังแกนกลางเท่านั้น

แม้ว่ามันจะเป็นกับดักก็ตาม

‘ขยับ’

เคลขยับตำแหน่งของแกนกลางที่อยู่เหนือตึกกังนัมไปเล็กน้อย

วูบ

มิติภายในสั่นไหวเล็กๆ จากการที่เขาขยับแกนกลาง ทว่าเคลไม่ใส่ใจ

ในเมื่อมันคือการขยับที่เขาได้คำนวณถึงความคงทนของมิติเอาไว้แล้ว

สถานการณ์ที่คนคนหนึ่งใช้พลังทั้งหมดของเขาในการเตรียมตัวโจมตีและส่งมันตรงไปยังแกนกลาง ทว่าทันใดนั้นแกนกลางก็ได้หายไปจากสายตาของพวกเขา

ในตอนนั้น คนพวกนั้นจะรู้สึกตื่นตะลึงและถูกกวาดไปด้วยการโจมตีจำนวนมากรอบๆ

พวกเขาจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หากพวกเขารู้ว่ามันยังมีขีดจำกัดในการขยับแกนกลางอยู่ แต่ว่ามีคนเพียงไม่มากที่รู้ในเมื่อสกิลประเภทมิตินั้นค่อนข้างหายาก

โดยเฉพาะคนที่เพิ่งจะขึ้นมาแบบพวกนั้น

‘ไหนดูสิ’

เคลมองไปยังภายในมิติด้วยสีหน้ามึความสุข

ในเมื่อเขาต้องการที่จะเห็นสีหน้าของหมอนั่นเมื่อการโจมตีของเขาพลาด

แต่เคลพลันรู้สึกถึงความเย็นเยียบที่ไหลวูบไปตามไขสันหลัง

ในเมื่อไอ้คนที่ขว้างหอกมากำลังหัวเราะอยู่

ในตอนนั้นเองที่หอกที่ถูกขว้างมาได้เลี้ยวไปในทิศทางที่ไม่น่าจะเป็นไปได้

ฟึ่บ

หอกที่เลี้ยวเก้าสิบองศาไม่ได้มีความเร็วลดลงแม้แต่น้อยนิดในขณะที่มันเริ่มจะทะยานตรงไปยังกองอิฐที่อยู่ห่างออกไป

ไปยังสถานที่ที่เขาย้ายแกนกลางไป

“บัดซบเอ้ย!”

เคลรีบเปลี่ยนสภาพแวดล้อมของมิติ ป้องกันการแกะรอยของหอกและเริ่มจะใช้สกิลป้องกันกับตนเองในโลกภายนอก

จากนั้นเขายังใช้สกิลสนับสนุนพิเศษของเขา <สกิลสนับสนุนหยกโลหะ> เพื่อที่จะเปลี่ยนให้ร่างของเขากลายไปเป็นกึ่งโลหะ

ตูม! ตูม! ตูม!

หอกได้ทะลวงผ่านร่างของสัตว์อสูรนับสิบและหนอนเขียวนับร้อยขณะที่มันโจมตีไปยังลูกแก้วสีฟ้า

แคร่ก!

ในวินาทีที่หอกโจมตีไปยังลูกแก้วสีฟ้าที่แข็งแกร่งอย่างมาก แสงสีใสก็ได้ส่องสว่างขึ้นจากหอก

จากนั้นแกนกลางก็ได้สั่นกระเพื่อมพร้อมกับกลืนกินหอกสีทองนั้นเข้าไป

ราวกับว่ามันไม่อาจต้านรับไว้ได้อีก

และหอกสีทองที่ถูกลูกแก้วสีฟ้านั้นกลืนเข้าไปก็ได้ปรากฏขึ้นจากลูกแก้วสีแดงในโลกแห่งความเป็นจริงและมุ่งตรงไปยังร่างของเคล ดอว์สัน

หรือจะให้แม่นยำกว่านั้นคือมุ่งตรงไปยังหัวใจของเขา

เคล ดอว์สันรีบคว้าหอกที่พุ่งตรงมายังร่างของเขาไว้พร้อมกับใช้สกิล <กรงเล็บแห่งอันทัล>

