ซูหลิงหยุนไม่ได้เป็นคนเดียวที่สั่นเทาด้วยคำพูดของซูชางเหวิน คนอื่นๆที่ได้ยินคำพูดของเขาเองก็ถึงกับหน้าหงายกันเลยที่เดียว,เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าซูชางเหวินจะหน้าด้านถึงเช่นนี้ , ลูกตัวเองเป็นคนทำความผิดแท้ๆแต่กลับไม่คิดจะขอโทษทว่าดันใช้การข่มขู่แทน

เมื่อคนรอบข้างนึกถึงอำนาจที่ซูเชงเหวินมีในเมืองนี้นั้น สองแม่ลูกนี้คงไม่พ้นที่จะต้องทำตามคำขู่ของเขา

เมื่อผู้คนคิดว่าซูหลิงหยุนจะต้องยอมก้มหัวทำตามคำขู่ของซูชางเหวินอย่างแน่นอนทว่าพวกเขากลับเห็นเพียงซูหลิงหยุนที่กำลังเผยให้เห็นรอยยิ้มที่มุมปาก,เธอเขย่งขาขึ้นพร้อมเหวี่ยงฝ่ามือไปที่ใบหน้าของซูชางเหวินทันที

เสียงตบนั้นดังสนั่นไปทั่วทั้งห้อง , ผู้คนในห้องต่างคิดว่าตัวเองนั้นหูฝาดไป

ท่ามกลางสายตาของผู้คนทั้งหมด , ซูหลิงหยุนผู้ซึ่งมีนิสัยเงียบและอ่อนโยน โดยปกติแล้วมักจะโดนคนอื่นรังแกเธอ การที่เธอตบคนอื่นในวันนี้นั้นเกินความคาดหมายของพวกเขา

และคนที่เธอได้ตบนั้นคือพี่ชายของเธอที่มีอำนาจมากอย่างซูชางเหวิน มันทำให้คนเหล่านั้นถึงกับใจหายกันเลยทีเดียว

เมื่อเห็นว่าแม่ได้ตบคนอื่นนั้น ถังซิ่วที่นอนราบอยู่ที่พื้นเองก็ถึงกับอดที่จะเผยรอยยิ้มออกมาให้เห็นไม่ได้เลย

เมื่อร่างกายตกอยู่ในสถานะหมดแรง, ร่างกายของเขาบนโลกนี้นั้นอ่อนแอเกินไป

หลังจากที่วิญญาณได้กลับมารวมกันทั้งหมดแล้ว ในเวลาสั้นๆนั้นเอง เขาก็ได้รับรู้ถึงความความสุขและเศร้าปะปนกัน ,การที่ใช้วิชาศิลปะต้นกำเนิดการจุดระเบิดนั้นทำให้เขาสูญเสียพลังเป็นอย่างมาก เขาได้แต่หัวเราะอยู่ตรงพื้นและสลบไปในที่สุด

เมื่อซูชางเหวินรับรู้ได้ว่าตัวเองนั้นถูกน้องสาวตัวเองตบก็ได้เกิดประกายแห่งความเย็นเฉียบขึ้นภายในดวงตาของเขา เขาตั้งใจที่จะทำร้าย ซูหลิงหยุน

แต่ในทันทีที่เขากำลังจะเริ่มลงมือทำร้ายกลับมีกุญแจมือคู่หนึ่งถูกคล้องไว้ที่ข้อมือของเขา

“ฉันจะนำตัวถังซิ่วไปส่งที่โรงพยาบาลกับฮูเหวินซู, คุณซูหลิงหยุนก็ไปกับเราด้วยแล้วกันส่วนคนอื่นๆเองก็นำตัวคนในบ้านไปสอบปากคำให้เรียบร้อย ”

เฉิงเสวี่ยเหม่ยได้มองด้วยสายตาเหยียดหยามไปที่ซูชางเหวินพร้อมกับโบกมือสั่งการทันที

ซางเหม่ยหยุนนั้นไม่คิดเลยว่างานเลี้ยงวันเกิดในวันนี้จะออกมาเป็นแบบนี้

แม้ว่าหลังจากถูกจับไปแล้วนั้นสามารถกลับออกมาได้อย่างสบายใจก็ตามแต่ชื่อเสียงของครอบครัวเธอนั้นจะต้องเน่าเหม็นอย่างแน่นอน

“ถังซิ่วเป็นคนต้องการทำให้เรื่องมันใหญ่ขึ้น ทั้งหมดนี้มันเป็นแผนของเขา”

