หลังจะคำราก้องด้วยความโกรธ ลอร์ดฟอกค์ รุ่นที่สามก็ควบม้ากลับมายังท่าเรือ แล้วประกาศด้วยเสียงอันดังก้องว่า

 

“เหล่าคนโง่ที่มีตาแต่ไร้ซึ่งสมอง! พวกเจ้าบังอาจทำลายความสงบสุขของท่าเรือเสรีทอทูการ์อันศักสิทธิ์!  บทลงโทษของพวกเจ้าคือถูกเสียบประจานบนไม้กางเขนกลางจตุรัสทอทูการ์! เลือดและเนื้อของพวกเจ้าจะถูกแผดเผาจนแห้งและเน่าเหม็นท่ามกลางแสงอาทิตย์! ร่างกายและจิตวิญญาณของพวกเจ้าจะถูกหยามเกียรติและทุกทรมาณอยู่ในจตุรัสแห่งนี้! ”

 

“เมื่อสิ้นเสียงระฆังบอกเวลาเที่ยงคืน ข้าจะต้องเห็นเจ้าพวกบัดซบที่เหลือถูกตรึงตะปูบนไม้กางเขน! ไปตามจับมันมาให้ได้!!!”

 

เมื่อออกคำสั่งเสร็จ ลอร์ดฟอกค์รุ่นที่สามก็ควบม้ายักษ์ ‘มอร์เร่’ กลับไปยังปราสาทที่ตกอยู่ท่ามกลางกลุ่มควัน

 

ชีหยานจ้องมองเขาควบม้าหายเข้าไปในปราสาทพร้อมกับยามลาดตระเวณที่วิ่งตามเข้าไปหลายคน — ภาพที่เห็นทำให้เขาเกิดความรู้สึกบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้

 

และในเวลานั้นเองชีหยานก็ได้ยินเสียงอันแหบแห้งดังขึ้นมาว่า

 

“ถึงแม้ภายนอกจะดูเหมือนว่าท่าเรือทอทูการ์นั้นแข็งแกร่ง … แต่แท้จริงแล้วภายในนั้นอ่อนแอ”

 

ได้ยินแบบนั้นชีหยานก็หันไปมองรอบๆและพบว่าสายตาของกลุ่มโจรสลัดที่เหลืออยู่ท่ามกลางความโกลาหลนั้นเต็มไปด้วยประกายความโลภ

 

“เจ้าฟอกค์รุ่นสามมันโง่มากๆที่ทำแบบนี้”

 

30 นาทีต่อมาหลังจากที่เหตุการณ์สงบลง ณ เรือเบลแอนมัค

 

กัปตันอัมมานยกมือขึ้นพร้อมกับประกาศออกมา — พร้อมกับมีชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆเขา คนๆนั้นคือ ต้นหนแห่งเรือลำนี้ –ไชร์  แต่ตัวไชร์ในตอนนี้มันดูเจียมเนื้อเจียมตัวมาก เขาไม่ดูก้าวร้าวเหมือนก่อนหน้านี้ ทั้งวิธีการพูดและท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความเคารพ

 

“ท่าเรือทอทูการ์แห่งนี้สงบสุขมานานเกินไปแล้ว หลายคนก็ได้เห็นเหตุการณ์โกลาหลในวันนี้ ถ้าตระกูลฟอกค์ ไม่ได้มีคำชี้แจงดีๆ แต่ทำได้เพียงจับคนร้ายมาลงโทษเพียงอย่างเดียวแล้วล่ะก็ อำนาจของพวกเขาในทอทูการ์จะลดลง และพวกเขาอาจจะไม่สามารถควบคุมทอทูการ์ได้อีกต่อไป … แต่ในตอนนี้ …”

 

ดวงตาของกัปตันอัมมานหรี่ลง พร้อมกับเอื้อมมือไปสัมผัสดาบที่คาดเอว แล้วพึมพำออกมาว่า

 