ครืนนนน

แสงสีใสจางหายไปทว่าพลังของหอกก็ยังคงมหาศาล

เคล ดอว์สันกัดฟันกรอดขณะที่สกิลสนับสนุนของเขาถูกฉีกกระชากจากสกิลสนับสนุนสีดำทอง

‘แต่… ฉันรอด’

หอกที่พุ่งตรงมายังเขาเริ่มจะสูญเสียพลังของมัน

ในตอนนั้นเองที่พลังสีเหลืองที่โอบล้อมหอกอยู่ได้กระจายไปในอากาศ

เคล ดอว์สันแสยะยิ้มเมื่อเห็นภาพนั้น

สกิลสนับสนุนหยกโลหะของเขามีพลังต้านทานพิษมหาศาล

ในเมื่อมันเหมือนกับการที่เปลี่ยนร่างของเขาให้กลายเป็นโลหะ

ทว่าเคลทำได้เพียงหยุดหัวเราะ

เมื่อความเจ็บปวดรุนแรงได้ปรากฏขึ้นจากทั่วร่างของเขา

ชี่

“อ๊ากกกกก!”

บางสิ่งที่มีสีเหลืองได้เริ่มกัดกินร่างของเคลขณะที่มันสร้างความเจ็บปวดราวกับถูกเผาไหม้ไปทั่วทั้งร่าง

เคร้ง

หอกที่พุ่งตรงมายังเขาหมดพลังลงและหล่นลงบนพื้น ทว่าเคลไม่อาจแม้แต่จะสนใจมันขณะที่เขากำลังกรีดร้องพร้อมกับกลิ้งไปมาบนพื้น

ฟึ่บ

ในตอนนั้นเองที่เขาเห็นมือของคนคนหนึ่งหยิบหอกที่ตกอยู่บนพื้นข้างเขาไป

เคลได้สติขึ้นมาแม้ว่าจะยังคงดิ้นรนจากความเจ็บปวดเมื่อเห็นภาพนั้น

‘นี่มันแย่แล้ว’

มันไม่มีทางที่โซเฟียจะปล่อยให้เขามีชีวิตรอดหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป

‘ไม่สิ มันจะยิ่งแย่หากเธอปล่อยให้ฉันมีชีวิตรอด’

เคลที่เข้าใจถึงความอันตรายของสถานการณ์ได้ใช้ทั้งสกิลสนับสนุนหยกโลหะและสกิลมิติในขณะที่เขาใช้สกิลที่แข็งแกร่งที่สุดองเขา

คว้างงงงง

กล่องโลหะสีแดงทองล้อมรอบร่างของเคล ดอว์สันไว้ในเสี้ยววินาที

<มิติโลหะแดง>

ตัวผู้ใช้จะไม่อาจทำอะไรได้เช่นกัน ทว่ามันคือวิธีการสุดท้ายของเคลที่มีพลังป้องกันมหาศาล

เหตุผลที่เคล ดอว์สันไม่ได้ใช้มันตั้งแต่แรกเป็นเพราะว่ามันไม่ได้ได้ผลขนาดนั้น

หากเขาใช้สิ่งนี้ งั้นเขาก็จะไม่อาจทำอะไรได้เป็นเวลา 30 นาที

แต่คนที่ไล่ต้อนให้เขาใช้มันได้จะสามารถทะลวงผ่านมันเข้ามาได้ในเวลา 30 นาที

‘แต่… คนพวกนี้กำลังมุ่งเป้าไปที่อะไรบางอย่าง’

เคล ดอว์สันรีบตะโกนออกไปขณะที่คิดจะซื้อเวลา

“เดี๋ยว! พวกนายคงไม่ได้คิดจะฆ่าฉันหรอกใช่ไหม? พวกนายรู้ไหมว่าฉันคือใคร? กิลด์รีโรรีโรเรส่งคนมากกว่ากว่านี้แล้ว! พวกนายควรจะหนีไปซะ!”

