เมื่อถังซิ่วไปถึงห้องเรียนแล้วภาพตรงหน้ามีแค่เพื่อนร่วมห้องที่กำลังกวัดแกว่งปลายปากกาไปทั่วกระดาษรวมถึงกำลังทบทวนหนังสือกันอย่างบ้าคลั่ง , ในห้องเต็มไปด้วย บรรยากาศตึงเครียด

เหลือเวลาอีกแค่ 3 เดือนเท่านั้นก่อนการสอบเข้ามหาลัย ตอนนี้อาจารย์ประจำชั้นกำลังทบทวนแนวข้อสอบของแต่ละวิชาอยู่

เมื่อเหลือบมองไปบนกระดานที่เต็มไปด้วยโจทย์คำถามพร้อมเพื่อนร่วมห้องที่กำลังตึงเครียดกันอยู่นั้นเขา รู้ได้ทันทีเลยว่าเขาไม่เหมาะกับโลกแบบนี้

“เห้อ…. ยังไงก็ตาม เพื่อทำตามความหวังของแม่ไม่จำเป็นต้องจริงจังมาก ฉันไม่ต้องสนใจสภาพแวดล้อมที่นี้ก็พอแล้ว ”

ถังซิ่วได้ถอนสายตาและเดินไปที่โต๊ะของตัวเอง

สิ่งที่ถัง ซิ่วไม่เคยคาดคิดเลยก็คือทุกๆคนที่ดูเหมือนจะยุ่งเหมือนคนบ้าได้หยุดทุกสิ่งที่พวกเขากำลังทำและจ้องมองมาที่เขา

ในสายตาที่มองมาเหล่านั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ ยั่วยุ ,สมเพช แม้กระทั่งเกลียดชังซึ่งทำให้เขารู้สึกประหลาด

“ถังซิ่ว,ที่นี่ไม่ต้อนรับแก  ออกไปเดี๋ยวนี้เลย !!”

ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงได้ชี้หน้าพร้อมออกคำสั่งไปที่เขา

เมื่อรู้สึกได้ถึงความเป็นปฏิปักษ์ที่ชายร่างผอมสูงนั้นส่งออกมาเขาก็ได้มอง”ปด้วยสายตาเย็นชาพร้อมกับปล่อยจิตสังหารออกมา

ชายรูปร่างผอมสูงนั้นเป็นเพื่อนในชั้นเรียนที่มีชื่อว่าหยางเจียง,เขาเป็นเหมือนหัวหน้าห้อง มันเป็นเพราะว่าคะแนนสอบเข้าของเขาได้น้อยกว่าถังซิ่วจึงเป็นเหตุให้เขาเกิดความอิจฉาและเกลียดชังซึ่ง หลังจากนั้นก็ได้สร้างปัญหาให้ถังซิ่วมามากมาย, เมื่อถึงตอนที่คะแนนของถังซิ่วดิ่งลงนั้นหยางเจียงผู้ซึ่งเป็นคนที่ชอบซ้ำเติมคนที่กำลังล้มเองก็ได้ใช้ทุกวิถีทางเพื่อกดขี่และสร้างความอับอายให้กับเขา

“ถังซิ่ว ที่นี่ไม่ต้อนรับแก ออกไปให้พ้นหน้าพวกเราเดี๋ยวนี้!!!”

“ถังซิ่ว ที่นี้ไม่ต้อนรับแก,ออกไปให้พ้นหน้าพวกเราเดี๋ยวนี้!!!”

“ถังซิ่ว, ที่นี้ไม่ต้อนรับแก,ออกไปให้พ้นหน้าพวกเราเดี๋ยวนี้!!!”

