จางลั่วเฉิน สนมหลิน และสาวใช้อวินเอ๋อร์ นั่งอยู่บนรถหลิ่งม่าเก่า ๆ คันหนึ่ง ออกจากวังอวินอู่หวังอย่างช้าๆ

 

หลิ่งม่า ไม่ใช่ม้า แต่เป็นสัตว์ที่บนหัวมีเขางอกอยู่ 1 อัน ร่างกายสูงถึง 3 เมตรกว่า คล้ายกับลูกช้าง ความเร็วในการวิ่งของมันเร็วกว่าม้าทั่วไปที่ใช้ในสงครามกว่า 5 เท่า ในบรรดาหลิ่งม่านั้น บางตัวยังสามารถวิ่งได้ถึงวันละ 3000 ลี้

 

รถหลิ่งม่าที่ไม่รู้วิ่งมาเป็นระยะทางไกลแค่ไหน ค่อยๆหยุดแล้วจอดลง

 

จางลั่วเฉินลงมาจากรถ มองไปยังประตูใหญ่เหลืองอร่ามสองบานที่อยู่ไม่ไกล เขามองไปยังป้ายที่แขวนอยู่ด้านบนขอบสีทอง มีตัวอักษรที่เขียนอย่างมีพลังไว้สองตัวว่า “จวนหลิน!”

 

เขาฉุกคิดขึ้นมาทันทีว่า ท่านแม่เองก็แซ่“หลิน”

 

ดูจากความโอ่อ่าของจวนแล้ว ตระกูลหลินเองก็ไม่ใช่ตระกูลเล็ก ๆ ถือว่าเป็นตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งเลย

 

ถ้าหากว่าตระกูลฝ่ายแม่ของท่านแม่เป็นตระกูลใหญ่ ทำไมถึงไม่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูล ? กลับโดนสนมคนอื่นในตระกูลฮวางรังแกอยู่ตลอด

 

จะต้องมีเรื่องอะไรซ่อนอยู่แน่ ๆ !

 

สนมหลิงเองก็เดินออกมาจากรถ แล้วเงยหน้ามองไปที่ประตูใหญ่อย่างคุ้นเคยแต่ก็เหมือนกับไม่คุ้นเคย นางกล่าวว่า “ลูกเฉิน ลูกคงอยากจะพบหนิ่งซานมานาน! ตอนนี้ลูงเองก็สามารถเปิดผนึกอักษรสวรรค์ได้แล้ว คงมีเรื่องมากมายที่อยากจะคุยกับหนิ่งซาน ลูกต้องพยายามเข้านะ!”

 

จนกระทั่งถึงตอนนี้ จางลั่วเฉินยังไม่รู้เลยว่าจริง ๆ แล้วหนิ่งซานเป็นใคร ได้ยินที่อวินเอ๋อร์กับท่านแม่พูด เขามักจะรู้สึกแปลกๆ

 

จางลัวเฉินและอวินเอ๋อร์ เดินตามการนำของสนมหลินเข้าไปในจวนหลิน

 

สนิมหลินกลับเข้าตระกูล ตามปกติแล้วควรจะได้รับการต้อนรับอย่างใหญ่โต แต่ว่า คนที่มารับจางลั่วเฉินกับสนมหลินที่เดินเข้ามาจากประตูใหญ่นั้นกลับมีเพียงแค่พ่อบ้านชราคนหนึ่ง

 

สนมหลินถูกพ่อบ้านชราพาไปในจวน ส่วนจางลั่วเฉินกับอวินเอ๋อร์อยู่นอกจวน มีเพียงแค่สาวใช้ 2 คนไว้คอยดูแลพวกเขา

 

จางลั่วเฉินรู้สึกว่าบรรยายกาศหมือนมีอะไรผิดปกติ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะถามยังไง เขาจึงได้แต่นิ่งเงียบไว้

 

“องค์ชายเก้า ท่านไม่ไปหาหนิ่งซานหรือ ตอนนี้นางคงอยู่ที่สนามฝึกยุทธ์ ลูกหลานทั้งหลายของตระกูลหลินคงกำลังฝึกฝนกันอยู่ที่นั่นกัน”อวินเอ๋อร์กล่าว

 