ฮันซูแสยะยิ้มอยู่ภายในเมื่อได้ยินเช่นนั้น

‘ไม่มีทาง’

คนพวกนั้นเป็นที่รู้กันดีว่าจะไม่ลงมือเกินกว่าที่ควร

เขาไม่รู้ถึงสถานะของไอ้หมอนี่ข้างหน้าเขา แต่หากพวกเขาส่งคนระดับนี้มาเพื่อฆ่าโซเฟีย ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็ทำเกินพอแล้ว

พวกเขาจะไม่ส่งคนมาเพิ่มอีก

ใบหน้าของโซเฟียซีดขาวลงในทันที

ในเมื่อลักษณะพิเศษของเธอ ห้องสมุด กำลังส่งสัญญาณเตือน

ทั้งฮันซูและคนที่อยู่ข้างหน้าเธอล้วนแข็งแกร่ง

ทว่ามันไม่อาจเทียบกับคนที่กำลังมาในตอนนี้ได้

“เวรเอ้ย มันเป็นความจริง มีบางอย่างกำลังมา”

“…?”

‘ไม่มีทาง’

แต่มันก็ไม่มีทางเช่นกันที่ลักษณะพิเศษของโซเฟียจะผิดพลาด

ฮันซูหรี่ตาและเพ่งมองไปหลังจากได้ยินคำพูดของโซเฟีย ทว่าเขาไม่อาจรับรู้ถึงสิ่งใดจากประสาทสัมผัสของเขาได้เลย

ซึ่งหมายความว่าบางสิ่งได้เข้ามาใกล้จากนอกระยะการรับรู้ของเขา

‘…ฉันหวังว่าฉันจะมีสกิลรับรู้ระยะไกลสักสกิลสองสกิล’

แม้ว่าเขาจะเพิ่มประสาทสัมผัสของเขาด้วยสกิลสนับสนุนมังกรปีศาจ มันก็ยังคงไม่อาจเทียบกับสกิลรับรู้ระยะไกลได้

‘มันมีสกิลอีกมากที่ฉันจะต้องเติมเต็ม’

คนคนหนึ่งต้องมีสกิลโจมตี สกิลป้องกัน และสกิลตรวจสอบที่แข็งแกร่ง

แต่เขาไม่ได้เร่งรีบ

ฮันซูขัดเกลาประสาทสัมผัสของเขาให้แหลมคมยิ่งขึ้นไปอีก

เพื่อที่จะอ่านคลื่นอากาศที่ปรากฏขึ้นจากสิ่งมีชีวิตแทนที่จะเป็นตัวสิ่งมีชีวิตเอง

คุณสามารถปกปิดกลิ่นอายของคุณหรือคลื่นพลังได้

ทว่าคุณไม่อาจที่จะปกปิดการสั่นไหวในอากาศที่ถูกสร้างขึ้นจากการที่มีบางสิ่งเคลื่อนผ่านได้

มันคือผลจากสิ่งที่เขาค้นพบหลังจากผ่านการต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วน

ในตอนนั้นเองที่ฮันซูรับรู้ถึงการสั่นไหวของอากาศได้เล็กๆ

หลังจากที่คำนวณความเร็ว กลิ่นอาย และระยะทางที่สิ่งมีชีวิตนั้นกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ ฮันซูก็แสดงสีหน้าจนใจออกมาขณะที่เขามองไปยังคนที่อยู่เบื้องหน้าเขา

‘เป็นระดับมาร์กอช ไอ้หมอนี่สำคัญขนาดนั้นเลย?’

ระดับบัลลาดิ

ระดับมาร์กอชคือสิ่งที่อยู่เหนือกว่ามัน

คนที่แข็งแกร่งอย่างมากจนสามารถเอาชนะมาร์กอชได้ด้วยตัวคนเดียว

‘… มันควรจะมีคนพวกนี้ไม่มากในกิลด์รีโรรีโรเร หมอนี่ ฉันคิดว่าเป็นคนไร้ประโยชน์คนหนึ่งซะอีก’

เขาไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อนที่หมอนี่หนีไปจากโซเฟีย ทว่าหากคนระดับมาร์กอชกำลังวิ่งมา ถ้าอย่างนั้นมันก็หมายความว่าหมอนี่คือใครบางคนที่มีความสำคัญอย่างมาก

‘มันไม่มีเวลาแล้ว’