ซูเชียงเฟย์ตะโกนออกมาพร้อมกับยิ้มอย่างปีศาจ

น่าเสียดายที่ในตอนนี้ไม่มีใครสนใจในคำพูดเขาเลยซักคน

ณกลางดึกในโรงพยาบาลเมืองสตาร์ซิตี้

แสงของดวงดาวสว่างสดใสพร้อมกับดวงจันทร์ดวงใหญ่ที่กำลังสอดแสงผ่านเข้ามาทางกระจกของโรงพยาบาล

“พระเจ้าและปีศาจ ,สวรรค์และโลกได้ถูกกำหนดไว้ พระเจ้าและปีศาจนั้นต่างกัน ถ้าหากว่าพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่ดี งั้นปีศาจคือสิ่งที่ชั่วร้าย ? แล้วถ้ากลับกันหละ, ความอ่อนแอและแข็งแกร่งนั้นแตกต่างกัน เมื่อหยินและหยางรวมเป็นหนึ่งจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ”

ถังซิ่วท่องคำพูดที่ยากจะเข้าใจได้ออกมาโดยที่มีซูหลิงหยุนนอนเฝ้าอยู่ข้างเตียง เสียงสวดของเขาได้ปลุกเธอให้ตื่นขึ้น

ซูหลิงหยุนนั้นคิดว่าหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ลูกเธอที่ต้องนอนอยู่ภายในโรงพาบาลฝันร้าย

แต่พบว่า หลังจากที่แสงยามค่ำสาดส่องนั้นเธอก็ได้ละทิ้งความคิดนี้ไปทันที

เพราะว่าในขณะที่เขาท่องอยู่นั้น ใบหน้าของเขาผิดปกติเป็นอย่างมาก คิ้วทั้งสองของเขางอขึ้นเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวและท่าทางเหมือนกับว่ากำลังมีความสุขเป็นอย่างมาก

“อย่าบอกนะว่าลูกฉันนั้นเป็นนักประพันธ์กลอนจีน ?”

เมื่อเห็นว่าลูกเธอไม่เป็นอะไรก็ทำให้เธอโล่งใจ

ในชั่วขณะต่อมานั้นทำให้ดวงตากลมโตของซูหลิงหยุนเบิกกว้างเป็นอย่างมาก

เพราะในเวลานี้เธอพบว่าแสงจากดวงดาวที่อยู่ภายนอกหน้าต่างนั้นเจิดจ้าขึ้นมาทันที

แสงเหล่านั้นพุ่งทะลุผ่านหน้าต่างห้องพร้อมส่องลงมาที่ใบหน้าซีดๆของลูกเธอเหมือนดั่งว่าแสงนั้นกำลังมารวมตัวกันที่ร่างกายของเขา

ควันสีขุ่นหมอกได้ถูกปล่อยออกมาจากร่างกายของลูกเธอมากขึ้นๆ

เมื่อเห็นว่าใบหน้าที่ซีดเผือดของลูกเธอกำลังมีเลือดฝาดเข้ามาแทนทีและบนหน้าผากนั้นเหมือนถูกห้อมล้อมไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์เธอจึงพยายามเอื้อมมือของเธอไปสัมผัสควันเหล่านั้นเพื่อยืนยันว่าเธอกำลังเห็นภาพหลอน

ควันเหล่านั้นหายไปโดยทันทีที่มือของซูหลิงหยุนสัมผัสโดน

“ดูเหมือนว่าเรื่องเมื่อตอนกลางวันนี้จะหนักไปหน่อย ถึงกลับทำให้เราเครียดจนเห็นภาพหลอนได้ “

ซูหลิงหยุนได้ยิ้มออกมาจางๆและได้ช่วยถังซิ่วโน้มตัวลงนอนโดยทันที

แต่สิ่งที่เธอไม่ได้ค้นพบนั้นคือทันทีที่ควันสีขุ่นหมอกได้หายไปนั้น ใบหน้าที่ไร้เลือดของถังซิ่วก็ได้มีเลือดฝาดเข้ามาแทนที

“เทคนิคเชื่อมต่อศิลปะแห่งสวรรค์ , นี่ฉันสามารถบ่มเพาะเทคนิคเชื่อมต่อศิลปะแห่งสวรรค์ ได้ ? ”

ถังซิ่วที่กำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงเองก็แสดงใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกใจหลังจากเขาได้สำรวจตัวเองแล้วก็พบเรื่องแปลกประหลาด

เทคนิคเชื่อมต่อศิลปะแห่งสวรรค์นั้นคือหนังสือเล่มเก่าๆที่พบเจอในโบราณสถานศักดิ์สิทธิ์ที่มาจากร่องรอยของเทพเจ้าปีศาจโบราณ วิชานี้เป็นวิชาที่เก่าแก่มาก (*note ไอหนังสือนี้ก็คือเหตุที่ทำให้มันโดนเพื่อนและเมียรุมฆ่า )

ในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่ง ณ ตอนนั้นสวรรค์และโลกนั้นยังไม่มีพลังวิญญาณ ,มันเป็นช่วงที่เต็มไปด้วยความความสับสนวุ่นวาย,เผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นเปรียบได้ดั่งมดปลวก ชีวิตที่ถูกบงการโดยเผ่าพันธุ์อสูรและเผ่าพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์, พลังการบ่มเพาะของพวกเขาสามารถทำได้ทุกสิ่ง สามารถทำลายฟากฟ้าและพื้นดินได้เลยทีเดียว

พลังการบ่มเพาะของเผ่าพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นมีพลังวิญญาณที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก เพราะงั้นพวกเขาถึงได้บ่มเพาะวิชาศักดิ์สิทธิ์, เผ่าพันธุ์อสูรหรือปีศาจนั้นก็มีการบ่มเพาะที่แข็งแกร่งไม่แพ้กันโดยจะเน้นไปที่การบ่มเพาะพลังกาย, แม้ว่าทั้งสองเผ่าพันธุ์จะมีวิชาบ่มเพาะที่ทรงพลังเป็นอย่างมากแต่ทว่าก็เป็นพลังที่ต่อต้านกันโดยสิ้นเชิงดั่งหยินและหยางซึ่งไม่สามารถอยู่ในตัวคนเดียวกันได้

เพราะว่าเผ่าพันธุ์อสูรและเผ่าพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นมีพลังที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากและส่งผลให้การทำลายล้างนั้นรุนแรงเกินไปจึงเหลือร่องรอยของการปะทะกันให้เห็นอยู่น้อยมากพร้อมทั้งหนังสือล้ำค่า

เทคนิคเชื่อมต่อศิลปะแห่งสวรรค์ที่ถังซิ่วพบนั้นเป็นวิชานี้ทำให้อัจฉริยะจากทั้งสองเผ่าพันธุ์สามารถฝึกวิชาของกันและกันได้

หลังจากที่สามารถบ่มเพาะเทคนิคเชื่อมต่อศิลปะแห่งสวรรค์ได้นั้น ถังซิ่วรู้สึกดีใจจนเนื้อเต้น ครั้งหนึ่งเขาเคยลองฝึกวิชานี้ในดินแดนแห่งนิรันด์กว่า100ปีซึ่งท้ายที่สุดเขาก็ต้องยอมแพ้

มันเป็นเพราะเทคนิคบ่มเพาะนี้นั้นจำเป็นต้องใช้ร่างกายที่บริสุทธิ์ของมนุษย์ผู้ซึ่งไม่เคยผ่านการฝึกวิชาบ่มเพาะอะไรมาก่อนเลย

ไม่ใช่แค่ต้องการร่างกายที่บริสุทธิ์เท่านั้นแต่รวมไปถึงจิตใจด้วย นั่นเป็นสิ่งที่แถบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

ถังซิ่วเคยนั่งคิดหาวิธีอยู่ถึง 100 ปีแต่ก็ยังหาหนทางไม่เจอ,เขาก็ทำเหมือนว่าวิชานี้นั้นเป็นแค่ขยะและได้ยัดมันกลับเข้าไปในแหวนมิติของเขาโดยที่ไม่ได้แบ่งปันให้เพื่อนและภรรยาของเขา เพียงเพราะเขาคิดว่าต่อให้เขาแบ่งปันไปก็ไม่ได้เกิดประโยชน์ขึ้นได้แต่ทำให้เสียเวลาและเสียพลังเท่านั้นเอง

การตัดสินใจครั้งนั้นนำไปสู่การที่ทำให้เพื่อนและภรรยาของเขาเกลียดแค้นเขาเป็นอย่างมากถึงได้ร่วมกันวางแผนสังหารเขา, สุดท้ายแล้ววิญญาณเขาก็แตกกระจายหายไปในอากาศ ตายอย่างไร้ความยุติธรรม

“ทำไมฉันถึงไม่สามารถสำเร็จวิชานี้ได้ในช่วงที่อยู่ที่ดินแดนแห่งนิรันด์กัน ? แถมเสียเวลาไปถึง100ปี แต่นี่ใช้เวลาแต่ช่วงเย็นก็สามารถสำเร็จวิชาบ่มเพาะนี้ได้บนโลก อย่าบอกนะว่าร่างกายกะร่องกะแร่งที่อยู่บนโลกนี้มีคุณสมบัติที่จะฝึกวิชานี้มากกว่าร่างกายฉันในดินแดนแห่งนิรันด์? ”