ใช่อวินเอ๋อร์ละสนมหลินพูดถึงหลายครั้งแล้ว ภายในใจจางลัวเฉินรู้สึกสนใจอยากรู้ขึ้นมา ว่าผู้หญิงที่ชื่อว่า“หนิ่งซาน”จริงๆแล้วเป็นใครกันแน่ ไปพบซักหน่อย คงไม่มีปัญหาอะไร

 

“อืม! ไปเถอะ ไปสนามฝึกตระกูลหลิน”จางลั่วเฉินพยักหน้าแล้วกล่าวขึ้น

 

ภายในจวนตระกูลหลิน

 

ในห้องโถงที่งดงามแบบโบราณห้องหนึ่ง ผู้นำตระกูลหลิน หลินเฟิ่งเซียน นั่งอย่างมั่นคงอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือ

 

มองดูแล้วอายุประมาณ 30 กว่าปี บนริมฝีปากด้านบนไว้เคราทิ้งตัวลงมาด้านข้างทั้งสองด้านอย่างเป็นระเบียบ แล้วปรายตามองมายังสนมหลินที่นั่งอยู่ตรงข้าม พลางกล่าว่า “องค์เก้ายังไงก็เป็นลูกหลานในตระกูลฮวาง ถึงจะเปิดผนึกอักษรสวรรค์ ก็ควรจะไปเลือกคัมภีร์ฝึกฝนที่หอคัมภัร์ตระกูลฮวาง สนมหลินทำไมถึงได้มาเอาคัมภัร์ฝึกฝนที่ตระกูลหลิน”

 

สนมหลินเม้มริมฝีปากเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “ไม่ใช่มาเอา แต่มาขอร้องพี่ใหญ่ให้เห็นแก่ลูกเฉินที่เป็นหลานชายแท้ๆ แล้วให้คัมภัร์ฝึกฝนซักม้วนแก่ลูกเฉิน”

 

“ โครม!”

 

หลินเฟิ่งเซียนฮึ่มออกมา แล้วตบไปบนโต๊ะ พร้อมกล่าวว่า“ตอนนี้รู้จักจะมาขอร้องข้าที่เป็นพี่ใหญ่ มาพูดเรื่องฐาติพี่น้อง สามปีก่อน ตอนที่ข้าไปจวนจวินหวางขอร้องเจ้า ทำไมเจ้าไม่เห็นแก่เฉินยวู่ว่าเป็นหลานเจ้าแล้วช่วยเขา ทั้ง ๆ ที่เจ้าก็รู้ ว่าเฉินยวู่เป็นลูกชายคนโตของข้า แล้วยังเป็นคนที่มีพรสวรรค์อย่างหาได้ยากในร้อยปีของตระกูลหลิน แค่เจ้าเข้าไปขอร้องจวินหวาง ก็จะสามารถปกป้องเขาได้ แต่ว่า เจ้ากลับไม่ไป…”

 

“สามปีก่อน…”สนมหลินรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างมาก จนกลั้นน้ำตาไม่ไหว นางอยากจะพูดความจริงของเรื่องเมื่อสามปีก่อน

 

แต่ว่า หลินเฟิ่งเซียนกลับตัดบทคำพูดของสนมหลิน แล้วกล่าวว่า “เจ้าไปเถอะ!ตระกูลหลินกับเจ้าตัดความสัมพันธ์กันไปนานแล้ว วันหลังก็ไม่ต้องกลับมาอีกนะ พระสนมหลิน”

 

“ตุ๊บ!”

 

สนมหลินคุกเข่าลงกับพื้น น้ำตาไหลไม่ขาดสาย น้ำเสียงสั่นเครือ แล้วกล่าวว่า “พี่ใหญ่ พี่จะตัดขาดกันอย่างนี้เลยหรือ ข้าอยากพบท่านพ่อ”

 

“ท่านพ่อไปเขาเทียนม๋อ อีกสามเดือนถึงจะกลับมา ตอนนี้เจ้ายังพบท่าพ่อไม่ได้” หลินเฟิ่งเซียนพูดอย่างไม่ยินดียินร้าย “ยังมีอีกเรื่อง หนิ่งซานกำลังจะแต่งงานกับองค์ชายเจ็ด บอกองค์ชายเก้าให้อยู่ห่างๆหนิ่งซานด้วย”

 