เขาอาจจะสามารถทะลวงผ่านสกิลป้องกันที่อยู่ด้านหน้าเขาได้

ทว่ามันต้องใช้เวลาราวๆ 1 นาที

แต่ถ้าอย่างนั้น เขาก็ต้องปะทะกับคนที่กำลังมุ่งหน้ามาหาพวกเขา

‘ฉันยังเอาชนะไม่ได้’

ระดับมาร์กอชเป็นอะไรที่ยากจะรับมือแม้ว่าเขาจะใช้การกลายพันธุ์แล้ว

ไม่สิ เขามีโอกาสที่จะแพ้สูงกว่า

มีเพียงแค่ผู้ที่โชคดีอย่างมากและมีพรสวรรค์สูงจึงจะสามารถเข้าสู่ระดับมาร์กอชได้

เหมือนคังเต้หรือเคลเดียน

มันเหมือนกับการถูกหวย ทว่ามันมักจะมีคนที่ถูกอยู่เสมอ

คนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเขตสีส้มที่เต็มไปด้วยมนุษย์นับร้อยล้านคน

“เราต้อง…”

ในตอนนั้นเองที่เขาขมวดคิ้วไปยังลูกกิลด์รีโรรีโรเรที่ปรากฏขึ้นในประสาทสัมผัสของเขา

หากเป็นแบบนี้ เขาจะถูกจับ

ในตอนนั้นเองที่พิราบสื่อสารสีแดงได้บินมาจากที่ห่างออกไป

<ทางนี้! วิ่งมาทางนี้!>

“…หืม?”

ฮันซูขมวดคิ้วกับพิราบสื่อสารที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นจากที่ใดสักแห่งภายในอุโมงค์มด

จากนั้นจึงเอ่ยถามโซเฟีย

“จะตามไปดีไหม?”

เขาเอ่ยถามเพื่อที่จะพิจารณาว่ามันเป็นเส้นทางที่เป็นกับดักหรือปลอดภัย

โซเฟียสัมผัสพิราบสื่อสารสีแดงก่อนที่จะผงกศีรษะ

ลักษณะพิเศษของเธอบอกให้เธอตามพิราบสื่อสารนี้ไป

ในตอนนั้นเอง ฮันซูและโซเฟียก็หิ้วเคนและเตกิลอนไปขณะที่พวกเขารีบเคลื่อนไหวร่างไปยังทิศทางที่พิราบสื่อสารสีแดงนั้นบอกพวกเขา

เคล ดอว์สันแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาหลังจากที่เห็นภาพนั้นก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง

“อุวะฮ่าฮ่าฮ่า! พวกนายตกหลุมจริงๆ เหรอเนี่ย? นี่มันยิ่งกว่าคำว่าโง่อีกนะเนี่ย!”

เขาพนันกับมัน ทว่าพวกนั้นเชื่อเขาและหนีไปจริงๆ

เคล ดอว์สันหัวเราะและแสยะยิ้ม จากนั้นจึงเอ่ยกับตนเองว่าเขาจะแก้แค้นในครั้งต่อไป

‘ครั้งต่อไปฉันจะจัดการพวกแกได้แน่ๆ’

พวกนั้นแข็งแกร่ง แต่หากเขารวบรวมคนในระดับเขาอีกสักคนสองคน งั้นพวกเขาก็จะชนะได้

เคล ดอว์สันที่ได้เพิ่มคนอีกคนเข้าไปในแบล็คลิสต์ของเขานอกจากโซเฟียมองไปยังมิติโลหะสีแดงที่อยู่รอบตัวเขาก่อนจะเผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา

‘ฉันเดาว่าไอ้นี่ยังคงพอมีประโยชน์อยู่บ้าง’

มันคือสกิลที่เขาเรียกว่ากล่องหน้าโง่เพราะมันมีประโยชน์แค่พลังป้องกันอันสูงลิ่ว ทว่ามันทำให้คนที่อยู่ภายในไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ทั้งยังลดมุมมองสายตาของคนที่อยู่ด้านใน แต่การที่มันสามารถช่วยชีวิตเขาไว้ได้แบบนี้

ทว่าเคล ดอว์สันพลันรู้สึกถึงบางสิ่งที่แปลกประหลาดหลังจากที่เขาหัวเราะไปสักพัก

‘หือ?’