“แต่ถ้าฟอกค์รุ่นที่สามไม่ออกมาจัดการ อะไรๆมันคงจะแย่กว่านี้ เจ้าพวกยามลาดตระเวนหน้าโง่นั่นก็ทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง ถ้าฟอกค์รุ่นที่สามไม่ได้ขี่เจ้าม้ายักษ์มอร์เร่ออกมาแสดงแสนยานุภาพ เมืองทั้งเมืองก็คงถูกพวกโจรสลัดปล้นไปหมดแล้ว”

 

ไชร์เหลือบมองไปยังเมืองทอทูการ์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความละโมภและความทะเยอทะยาน — ท่าเรือทอทูการ์แห่งนี้เป็นจุดแวะพักของเหล่าชาวเรือแห่งทะเลแคริบเบียน ตลอดช่วง 70 ปีที่ผ่านมามันสั่งสมความมั่งคั่งเอาไว้มากมาย สมบัติภายในเกาะนี้อาจจะมีค่าราวๆครึ่งนึงของที่ราวงศ์อังกฤษมี!

 

อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นเอง เมฆได้ลอยเคลื่อนผ่านไป และแสงจากดวงอาทิตย์ได้ส่องทอดลงมายังกัปตันอัมมาน ทำให้เงาของอัมมานนั้นทอดยาวลงมาจนบดบังตัวของไชร์ — ภาพๆนี้ทำให้ไชร์นั้นดูต่ำต้อยยิ่งนัก แต่ไชร์ก็รีบสงบความขุ่นเคืองที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ ก่อนที่จะกล่าวอย่างสงบว่า

 

“ถึงแม้การรักษาความปลอดภัยของทอทูการ์จะไม่ค่อยดี แต่ … พวกเราก็ได้เห็น ปืนอันทรงพลัง  ฝีมือดาบ และม้ายักษ์ที่แสนจะอันตรายของตระกูลฟอกค์ ตราบใดที่ยังมีสามสิ่งนี้อยู่ คงไม่มีใครกล้าที่จะหยามเกียรติตระกูลฟอกค์! ”

 

ได้ยินแบบนั้นใบหน้าของอัมมานก็เปลี่ยนเป็นดุร้าย ก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างร้ายกาจ แล้วกล่าวว่า

 

“ถ้าทั้งตระกูลฟอกค์มีเพียงแค่สามสิ่งนั้น ป่านนี้พวกเขาคงล่มสลายไปตั้งนานแล้ว! ไม่ว่าจะเป็นเรือแบล็คเพิร์ลของแจ็ค สแปร์โรว หรือแม้แต่เรือควีนแอน์รีเวนของแบล็คเบียร์ด ของสามสิ่งนั้นไม่อยู่ในสายตาของพวกเขาเลย!”

 

“สหายแจ็คในตอนนี้มีกฏหมายค้ำคออยู่ เพราะเขาเป็นถึงกัปตันที่คุมเรือส่งสินค้าแห่งอินเดียเทรดดิ้ง เขาจึงยังไม่มีความคิดที่จะยึดท่าเรือแห่งนี้ ส่วนแบล็คเบีร์ยดนั้นได้ไปเรียนรู้วิธีใช้มนดำวูดูมาตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อน แต่เขาก็ยังไม่สามารถใช้มันได้อย่างคล่องแคล่วในตอนนี้ และถ้าไม่ใช่เพราะกัปตันเดวี่โจนส์แห่งเรือฟลายอิ้งดัชแมนเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดแล้วล่ะก็ ป่านนี้ท่าเรือทอทูการ์คงถูกกวาดหายไปนานแล้ว!”

 

ไชร์ประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ากัปตันอัมมานพูดมากกว่าปกติ เพราะข้อมูลเหล่านั้นกว่าจะได้มา ต้องแลกด้วยเลือดเนื้อไปมากมาย — กัปตันอัมมานสูดหายใจลึกแล้วกล่าวต่อว่า

 

“สายลมแห่งแคริบเบียนเริ่มเปลี่ยนทิศแล้ว ฉันมีลางสังหรณ์ว่า จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นภายในไม่กี่วันนี้ … ปกติแล้วฉันไม่คิดที่จะยุ่งเรื่องการแย่งอำนาจกันภายในเรือระหว่างคุณกับแฮรี่ แต่ในเวลานี้! — ลูกเรือทุกคนของเบลแอนมัคจะต้องสามัคคีกัน! เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นและเพื่อคว้าโอกาสอันยิ่งใหญ่นี้!!”