ในใจสนมหลินรู้สึกหมดหวัง แล้วกล่าวว่า“พี่ก็รู้มาตลอดว่า ลูกเฉินชอบหนิ่งซานมาก ถ้าหากเขารู้ว่าหนิ่งซานจะแต่งงานกับองค์ชายเจ็ด เขาจะเสียใจขนาดไหน แล้วอีกอย่าง ทำไมถึงเป็นองค์ชายเจ็ด”

 

หลินเฟิ่งเซียนกล่าว “ตอนที่องค์ชายเจ็ดอายุได้ 3 ปี ก็สามารถเปิดผนึกอักษรสวรรค์ระดับ 7 ได้ เขานั้นจะมีความสามารถขนาดไหน แล้วดูจากการฝึกของเขาในตอนนี้ คนหนุ่มของทั้งประเทศอวินอู่จวิน ไม่มีใครจะสามารถตามเขาได้ทัน หนิ่งซานสามารถแต่งงานกับองค์ชายเจ็ดได้ จะเป็นประโยชน์ตระกูลหลินในอนาคตมาก”

 

“ถึงองค์ชายเก้าจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกับหนิ่งซาน เป็นเพื่อนสมัยเด็กของหนิ่งซาน เรียกได้ว่าเป็นคู่กันมาตั้งแต่เล็ก แต่ว่า องค์ชายเก้านั้นมีความสามารถธรรมดา อายุ 16 ถึงจะสามารถเปิดผนึกอักษรสวรรค์ได้ ยังไงชาตินี้ก็คงไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรมากมาย ถ้าสามารถฝึกฝนได้ถึงขั้นอเวจีระดับปลายได้ก็นับว่าถึงขีดจำกัดสูงสุดแล้ว ยังไงก็ไม่มีทางเทียบกันกับองค์ชายเจ็ดได้”

 

สนมหลินกล่าวถาม “หนิ่งซานเองก็ยินยอมที่จะแต่งงานกับองค์ชายเจ็ดงั้นหรือ แต่งงานเพื่อผลประโยชน์ของตระกูล จะมีความสุขอย่างนั้นหรอ”

 

หลินเฟิ่งเซียนจ้องไปที่สนมหลินแล้วกล่าวอย่างไม่ยินดียินร้ายว่า “ผิดแล้ว นี่เป็ยการตัดสินใจของหนิ่งซานเอง”

 

ณ . สนามฝึกตระกูลหลิน กว้างขวางมาก ใหญ่ขนาดครึ่งนึงของสนามบอล

 

ลูกหลานตระกูลหลินแต่ละคนสวมชุดฝึกสีน้ำเงิน กำลังฝึกซ้อมเพลงยุทธอยู่ที่สนามฝึก มีทั้งกำลังฝึกเพลงฝ่ามือ มีทั้งที่กำลังฝึกเพลงดาบ บางคนก็กำลังฝึกเพลงมีด

 

พวกเขาล้วนเป็นหัวกะทิของตระกูลหลิน ทุกคนเปิดผนึกอักษรสวรรค์กันหมดแล้ว และกำลังตั้งอกตั้งใจฝึกซ้อม แล้วยังมีผู้อาวุโสของตระกูลหลินในสนามฝึกคอยช่วยชี้แนะแนวทางฝึก เพื่อช่วยให้ทุกคนก้าวหน้า

 

จางลั่วเฉินพยักหน้า แล้วแอบคิดในใจว่า “ตระกูลหลินในประเทศอวินอู่เองก็นับได้ว่าเป็นตระกูลใหญ่”

 

ขณะนั้นเอง สายตาของจางลั่วเฉินก็มองไปที่หญิงสาวรูปร่างผอมคนหนึ่ง ตะลึงในความสวยของนาง   

 

หญิงสาวคนนั้นมองดูแล้วอายุน่าจะอยู่ประมาณ 14 ปี หรือ 15 ปี รูปร่างเล็กบาง คิ้วเหมือนดังใบหลิว ดวงตาเป็นประกายราวกับดวงดาว ผิวขาวเหมือนกับหยก สวยจนเขาตกตะลึง

 