ลูกกิลด์รีโรรีโรเรที่รวมตัวกันเพื่อที่จะจับผู้บุกรุกได้เริ่มที่จะหลบหนีไปทุกทาง

เคล ดอว์สันอึ้งไปขณะที่เขามองไปยังทิศทางที่คนที่หนีไปมอง

และจากนั้นสีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไปร้อยแปดสิบองศาเมื่อเขามองขึ้นไปด้านบน

“หวา… หวา…”

เคล ดอว์สันเริ่มที่จะโจมตีไปยังกำแพงสีแดงรอบกายเขาอย่างไม่รู้ตัว

ทว่าแน่นอนว่ามันไม่อาจส่งผลใดๆ ต่อมิติโลหะแดงได้

ตูมมม!

ในตอนนั้นเองที่บางอย่างได้ทะยานลงที่เบื้องหน้าเคน ดอว์สันราวกับมิสไซน์

เคล ดอว์สัน พยายามที่จะกัดลิ้นตนเองตายเมื่อเห็นผู้ที่เดินออกมาจากม่านฝุ่น

ในเมื่อการฆ่าตัวตายยังดีกว่า

ในตอนนั้นเองที่คนคนนั้นได้ยื่นมือของเธอออกมาอย่างรวดเร็วราวกับฟ้าผ่า

แคร่ก!

มิติโลหะเลือดที่แม้แต่ฮันซูยังยอมแพ้และหนีไปแตกสลายลงราวกับแก้ว

หมับ

“อึก… อึก”

เคล ดอว์สันสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวเมื่อคางของเขาถูกคว้าเอาไว้ก่อนที่เขาจะสามารถกัดลิ้นได้

จากนั้นผู้หญิงเบื้องหน้า เอนบิ อาริน จึงมองไปยังเคลและเอ่ยพึมพำขึ้นด้วยสีหน้าสงบนิ่ง

“ฉันได้ยินมาเยอะเลยถึงเรื่องที่นายทำกับน้องของฉันไว้”

“อุ…”

เคล ดอว์สัน อยากจะตะโกนออกไป

ว่าเขาคงจะไม่ทำมันหากเขารู้ว่าอีกฝ่ายคือน้องของคนคนนี้

เอนบิ อารินมองไปยังเคล ดอว์สันที่ร่างถูกปกคลุมไปด้วยเมือก จากนั้นจึงเดาะลิ้น

“ไหนดูสิ ทำไมนายถึงบาดเจ็บขนาดนี้เนี่ย มีหลายๆ อย่างต้องทำ ดังนั้นก็รักษานายก่อนค่อยเริ่มหลังจากนั้นแล้วกัน”

“อูววว…”

เคล ดอว์สันตระหนักขึ้นได้ในวินาทีที่เขาเห็นแสงรักษาในมือซ้ายของเอนบิ อาริน

ว่าเขาคงไม่อาจตายได้ง่ายๆ

เคลแสดงสีหน้าสิ้นหวังออกมา

 

 

‘หืมมม มีบางอย่างรบกวนฉัน’

ฮันซูรู้สึกราวกับมีบางอย่างรบกวนขณะที่กำลังติดตามพิราบสื่อสารไปผ่านอุโมงค์มดที่ซับซ้อน ทว่าทำเพียงแค่เมินมันไปพร้อมกับส่ายศีรษะ

ในเมื่อคนที่ส่งพิราบสื่อสารนั้นมาได้ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าเขาแล้ว

‘… พวกเขาไม่ได้ดูเป็นศัตรู’

“พวกนายคือใคร?”

ฮันซูมองไปยังกลุ่มชายสามหญิงสามที่หลบซ่อนอยู่ที่มุมหนึ่งของอุโมงค์มดที่ซับซ้อนอย่างมาก

ในตอนนั้นเองที่ชายที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดชี้ไปยังเคนที่อยู่ในมือของฮันซูก่อนจะเอ่ย

“ส่งตัวหมอนั่นมา”

ฮันซูหรี่ตาเมื่อเขาได้ยินคำพูดของชายคนนั้นที่กำลังบอกให้เขามอบตัวไกด์ของเขาออกไป

 


TL: สงครามแย่งตัวเนวิเกเตอร์ เริ่ม!