 

ภายใต้การมองการไกลของกัปตันอัมมาน ไชร์ทำได้เพียผงกหัวรับฟัง และไม่กล้าที่จะแสดงความคิดเห็นใดๆอีกต่อไป แต่ก็ยังคงไม่มีใครรู้ว่าภายในใจของเขากำลังคิดอะไรอยู่

ภายใต้คำสั่งของฟอกค์รุ่นที่สาม ยามลาดตระเวนทุกนายได้มารวมตัวกันด้วยความฮึกเหิม พร้อมกับพลิกเกาะเพื่อหาตัวคนร้าย ส่วนชีหยานใตอนนี้นั้นเป็นลูกเรือของเบลแอนมัค เขาจึงเป็นแค่เพียงผู้ขชมจากภายนอก

 

ชีหยานเห็นว่าถึงแม้พวกยามในตอนนี้จะเต็มไปด้วยความฮึกเหิม แต่พวกเขาก็ทำงานกันไม่เป็นระบบระเบียบ พวกมันบุกทำลายบ้านของคนอื่น พร้อมกับตะโกนด่าอย่างหยาบคาย และจับคนที่ดูเหมือนจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องมากมายไปยังจตุรัส

 

ทันใดนั้นเอง ได้เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นบริเวณฝั่งตะวันตกของท่าเรือ — ชีหยานพอจะคาดเดาได้ว่าพวกยามลาดตระเวนคงบังเอิญไปพบแหล่งกบดานของเพลเยอร์ที่เหลืออยู่!

 

ตอนนี้ชีหยานยืนดูเหตุการณ์อยู่บนภูเขาในมุมสูง และนั่นทำให้เขาสามารถสังเกตุเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน — บ้านสองหลังเก่าๆที่อยู่ติดกับท่าเรือได้สั่นไหวอย่างรุนแรง ก่อนที่จะพังทลายลง พร้อมกับเศษฝุ่นที่ลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณนั้น

 

พร้อมกับคนสามคนที่น่าจะเป็นเพลเยอร์ได้พุ่งออกมา ตามมาด้วยยามลาดตระเวณอีกสามคน — ดูเหมือนว่ายามลาดตระเวณทั้งสามจะไม่มีความคิดที่จะขอกำลังเสริม

 

จากนั้น การไล่ล่าก็เริ่มต้นขึ้น! เหล่าโจรสลัดที่อยู่ในทอทูการ์นั้นไม่มีความคิดที่จะช่วยพวกที่กำลังหลบหนีอยู่แม้แต่น้อย พวกเขาเพียงผิวปาก และหัวเราะเยาะเย้ยออกมา พลางเริ่มพนันกันว่าพวกที่กำลังหลบหนีจะอยู่ได้กี่นาที

 

เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ หัวใจของชีหยานก็เต้นไม่เป็นจังหวะ เขารีบวิ่งไปยังทิศทางที่พวกนั้นหลบหนีไปทันที

 

ผ่านไปไม่นาน ชีหยานก็วิ่งตามเหล่าเพลเยอร์และยามลาดตระเวนทัน

 

หนึ่งในกลุ่มพลเยอร์นั้นมีรูปร่างลักษณะดูเหมือนกับโจรสลัดธรรมดาๆ เขาผิวสีแทน เป็นชายอายุราวๆ30-35ปี มีผมสีดำและผูกผ้าคลุมหัว พร้อมกับสวมสร้อยคอเปลือกหอยราคาถูก สวมกางเกงสีเทาดำที่มีเนื้อผ้าหยาบๆ และเต็มไปด้วยฝุ่น รองเท้าของเขาขาดรุ่งริ่ง และกำลังหอบหายใจอย่างหนัก — เพลเยอร์ทั้งสามดูหวาดกลัว และแววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

 

ชีหยานค่อยชะลอความเร็วลงก่อนที่จะใช้สกิลตรวจสอบกับยามลาดตระเวน

 

[ยามลาดตระเวณ ‘A’]

 

[ยามลาดตระเวนระดับ II แห่งท่าเรือทอทูการ์]

 

[สูง 5 ฟุต 7 นิ้ว]

 

[น้ำหนัก 73 กก.]