ถังซิ่วยังไม่ทันได้เริ่มตั้งคำถามกับหยานเจียงเลยด้วยซ้ำทว่าภายในห้องกลับเต็มไปด้วยเสียงตะโกนอัดไปที่เขาผู้ที่กำลังยังยืนอยู่ตรงหน้าทางเข้า

ในขณะที่ถังซิ่วกำลังจะทำความเข้าใจเหตุการณ์ก็ได้เกิดเสียงดัง “โครม!” ขึ้นภายในห้อง

ถังซิ่วได้มองไปเห็นเด็กอ้วนคนหนึ่งที่นั่งอยู่ท้ายห้องผู้ซึ่งยกเก้าอี้ของตัวเองฟาดลงไปบนโต๊ะ

แรงกระทำโดยชายคนนั้นรุนแรงถึงขนาดทำให้ห้องสั่นไหวไปพร้อมกับเสียง “โครมม” ฝูงชนที่พึ่งจะเยาะเย้ยถังซิ่วไปเมื่อครู่เองก็รู้สึกเหมือนมีแขนที่มองไม่เห็นมารัดคอของพวกเขาเอาไว้ เสียงตะโกนทั้งหลายได้เงียบลงในทันทีพร้อมกับบรรยากาศในห้องที่เงียบลงเหมือนป่าช้า

“ถังซิ่วไม่ได้ทำคะแนนแย่ในการสอบเลยและตัวเขาเองก็ไม่ได้หวังว่าจะสอบได้คะแนนเช่นนั้นเหมือนกัน จำเป็นไหมที่จะต้องพุ่งเป้าไปที่เขา ? ”

“ฉันนั่งโต๊ะข้างๆถังซิ่วและเห็นภายในดวงตาของเขา ฉันรู้ว่าเขาพยายามอย่างมากที่จะเรียนและฉันสามารถยืนยันได้เลยว่าเขานั้นเป็นคนที่ขยันที่สุดภายในห้องนี้แต่มันเป็นเพราะว่าอุบัติเหตุทางถนนเมื่อหนึ่งปีก่อนเท่านั้น พวกแกทุกคนเทียบกับเขาก่อนหน้านั้นไม่ได้ซักคนแล้วยังมีหน้ามาว่าเขาอีกงั้นเหรอ ? พวกแกมีสิทธิอะไรมาด่าคนอื่นเขา !!”

“อีกอย่างหนึ่งไม่ว่าคะแนนของถังซิ่วจะเป็นยังไง การตัดสินใจของห้องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกแก เขาอยากจะมาก็มาได้ อยากจะไปก็ไปได้ มันไปหนักส่วนไหนของพวกแก ?!!”

ชายร่างอ้วนคนนั้นได้ออกปากปกป้องถังซิ่ว

ชายอ้วนคนนั้นอ้วนโครตๆ ด้วยความสูงมากกว่า180เซนติเมตร , พุงของเขากลมโตเหมือนคนกำลังตั้งครรภ์ช่วงที่กำลังจะคลอด,ดวงตาดวงเล็กพร้อมหน้าตาที่น่าเกลียด

“หยวนชูหลิง,นายกำลังจะอวดอะไรห๊ะ ?,จริงๆแล้วที่คะแนนเฉลี่ยรวมของห้องนั้นต่ำลงก็เป็นเพราะนายไม่ตั้งใจยังไงล่ะ มีสำนวนอยู่ว่า ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งห้อง ห้องของเรานั้นดันมีปลาเน่าอยู่สองตัวซะได้จึงทำให้คะแนนเฉลี่ยไม่ดีขึ้นเลย”

หลังจากที่เงียบอยู่นานหยางเจียงก็ได้เอ่ยปากออกมา

“หยานเจียงแกว่าใครเป็นปลาเน่านะ ? ไหนแกลองพูดอีกรอบซิ ! ”

หยวนชูหลิงทุบโต๊ะเสียงดัง “ตึ้ง” ขณะที่ใช้ดวงตาจ้องไปยัง หยานเจียงก่อนที่จะคำรามออกมาอย่างดุร้าย

หยานเจียนในตอนนี้มีใบหน้าซีดเผือดจากการกระทำของหยวนชูหลิง  เขาไม่กล้าที่จะสบตากับหยวนชูหลิงเลยด้วยซ้ำ

