บทที่ 101: การผ่าตัดดัดแปลงร่างกาย (1)

 

 

 

 

“… มันกินไอ้พวกนั้นเหรอ?”

โซเฟียขมวดคิ้วขณะที่เธอมองไปยังสิ่งมีชีวิตที่ถูกเรียกว่ามาร์กอชที่อยู่ห่างออกไป

แม้ว่ามันจะดูค่อนข้างขี้ขลาด แต่ร่างของมันก็สูงหลายกิโลเมตร

มันจะต้องร้ายกาจใหญ่โตมากแค่ไหนจึงจะสามารถกินไอ้ตัวพวกนั้นได้?

ฮันซูทำเพียงยักไหล่เมื่อได้ยินเช่นนั้น

“อย่ากังวลเลย เราจะฆ่าพวกมันได้แน่ๆ”

ถ้าพวกเขาทำตามแผนของเขาไปทีล่ะขั้น สุดท้ายแล้วพวกเขาจะสามารถไปถึงจุดที่พวกเขาสามารถฆ่าพวกทิราดัสได้

‘มันยังไม่มีความจำเป็นในการจับมันในตอนนี้’

จะอย่างไรพวกเขาจำเป็นต้องผ่านขั้นตอนอีกมากก่อนจะไปถึงจุดนั้น

และได้รับสิ่งที่พวกเขาสามารถได้รับที่นี่

“มาทำสิ่งที่เร่งด่วนที่สุดก่อนเถอะ”

“มันคืออะไร?”

ฮันซูแย้มยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“ที่นี่มีความพิเศษอยู่อย่างหนึ่ง”

เหตุผลที่ใหญ่ที่สุดที่ทำให้ฮันซูต้องการที่จะฟื้นฟูที่นี่ เขตสีส้ม

เตกิลอนนิ่งอึ้ง

“หืมมม… เจ้าต้องการจะเข้ารับการผ่าตัดดัดแปลงร่างกายหรือ?”

<การผ่าตัดดัดแปลงร่างกาย>

ความพยายามที่ควบรวมกันของอคารอนที่อิจฉาในร่างกายอันทรงพลังของกรากอซที่สามารถต้านทานหรือกระทั่งดื่มกินลาวาได้

ฮันซูผงกศีรษะกับคำพูดนั้น

หากการรักษากรากอซเป็นเรื่องสำหรับผู้คนที่ข้ามมาจากโลกก่อนหน้า เช่นนั้นการผ่าตัดดัดแปลงร่างกายก็เหมือนกับการเตรียมตัวไปยังโลกต่อไป

‘มนุษย์อ่อนแอเกินไป’

มันไร้ประโยชน์ที่จะเทียบพวกเขากับมาร์กอชหรือกรากอซ

หรือจะพูดสั้นๆ คือ ร่างกายของมนุษย์อ่อนแอเกินไป

ความจริงที่พวกเขาสามารถตายได้ง่ายๆ ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่โดดเด่นที่สุดของมนุษย์ในบรรดาเผ่าพันธุ์ทั้งหมด

แม้จะเป็นเอลวินไฮล์มยังมีพลังป้องกัน พลังกาย และกระดูกที่แข็งแกร่งกว่าพวกมนุษย์หลายเท่าตัว

แม้ว่าจะไม่มีความช่วยเหลือจากต้นไม้โลกก็ตาม

‘ร่างกายที่ทรงพลังที่ยังคงแข็งแกร่งแม้ว่าจะไม่มีความช่วยเหลือจากรูน’

พวกเขาจะสูญเสียพลังต่อสู้หากพวกเขาไม่ดื่มกินสักสองสามวัน และจะตายถ้าหากไม่มีอากาศหายใจ

เรื่องพวกนี้ไม่อาจแก้ไขได้ด้วยรูน

อบิสนั้นเลวร้ายเสียยิ่งกว่ากว่าทะเลลาวา เฮอริงเซ็น

มันคือสถานที่ที่เต็มไปด้วยอุกกาบาตที่ร่วงหล่นและสายฟ้าที่ฟาดลงมาทุกๆ ย่างก้าวของพวกเขา