ดาบวิเศษในมือของนางเปล่งแสงเหมือนกับแสงดาว แสงที่เปล่งออกมาเป็นประกายสีน้ำเงิน กระแสดาบโอบล้อมอยู่รอบตัวของนาง ท่วงท่าเท้าที่นางเดิน อ่อนช้อยเหมือนกับกำลังเต้นรำ สง่างามเหมือนกับมังกร เพลงดาบไปจนกระทั่งถึงสุดท้าย

 

“ปลดปล่อยลมปราณออกมาภายนอก ดาบรำไปตามใจ วิธีการฝึกของนางอย่างน้อยก็คงต้องอยู่ในขั้นอเวจีระดับกลาง แข็งแกร่งกว่าองค์ชายแปดมาก”จางลั่วเฉินคิดอยู่ในใจ

 

“เอ๊ะ! นั่นไม่ใช่องค์ชายเก้าหรอกหรอ เขายังมาที่ตระกูลหลิน”ลูกหลานตระกูลหลินคนหนึ่งหันมาเห็นจางลั่วเฉินที่ยืนอยู่นอกสนามฝึก ยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น

 

“ต้องมาหาน้องหนิ่งซานอีกแน่ๆ น่าเสียดาย ตอนนี้หนิ่งซานไม่ได้อยากจะเจอเขาเลย”

 

“ได้ยินมาว่าเขาเองก็เปิดผนึกอักศรสวรรค์ได้แล้ว”

 

“เฮ้อ!อายุ 16 พึ่งจะเปิดผนึกอักษรสวรรค์ได้ จะยังมีประโยชน์อะไร ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกับหนิ่งซาน สงสัยว่าแค่ประตูใหญ่ของตระกูลหลินก็คงเข้ามาไม่ได้ด้วยซ้ำ ”

 

“ได้ยินมาว่า น้องหนิ่งซานกำลังจะแต่งงานกับองค์ชายเจ็ด เป็นคู่ที่ผู้ชายก็เก่งผู้หญิงก็สวยจริงๆ!”

 

“ฮ่า ฮ่า!จะว่าไปแล้ว องค์เก้านั่นก็แอบชอบน้องหนิ่งซานมาตลอด พวกนายลองทายดูนะว่า ถ้าหากเขารู้เรื่องที่หนิ่งซานกับองค์ชายเจ็ดจะแต่งงานกันล่ะก็ เขาจะมีสีหน้ายังไง ”

 

ลูกหลานทั้งหลายของตระกูลหลินล้วนหยุดฝึก แล้วจ้องไปที่จางลั่วเฉินที่ยืนอยู่ด้านนอกของสนามฝึก ชี้ไม้ชี้มือ กระซิบกระซาบ พร้อมส่งเสียงหัวเราะล้อเลียนออกมา

 

หนิ่งซานเองก็หยุดฝึก แล้วปรายตามองไปที่จางลั่วเฉินที่ยืนอยู่ด้านนอกสนามฝึก แล้วยกแขนขึ้นมาโบกเบา ๆ ดาบวิเศษในมือก็เก็บเข้าไปในปลอกดาบที่ห่างออกไป 5 เมตรอย่างแม่นยำ

 

หนิ่งซานเดินไปข้างหน้าจางลั่วเฉิน แล้วมองไปที่ร่างกายผอมบางของจางลั่วเฉิน พลางกล่าวว่า “พี่ชาย ไม่ได้เจอกันนาน ได้ยินมาว่าพี่ก็เปิดผนึกอักษรสวรรค์ได้แล้ว”

 

ตอนที่ยังเล็ก หนิ่งซานกับจางลั่วเฉินเป็นเพื่อนที่เล่นด้วยกันมา นับได้ว่าเป็นคู่กันมาตั้งแต่เล็ก ภายหลังหนิ่งซานเปิดผนึกอักษรสวรรค์ได้ เวลาส่วนใหญ่จึงใช้ไปกับการฝึกฝน นับวันก็ยิ่งห่างกับจางลั่วเฉิน

 

และพอเกิดเรื่องเมื่อสามปีก่อน นางก็ไม่ได้ไปที่วังอวินอู่จวินอีกเลย ถึงแม้จางลั่วเฉินจะไม่สบายบ่อย ๆ แต่ก็ยังมาหานางที่ตระกูลหลินบ่อย ๆ ถึงแม้จะได้เจอกันเพียงแวบเดียว ก็รู้สึกมีความสุขมากแล้ว

 