 

[ความแข็งแรง 7 แต้ม]

 

[ความว่องไว 8 แต้ม]

 

[ร่างกาย 5 แต้ม]

 

[ลางสังหรณ์ 11 แต้ม]

 

[สเน่ห์ 7 แต้ม]

 

[สติปัญญา 3 แต้ม]

 

[พลังวิญญาณ 6 แต้ม]

 

[สกิลต่อสู้ระยะประชิดขั้นพื้นฐาน เลเวล 1 , สกิลความอดทนขั้นพื้นฐาน เลเวล 1]

 

[สกิลพิเศษ (ติดตัว) : teamwork เลเวล 1 : ถ้ามีพันธมิตรอยู่ข้างๆ พลังของพวกเขาจะเพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซ็น และสูงสุด 100 เปอร์เซ็น]

 

[สกิลพิเศษ (ติดตัว) : tenacity เลเวล 1 : HP เพิ่มขึ้น 200หน่วย]

 

ระหว่างที่ชีหยานกำลังดูข้อมูลพื้นฐานของยามลาดตระเวน กลุ่มเพลเยอร์ทั้งสามก็แตกกระจายวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง และมีคนหนึ่งวิ่งไปยังภูเขาบริเวณที่เต็มไปด้วยกระท่อมร้าง(จุดเกิดในหนังเรื่องนี้ของชีหยาน)

 

เห็นได้ชัดว่าเขารู้ตัวว่าตัวเองจะต้องถูกตามทันแน่ๆ เพลเยอร์คนนั้นจึงคิดซ่อนตัวในกระท่อม เพื่อหาจังหวะหลบหนี ชีหยานจ้องมองเพลเยอร์อีกสองคนที่หลบหนีไปคนละทิศละทาง พร้อมกับมียามลาดตระเวณวิ่งไล่ไปติดๆ …

 

ชีหยานจ้องมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความขบขัน ก่อนที่เขาจะเคลื่อนที่เข้าไปยังกระท่อมที่มีเพลเยอร์หลบซ่อนตัวอยู่อย่างช้าๆ

 

ระหว่างที่ชีหยานกำลังย่องเข้าไป ยามลาดตระเวณ A ก็ได้เข้าไปยังกระท่อมหลังนั้น ท่ามกลสงความมืด ยาม Aรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ! มันจึงชักดาบออกมาก่อนที่จะฟันฉับไปยังมุมมืดมุมหนึ่งภายในกระท่อม!

 

“อ๊า—!”

 

และแทบจะในทันที ได้เกิดเสียงร้องอันโหยหวนดังขึ้น!  เพลเยอร์ที่ซ่อนตัวอยู่ในกระท่อมได้ล้มลงกับพื้น เนื่องจากเขาถูกยามลาดตระเวณฟันตรงขา! แต่เพลเยอร์ก็รีบตั้งสติทันที ก่อนที่จะตะเกียกตะกายคลานหนีออกจากกระท่อม

 

ระหว่างที่กำลังคลานหนี เพลเยอร์คนนั้นก็หันกลับไปมองยามลาดตระเวณ A ที่กำลังจ้องมองเขาพร้อมกับแสยะยิ้มออกมา ก่อนที่จะยกปลายดาบที่เปื้อนเลือดขึ้นแล้วใช้ลิ้นเลียเลือดที่ติดอยู่อย่างช้าๆ ก่อนที่มันจะก้าวเดิน ทีละก้าว ทีละก้าวไปยังเพลเยอร์ผู้โชคร้าย

 

เพลเยอร์ที่พยายามจะหลบหนีขบฟันแน่น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง! เขาคว้ามีดสั้นที่เหน็บเอวไว้ขึ้นมาแล้วชี้ไปยังยามลาดตระเวณA แล้วตะโกนออกมาว่า

 

“อย่าเข้ามานะ!!”

 

*******************

ฝากกดไลค์เพจด้วยนะ : คลิ๊ก