สถานที่บางแห่งไม่มีอากาศ และบางแห่งมีแรงโน้มถ่วงที่มากกว่าปกตินับสิบเท่า

แม้ว่าพวกเขาจะสามารถต้านทานพวกมันได้ด้วยสกิล นั่นก็หมายความว่าพวกเขากำลังใช้พลังงานที่ควรจะใช้ในการต่อสู้ไปในการเอาชีวิตรอดแทน

พวกเขาจะสามารถต่อสู้กับเผ่าพันธุ์ในอบิสได้ง่ายขึ้นด้วยสิ่งนี้

‘เราต้อง… ดัดแปลงร่างกายของมนุษย์ใหม่ทั้งหมดก่อนที่จะเดินหน้าต่อ’

เสริมพลังให้ร่างกายของมนุษย์นับพันล้านที่จะขึ้นมา

มันไม่ใช่จะเป็นร่างกายแบบไหนก็ได้

อคารอนจะได้รับร่างกายที่ทรงพลังที่กระทั่งสามารถต่อสู้กับมาร์กอชตัวยักษ์เหล่านั้นได้

และหากฮันซูสามารถครอบครองสิ่งนี้ได้ เช่นนั้นมันก็จะสามารถช่วยได้มากหลังจากนี้

‘แรงกดดันจากการกลายพันธุ์จะลดลงอย่างมากในทันที’

เตกิลอนผงกศีรษะขณะที่เขามองไปยังฮันซู

“เผ่าพันธุ์ของเจ้าจะไม่ได้รับผลมากเท่าที่ควรจะได้ ในเมื่อเจ้าไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกับเรา แต่มันก็ยังคงมีความเป็นไปได้ แต่… เราจำเป็นต้องตามหาวิหาร”

วิหาร

ที่อยู่ของเหล่านักบวชที่เลื่อมใสศรัทธาในกรากอซ

หัวหน้าเผ่าที่ได้รวบรวมอคารอนทั้งหมดเข้าเป็นหนึ่งเดียว เมคิโด ได้เลือกวิหารให้เป็นสถานที่ในการดัดแปลงร่างกาย

วิหารได้ตั้งอยู่ในสถานที่ที่พลังของกรากอซไหลผ่านมากที่สุด

และเพราะแบบนั้น มันจึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสมกับการดัดแปลงร่างกายมากที่สุด  สถานที่ที่พวกเขาสามารถดึงพลังของกรากอซออกมาและหลอมรวมมันเข้ากับร่างกาย

‘ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่พวกเราเคยอยู่’

เตกิลอนมองไปรอบๆ ยามที่พวกเขาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

มันไม่ใช่หนึ่งในยี่สิบเจ็ดอาราเขตที่พวกเขาเคยอาศัยอยู่มาก่อน

แต่มันยังคงมีร่องรอยของเผ่าพันธุ์ของเขา

‘ขอบคุณพระเจ้า พวกเขาคงจะข้ามมาที่นี่’

หากเผ่าพันธุ์ของพวกเขาได้หลบหนีมาจากอาณาเขตหนึ่งและมายังกรากอซตัวนี้ เช่นนั้นพวกเขาก็ย่อมสร้างวิหารขึ้นและเตรียมพร้อมสิ่งที่จำเป็นในการทำการดัดแปลง

แม้ว่าเผ่าพันธุ์ของพวกเขาจะถูกทำลายหลังจากที่การผ่าดัดดัดแปลงได้ถูกคิดค้นขึ้น คุณค่าของเทคโนโลยีนี้ก็ยังคงมากเกินกว่าที่พวกเขาจะยอมปล่อยมันไป

ไม่สิ คุณค่าของการผ่าตัดดัดแปลงร่างกายนั้นกระทั่งมีมากขึ้นกว่าเดิมในเมื่ออคารอนส่วนมากได้ตายไปแล้ว