แต่ว่า โอกาสที่จะได้เจอนางนับวันยิ่งน้อยลง ยิ่งช่วงครึ่งปีมานี้ยิ่งไม่มีโอกาสได้พบกันเลย นางมักจะส่งสาวใช้ประจำตัวออกมา แล้วบอกให้จางลั่วเฉินกลับไป

 

“ที่แท้นางคือลูกพี่ลูกน้องของข้า”

 

จางลั่วเฉินในตอนนี้นับได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ได้พบกับ’’หลินหนิ่งซาน’’ ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับนาง เพราะฉะนั้นสีหน้าจึงเรียบเฉย แล้วกล่าวอย่างถ่อมตัวว่า “เปิดผนึกอักษรสวรรค์ได้แล้วจริง ๆ แต่ว่าฮองเฮาทรงบอกว่าเป็นผนึกอักษรสวรรค์ที่ไม่ได้มีระดับอะไร ยังไงพี่ก็ไม่สามารถเทียบกับผนึกอักษรสวรรค์ของน้องหนิ่งซานได้”

 

หนิ่งซานพยักหน้า แล้วยกคางขึ้นอย่างภูมิใจจนเหมือนดั่งกับหงส์ พลางกล่าวว่า  “พี่ก็อายุตั้ง 16 ปีแล้ว เปิดผนึกอักษรสวรรค์ได้ ก็ถือว่าสวรรค์ใจดีพี่มากแล้ว วันหลังต้องขยันฝึกฝน ถึงแม้จะไม่ได้เป็นจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่ง แต่อย่างน้อยก็สามารถทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นได้ ไม่ต้องล้มหมอนนอนเสื่อบ่อย ๆ สำหรับพี่แล้วก็คงเรียกได้ว่า ….  สามารถใช้ชีวิตอย่างคนปกติธรรมดาได้ก็ดีแล้ว”

 

จางลั่วเฉินขมวดคิ้วขึ้นน้อย ๆ พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “วันหลังพี่จะต้องขยันฝึกฝน แล้วฝึกฝนให้ทันฝีมือเจ้า”

 

หนิ่งซานรู้ว่าจางลั่วเฉนชอบนาง ได้ยินที่จางลั่วเฉินพูด จึงคิดว่าจางลั่วเฉินยังชอบนางอยู่ แล้วยังจะตามจีบนางต่อ

 

“เฮ้อ! พี่ชาย ข้าฝึกไปจนถึงขั้นอเวจีระดับกลางแล้ว ห่างกับระดับสูงอีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้น ดูจากความสามารถของพี่ ถึงจะใช้เวลาทั้งชีวิตก็คงฝึกไม่ถึงระดับกลาง สำหรับพี่ในตอนนี้ สิ่งที่ควรจะทำก็คือค่อยๆฝึกอย่างสม่ำเสมอ ไม่ต้องวิ่งตามสิ่งที่ไม่มีหวังอย่างหน้ามืดตามัว เป็นคนอย่ามองให้สูงเกินไปนัก ไม่อย่างนั้นจะกลับกลายเป็นการทำร้ายตัวเอง” หนิ่งซานกล่าวอย่างมีความนัย

 

จางลั่วเฉินขมวดคิ้ว

 

หนิ่งซานมองจางลั่วเฉินอย่างเห็นใจเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “พี่ชาย ยังมีอีกเรื่องที่ข้าต้องบอกพี่ หวังว่าพี่จะไม่เสียใจมากนัก อีกสามเดือน ตอนที่จวินหวังฝึกเสร็จ ข้ากับองค์ชายเจ็ดก็จะแต่งงานกัน”

 

“มีเรื่องสนุกๆให้มองแล้ว! ฮ่าฮ่า!”

 

จอมยุทธลูกหลานตระกูลหลินทั้งหลาย ยิ้มในใจอย่างมีความสุข แล้วพากันมองมาที่จางลั่วเฉิน อยากจะรู้ว่าจางลั่วเฉินจะมีปฎิกิริยานี้ยังไง

 

(จบแล้วครับ)

สามาอ่านก่อนใครได้ที่เพจ BOXKINGS หรือเพจ WGSD  เทพจักรพรรดินิรันดร์กาล – จีนแปลไทย  ฝากกดไลค์เพจกันด้วยนะครับ