ถังซิ่วกำลังตกอยู่ในห้วงความคิด

อย่างไรก็ตามเขาได้ปฏิเสธความคิดนี้ไปโดยสิ้นเชิง

ร่างกายของถังซิ่วที่ไปเข้าสิงนั้นได้รับยาสมุนไพรและสมบัติมากมายมาตั้งแต่ยังอยู่ในมดลูกด้วยซ้ำ หลังจากคลอดออกมาแล้วก็ยังบ่มเพาะร่างกายของตัวเอง เรื่องคุณสมบัติของเขานั้นเทียบได้ว่าเป็นโครตพ่อโครตแม่อัจฉริยะเลยทีเดียว ไม่ใช่แค่สามารถฝึกวิชาได้อย่างรวดเร็ว ความสามารถของเขายังทิ้งห่างทุกคนในเรื่องของ ยา,ข่ายอาคม,การหลอมและเครื่องราง พร้อมทั้งยังมีอื่นๆอีกมากมาย

ร่างกายของเขาที่โลกนั้นแค่เด็ก หลังจากที่โดนรถชนแล้วเขาก็ไม่เคยทำอย่างอื่นเลยแม้กระทั้งออกกำลังกาย มันจะไปมีคุณสมบัติไปมากกว่าเขาที่ยังอยู่ดินแดนแห่งนิรันด์ไปได้ยังไงกัน

“ในเมื่อมันไม่ใช่พื้นฐานทางร่างกายแล้ว งั้นมันเป็นเพราะอะไรล่ะ ? ”

ถังซิ่วพร่ำคิดหลังจากที่สามารสัมผัสได้ถึงพลังแห่งดวงดาวจางๆที่อยู่ในร่างกายของเขา

เทคนิคเชื่อมต่อศิลปะแห่งสวรรค์ ต้องการมนุษย์ที่เริ่มมาจากศูนย์เหมือนเด็กทารถพึ่งคลอด

ในช่วงกาลก่อน สวรรค์และโลกยังไม่มีพลังวิญญาณ มีแต่พลังแห่งความโกลาหล

โลก ณ ขณะนี้เองก็แทบจะไม่มีพลังวิญญาณอยู่เช่นเดียวกัน

หลังจากที่ตัวเองกระอักเลือดคำโต ร่างกายก็อยู่ในสถานะที่ควบคุมไม่ได้ซึ่งอาจจะเปรียบได้เหมือนกันว่าเริ่มต้นจากศูนย์,วิญญาณของเราก็พึ่งจะกลับมารวมกันโดยสมบูรณ์ ความคิดก็คงถือได้ว่ายังคงบริสุทธิ์ อาจจะพูดได้ว่าเริ่มมาจากศูนย์จริงๆนั้นแหละ

หลังจากนั้นเขาก็นั่งคิดว่าจะทำยังไงกันต่อดี เขาคิดถึงแผนการที่จะทำต่อไปและเริ่มการบ่มเพาะขั้นแรก

วิชาเชื่อมต่อศิลปะแห่งสวรรค์ ขั้นแรก ร่างกายที่เกรี้ยวกราดแห่งดวงดาว

“พระเจ้าและปีศาจ ,สวรรค์และโลกได้ถูกกำหนดไว้ พระเจ้าและปีศาจนั้นต่างกัน ถ้าหากว่าพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่ดี งั้นปีศาจคือสิ่งที่ชั่วร้าย ? แล้วถ้ากลับกันหละ, ความอ่อนแอและแข็งแกร่งนั้นแตกต่างกัน เมื่อหยินและหยางรวมเป็นหนึ่งจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ”

หลังจากที่ท่องอยู่พักหนึ่งเขาก็ค้นพบว่า จิตสัมผัสของเขาขยายกว้างขึ้นเป็นอย่างมากและสามารถมองเห็นดวงดาวได้ทั้งหมด

ตั้งแต่เกิดมา, นี้เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นดวงดาวทั้งหมด มันช่างน่าหลงใหลเหลือเกิน

หลังจากที่เขาเพ่งจิตใจแล้วพลังการรับรู้ของเขาก็สัมผัสไปที่ดวงดวงเหล่านั้น

เหมือนกับว่าดวงดาวเหล่านั้นกำลังตอบสนองการเรียกหาของเขา แสงแห่งดวงดาวสาดส่องออกมาจากตัวมันเอง

หลังจากที่ถังซิ่ว ดูดกลืนแสงจากดวงดาวเหล่านั้นแล้วเขาก็หันไปดูดกลืนแสงจากดวงดาวดวงอื่นๆต่อไป

“อ๊า……..”

ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้ว,ในลำคอของถังซิ่วได้เปล่งเสียงทรมานนี้ออกมาแล้วจึงหยุดการบ่มเพาะพลัง