“หยานเจียง,แกมันก็แค่ไอคนขี้ขลาด ต่อให้คะแนนแกดีแค่ไหนก็เถอะแต่หลังจากแกเข้าสังคมไปทำงานกับคนอื่นแล้วนั้น แกคิดว่าแกยังจะทำได้ดีอีกงั้นหรอ? ถ้าฉันคนนี้อยากจะจัดการแก ขอเวลาแค่ไม่ถึงนาทีก็พอแล้ว ”

หลังจากที่เห็นหยานเจียงยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว หยวนชูหลิงจึงได้เลิกสนใจเขาและกลับไปยังที่นั่งของตัวเอง

อย่างไรก็ตามเก้าอี้นั้นได้ผ่านการใช้งานมาอย่างยาวนาน เมื่อเขาลงน้ำหนักไปที่เก้าอี้ตัวนั้นก็เป็นเหตุให้มันหักลงโดยทันที หยวนชูหลิงในตอนนี้เองก็ลงไปกระแทกพื้นพร้อมส่งเสียงโอดครวญ

คนอื่นๆในห้องแทบอดลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่

ถังซิ่วเองก็เกือบที่จะหัวเราะออกมาแต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่หยวนชูหลิงพูดเพื่อปกป้องเขาเมื่อก่อนหน้านี้ไว้ก็ทำให้เขาอดกลั้นเอาไว้พร้อมไปช่วงพยุงตัวเขาขึ้น

หยานเจียงนั้นไม่กล้าที่จะยิ้มเพราะหยวนชูหลิงเป็นคนที่อารมณ์ร้อนเป็นอย่างมากซึ่งคนอื่นๆเองก็ไม่กล้าหัวเราะเพราะกลัวเขาโกรธ

“ทำไมถึงได้เสียงดังแบบนี้ ? เบาๆเสียงเดี๋ยวนี้ !!!”

หลังจากที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับหยวนชูหลิงนั้น ทางท้ายห้องก็ได้มีเสียงดังขึ้นมา

หลังจากได้ยินเสียงนี้แล้วทุกคนก็เงียบลงโดยทันทีซึ่งรวมไปถึงเสียงโอดครวญของหยวนชูหลิงด้วย

“เสียงพวกเธอได้ยินเกือบทั้งโรงเรียนแล้ว ,รู้จักไหมคำว่ามารยาทน่ะ ? ยังบอกได้อีกเหรอว่าพวกเธอเป็นห้องหลักหนะ ? ”

หลังจากที่ได้เห็นนักเรียน 60 คนในห้องกำลังตื่นกลัวแล้วฮูฉิวเชงเองก็แสดงใบหน้าที่เรียบเฉยออกมา

หลังจากที่ฮูฉิวเชงกวาดสายตาไปรอบๆนั้นนักเรียนทุกคนล้วนตื่นกลัวและก้มหัวลง มีเพียงแค่หยวนชูหลิง ถังซิ่ว และหยานเจียง เท่านั้นที่ยังยืนอกผายไหล่ผึ่ง

สายตาที่เกลียดชังของฮูฉิวเชงได้หยุดอยู่ที่ถังซิ่วและหยวนชูหลิงก่อนที่จะละสายตาแล้วหันไปถามหยานเจียงด้วยรอยยิ้มว่า

“หยานเจียง เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมห้องถึงได้ส่งเสียงโหวกเหวกแบบนี้ ?”