ปัญหาคือพวกเขาไม่รู้ว่าวิหารอยู่ที่ไหน

ตัวกรากอซเองก็ใหญ่มากอยู่แล้ว และพวกมันทั้งหมดยังมีความแตกต่างกัน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากในการคาดเดาว่าบริเวณไหนที่มีพลังงานไหลเวียนผ่านมากที่สุด

มันอาจจะอยู่ลึกในร่างกาย หรืออยู่ในระหว่างเขาทั้งสองข้าง

มันอาจจะอยู่ใกล้หัวใจหรือว่ากระเพาะที่กลืนกินลาวา

เผ่าพันธุ์ของพวกเขาสามารถค้นหาตำแหน่งของสถานที่ที่มีพลังไหลผ่านหลังจากที่อาศัยอยู่บนหลังกรากอซไปหลายปี เพิ่มจำนวนของพวกเขา และค้นหาไปทุกซอกทุกมุมของกรากอซ

แน่นอนว่าพวกเขาสามารถสร้างวิหารได้จำนวนมากในสถานที่ที่มีพลังงานไหลเวียนน้อยกว่า ทว่านักบวชไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น

<วิหารจำเป็นต้องตั้งอยู่ในบริเวณที่สำคัญที่สุดและเป็นแกนกลางของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ กรากอซ หากมิเช่นนั้นมันก็เหมือนกับการทำให้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ต้องด่างพร้อย!>

‘ไอ้เวรพวกนั้น’

พวกเขาไม่ได้เป็นที่ชื่นชมสำหรับเตกิลอนที่อยู่ฝ่ายเผ่านัก

เขาต้องการที่จะเมินและเหยียบย่ำพวกนั้นทั้งหมด แต่เขาไม่อาจเพิกเฉยต่อพลังพิเศษของเหล่านักบวชได้

นักบวชที่รับใช้กรากอซไม่ใช่คนทั่วไป

ในระบบของเผ่าอคารอนที่ผู้นำและนักบวชมีอำนาจใกล้เคียงกัน พลังของนักบวชกับผู้นำก็ไม่ได้แตกต่างกันขนาดนั้น

และนี่ก็เหมือนกับหัวหน้าเผ่า เมคิโด ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงได้ใช้วิหารเป็นสถานที่ในการดัดแปลงร่างกาย

และมันก็ยังคงได้รับการยินยอมอย่างมากจากนักบวช

ในตอนแรก หัวหน้านักบวช คาร์บานัม ได้อาละวาดว่าพวกเขากำลังทำให้พลังของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์สกปรกและดูดกลืนมัน

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าจำนวนของคนในเผ่าจะมากกว่านักบวชหรือไม่ แต่มันมีโอกาสสูงที่วิหารหลังหนึ่งจะถูกสร้างขึ้น

“ก่อนอื่นเราต้องหาวิหารนั่นก่อน มันจะง่ายขึ้นถ้าเราหาคนของเผ่าข้าพบ แต่… ข้าไม่สามารถยืนยันอะไรได้เลย”

มันอาจจะต่างออกไปหากเจ้าของสถานที่นี้คืออคารอน แต่มันไม่ได้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเช่นนั้น

เตกิลอนไม่อาจให้คำมั่นได้ว่าเขาจะสามารถหาวิหารพบในระยะเวลาสั้นๆ ในสถานการณ์เช่นนั้น

ฮันซูครุ่นคิดไปชั่วครู่ก่อนจะผงกศีรษะ

‘มันมีที่หนึ่งที่น่าจะมี…’

แต่เขาไม่มั่นใจ

ในเมื่อความลึกของกรากอซคือโลกที่ลึกลับสำหรับมนุษย์

เหตุผลที่พวกเขาสามารถค้นพบการคงอยู่ของอคารอนได้นั้นไม่ใช่เพราะพวกเขารู้ในทุกส่วนของกรากอซ

มันเป็นเพราะมันเกิดการต่อสู้กันระหว่างอคารอนและมนุษย์บนกรากอซ

เตกิลอนพึมพำด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลขณะมองไปยังฮันซู

“แต่ดูเหมือนว่าหลายๆ อย่างค่อนข้างลำบาก”

“หืม?”

“มันอาจจะต่างออกไปหากมีคนจากเผ่าอยู่ที่นั่น แต่… หากคนจากฝ่ายนักบวชเป็นคนควบคุมล่ะก็ เช่นนั้นพวกเขาก็จะไม่อนุญาตให้พวกเราใช้วิหาร”

มันไม่ใช่ว่าเขาเหมารวมว่าพวกที่มาจากฝ่ายนักบวชเป็นคนเลวร้ายเพียงแค่เพราะเขาเป็นคนของเผ่า

นักบวชคือกลุ่มคนที่ให้ความสำคัญกับอคารอนที่มีพลังอำนาจในการดัดแปลงร่างกายก่อน

แล้วเจ้าคนประเภทนั้นมีหรือจะอนุญาตให้มนุษย์คนหนึ่งที่มาจากต่างเผ่าใช้วิหาร?

มันต้องเกิดการต่อสู้ขึ้น

เตกิลอนมองไปยังฮันซูก่อนจะเอ่ยขึ้น

“ข้าแค่พูดเผื่อไว้ แต่… เราควรจะระวังการกระทำของพวกเราไว้ เจ้าแข็งแกร่ง แต่เผ่าพันธุ์ของพวกเราเองก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน”

<เกรทบารอง> ที่ปกป้องวิหารก็ยิ่งแข็งแกร่งเป็นพิเศษ

เหล่าคนที่ต่อสู้เพื่อที่จะกำจัดศัตรูของวิหารไปตลอดชีวิต

พลังของพวกเขาไม่อาจตั้งข้อสงสัยได้ในเมื่อพวกเขาคือนักรบที่ทรงพลังพอแล้ว แต่ว่ายังได้รับคำอวยพรจากวิหารและการดัดแปลงร่างกายเพิ่มอีก

ไม่มีอะไรให้ต้องพูดมากในเมื่อเงื่อนไขในการเป็นเกรทบารองก็คือการที่สามารถฆ่ามาร์กอชได้ตัวหนึ่งด้วยตัวคนเดียว

พวกเขาจะได้รับสิทธิ์ในการป้องกันวิหารและการดัดแปลงร่างกายก็ต่อเมื่อพวกเขาสามารถกำจัดปรสิตที่อาศัยอยู่เหนือสัตว์วิเศษ มาร์กอช เท่านั้น

ฮันซูผงกศีรษะ

มันเป็นเรื่องดีที่จะลดการปะทะที่ไม่จำเป็น

แต่มันมีบางสิ่งที่เขาจำเป็นต้องกังวลหลังจากที่หามันพบ

“อย่างแรก ฉันคงต้องไปหาความช่วยเหลือสักหน่อย”

มันยากสำหรับเขาในการสำรวจกรากอชตัวยักษ์นี่ด้วยตัวเอง

เขาจำเป็นต้องยืมพลังของกลุ่มอำนาจที่มีอยู่ก่อนหน้า

‘ฉันควรจะไปที่ไหนดี?’

กรากอซมีส่วนพลังจำนวนมากในตำแหน่งที่แตกต่างกันในเมื่อมันตัวใหญ่มาก

เขาต้องใช้เวลาสักพักในการค้นหาข้อมูลในเมื่อพวกเขาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในตำแหน่งไหน

โซเฟียที่ฟังอยู่เงียบๆ ด้านข้างสะกิดฮันซู

“หืม?”

“ลักษณะพิเศษของฉันกำลังบอกฉันให้ไปที่ทิศทางหนึ่ง?”

ฮันซูผงกศีรษะ

“ไปกันเถอะ”

“มันจะดีเหรอที่จะเลือกง่ายๆ แบบนั้น?”

ยามที่เตกิลอนเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล ฮันซูก็ส่ายศีรษะ

“การที่จะให้ฉันตัดสินใจได้ดีกว่าโซเฟียยังยากกว่าอีก แค่เชื่อเธอก็พอ”

การที่เขาเลือกทิศทางใดทิศทางหนึ่งได้รับผลกระทบจากความรู้ของเขาในอนาคตอย่างมาก

แต่สิ่งที่เขารู้มีเพียงแค่สิ่งที่สำคัญ เขาไม่อาจที่จะจดจำรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ได้

ในทางกลับกัน ห้องสมุดได้เติมเต็มพวกเขาด้วยคำใบ้และบอกเส้นทางที่รวดเร็วที่สุดให้แก่พวกเขา

โซเฟียที่มีความสุขจากคำชมของฮันซูทะยานร่างของเธอไปยังทิศทางที่ลักษณะพิเศษกำลังบอกเธอ

 

 

“ฟิ้ว… เราเกือบจะไม่รอดแล้ว เวรเอ้ย พวกมันหนีรอดไปกันหมด ทำไมต้องมาโจมตีกันตอนนี้ด้วย…”

เคนกัดฟันกรอด

เขาไม่อาจทำอะไรได้ในเมื่อการโจมตีเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา แต่ผลของมันในครั้งนี้เป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุด และมันยากที่เขาจะไม่คร่ำครวญออกมา

มันช้าเกินไปสำหรับเขาในการค้นหาพวกที่หลบหนีไปทุกทิศทาง

และหลังจากนี้ คนพวกนั้นก็จะเข้าใจถึงอันตราและรวมตัวกันกับกิลด์ของพวกเขา

และมันจะแทบเป็นไปไม่ได้สำหรับคนอย่างเคนที่เคลื่อนไหวกับกลุ่มคนจำนวนน้อยนิดเพื่อที่จะค้นหาโอกาสครั้งต่อไป

‘และ… มันยังแตกต่างจากเมื่อก่อน’

เคนมองไปยังมาร์กอชที่อยู่ห่างออกไป

มาร์กอชที่ยังคงมีชีวิตรอดได้อ้วกเอานักผจญภัยจากเขตสีแดงออกมาอย่างต่อเนื่อง

เหล่าผู้ที่มักจะออกมาเพียงหนึ่งครั้งต่อเดือน

เหตุผลที่พวกเขาสามารถทำเช่นนี้ได้เป็นเพราะมาร์กอชจะอ้วกคนพวกนั้นออกมาเพียงแค่หนึ่งครั้งต่อเดือน

การตั้งป้อมอยู่เช่นนี้เป็นเวลานานก็เหมือนกับเสียสติไปแล้ว

ในเมื่อมันก็เหมือนกับการขี้เกียจที่พวกเขาพยายามหลีกเลี่ยง

ความจริงแล้ว การใช้เวลาหนึ่งวันในเวลาสามสิบวันของเดือนหนึ่งไปยังนับว่าเป็นการลงทุนครั้งใหญ่

ในเมื่อคู่แข่งของพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นในวันนั้น

‘เวรเอ้ย’

เคนแสดงสีหน้าหดหู่ออกมา

นั่นหมายความว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะแก้แค้นอามิล สตาดันหรือเปล่า?

ในตอนนั้นเองที่ความหนาวเยือกแล่นไปตามไขสันหลังของเคน

และเคนรู้ถึงความรู้สึกนี้ดีเกินไป

‘อันตราย’

ในตอนนั้นเองที่ลูกแก้วสีหยกพุ่งผ่านอากาศมาและมุ่งตรงมายังเขา

‘เวรเอ้ย!’

เคนรีบรวบรวมแสงสีดำไว้ในมือของเขา

<แสงทมิฬทำลายล้าง>

สกิลที่ทำให้คนจากหน่วยสอดแนมของปราการแสงจากเขตสีแดงกลายเป็นก้อนเนื้อในเสี้ยววินาที

ส่วนดีของแสงทมิฬทำลายล้างคือการที่มันสามารถใช้กับของทุกสิ่งและสิ่งมีชีวิตทุกชนิดได้

ทุกสิ่งที่ถูกแสงสีดำนี้กวาดผ่านจะถูกทำลายโครงสร้างและหลอมละลายลงกลายเป็นเองของเหลวเหนียวข้น

แต่นี่เป็นเพียงยามที่พวกเขาอยู่ในระดับใกล้เคียงกันหรือเขาแข็งแกร่งกว่าเท่านั้น

ครึ่กก

ลูกแก้วหยกที่กระแทกลงมาที่ตัวเขาได้แช่แข็งร่างของเขา

แสงทมิฬทำลายล้างของเคนพยายามที่จะหลอมละลายน้ำแข็งนั้นลง ทว่ามานาและความเชี่ยวชาญสกิลของน้ำแข็งนั่นอยู่เหนือกว่าเขาระดับหนึ่งอย่างแน่นอน

‘นี่มันราวๆ… ห้าปี ไม่สิ เกือบหกปีด้วยซ้ำ บ้าเอ้ย’

เคนหยุดต่อต้าน

‘ในเมื่อพวกนั้นแช่แข็งฉัน พวกนั้นก็คงไม่คิดที่จะฆ่าฉัน’

หากพวกนั้นต้องการฆ่าเขา เช่นนั้นเขาก็คงตายไปแล้ว

มันจะดีกว่าในการที่จะเชื่อฟังแทนที่จะต่อต้านและถูกบีบบังคับให้เชื่อฟัง

แต่เคนรู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจครั้งนี้หลังจากที่เห็นใบหน้าของคนที่ได้แช่แข็งเขาไว้และกำลังเดินมาหาเขาห่างออกไป

เขาควรที่จะต่อต้านให้มากกว่านี้

“ผ่านมาสักพักแล้วนะ?”

“…ฉิบหาย”

เคนแสดงสีหน้ากระวนกระวายออกมาหลังจากที่เห็นโซเฟียเดินเข้ามาใกล้

เมื่อเห็นสีหน้ายินดีนั้น ความคิดก่อนหน้าของเขาก็ได้ถูกสลายหายไป

ในเมื่อเธอคงจะไม่แสดงสีหน้ายินดีขนาดนั้นออกมาขณะที่กำลังมากระทืบเขา

เคนรีบตะโกนออกไป

“ฉันไม่คิดว่าเธอจะรู้หรอกในเมื่อเธอเพิ่งมาถึงที่นี่ แต่เธอรู้ไหมว่าฉันมาจากกิลด์ไหน? ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เธอจะทำตามใจได้! เธอจะต้องเสียใจแน่ๆ!”

โซเฟียหัวเราะออกมาขณะที่เธอเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายพร้อมกับกำหมัดแน่นด้วยเสียงตะโกนอย่างร้อนรนของเคน

“ฉันรู้ ฉันเห็นมันชัดเลยล่ะ รีโรรีโรรี… หืม ค่อนข้างฟุ่มเฟือยเลยนะเนี่ย”

<รีโรรีโรรี>

กิลด์ที่เขาอยู่ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเขา

ฮันซูหัวเราะเมื่อเขาได้ยินเสียงพึมพำของโซเฟีย

‘เธอไม่เคยพลาด’

รีโรรีโรรี

แม้ว่าชื่อจะค่อนข้างห่วยแตกไปหน่อย แต่พลังอำนาจของมันเป็นของจริง

กิลด์ขนาดยักษ์ที่มีอำนาจครอบคลุมไปถึง 28 พื้นที่จาก 118 พื้นที่ที่มนุษย์สร้างขึ้นบนกรากอซ

หากพวกเขาตามการนำทางของหมอนี่ไป พวกเขาจะสามารถค้นหาคำใบ้บางอย่างได้

‘อืม มันดูเหมือนว่าหมอนั่นคงต้องได้รับการสั่งสอนก่อนซะหน่อย’

ในเมื่อเขาตั้งใจที่จะฆ่ามนุษย์คนอื่น เขาก็ควรที่จะคาดเดาถึงผลที่ตามมาไว้บ้างแล้ว

ฮันซูยักไหล่ขณะที่เขามองไปยังเคนที่ใบหน้าซีดขาวด้วยความหวาดกลัว

 


TL: ชื่อกิลด์เหมือนคิดไม่ออกแล้วปาดแป้นมั่วๆ เลยค่ะ…