“อาจารย์ฮูครับ, ถังซิ่วไม่ได้มาเข้าทบทวนเมื่อวานครับ วันนี้เองก็ยังมาสายด้วยผมเลยดุเขาไปนิดหน่อยแล้วทำให้หยวนชูหลิงทุบโต๊ะเตะเก้าอี้พร้อมกับยั่วยุพวกเรา เขาบอกว่าได้เกรดเฉลี่ยดีแล้วมันก็ไม่มีค่าอะไรเพราะถ้าพวกเราเข้าไปในสังคมแล้วจะต้องรู้จักมีน้ำใจต่อคนอื่น ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองยังขู่พวกเราว่าจะอัดพวกเราครับ”

เมื่อมีอาจารย์ฮูคอยถือหางให้เขาก็ได้มองไปที่ถังซิ่วและหยวนชูหลิงด้วยสายตาที่เหยียดหยาม

ฮูฉิวเชงที่ได้ยินคำอธิบายของหยานเจียงเองก็แสดงสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังออกมา

“ถังซิ่ว, การสอบรายเดือนของครั้งที่แล้วคะแนนออกมาแล้ว , รู้ไหมว่าเธอได้คะแนนเท่าไหร่ ? แค่ 37 !!!”

ฮูฉิวเชงจ้องไปที่ถังซิ่วพร้อมตะคอกออกมา

“37, คะแนนเต็มทั้งหมด 750 ,เธอสอบได้แค่ 37 ที่หนึ่งนับมาจากท้ายของทั้งระดับชั้น เธอรู้ไหมว่ามีกี่คนที่หัวเราะฉันเพราะเรื่องนี้ ? แม่ของเธอยอมคุกเข่าต่อหน้าฉันไม่รู้ตั้งกี่ครั้งเพื่อขอให้ไม่ไล่เธอออก”

ฮูฉิวเชงได้พูดออกมา

“เธอสัญญากับชั้นทุกครั้งว่าเธอจะพยายามและตั้งใจทำให้ดีขึ้นในครั้งต่อๆไปแต่คะแนนออกมากี่ครั้งต่อกี่ครั้งเธอก็เกือบจะเป็นที่สุดโหล่ ยิ่งไปกว่านั้นคะแนนสอบแต่ละครั้งก็ยิ่งแย่ไปกว่าเดิมทุกครั้ง!”

“ถังซิ่ว, ฉันได้ยื่นเรื่องถึงผู้อำนวยการแล้วว่าจะไล่เธอออกหรือให้เธอย้ายไปอยู่ห้องอื่นเพราะห้องของเราไม่สามารถเป็นที่คุ้มกะลาหัวให้เธอได้อีกแล้วไม่อย่างงั้นฉันจะขอลาออกจากตำแหน่งอาจารย์ห้องนี้ ! ”

………

เมื่อพูดถึงตรงนี้ฮูฉิวเชงแถบจะคำรามออกมาใส่ถังซิ่ว กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขากระตุกพร้อมกับดวงตาแดงก่ำเหมือนว่าถังซิ่วได้ไปทำความผิดร้ายแรงมา

เมื่อเจอกับคำดุด่าของอาจารย์ ที่แรกเขาก็คิดที่จะอธิบายแต่หลังจากมองอาจารย์ได้พักหนึ่งแล้วเขาก็ตัดสินใจล้มเลิกความคิดนี้ เขาแค่ยืนให้อาจารย์อยากด่าอะไรก็ด่าไป

หยวนชูหลิงที่ยืนอยู่ข้างๆเองก็ทำหน้าเหมือนตัวเองเป็นคนถูกด่าแทน เขาอยากจะอ้าปากเพื่อแก้ต่างให้ถังซิ่วแต่เมื่อมองอารมณ์ของอาจารย์แล้วเขาก็ได้แต่เก็บความคิดนั้นเอาไว้

หลังจากด่าถังซิ่วได้ประมาณ10นาทีความโกรธในใจของฮูฉิวเชงก็ลดน้อยลงและละสายตาไปที่หยวนชูหลิงแทน

เมื่อเห็นใบหน้ากวนโอ้ยที่กำลังยิ้มอยู่ของหยวนชูหลิงแล้วเขาก็เลิกสนใจและทำเหมือนว่าหยวนชูหลิงไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้วไปทำอย่างอื่นต่อ

เสียงกริ่งแจ้งเตือนหมดเวลาดังขึ้น ฮูฉิวเชงเองก็ได้รีบออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว