พอถึงขั้นอเวจีระดับต้น บ่อลมปราณก็จะใหญ่ขึ้นสิบเท่า ใหญ่ขนาดเท่ากับลูกบาสเก็ตบอลแต่ลมปราณในบ่อของเขากลับยังมีน้อยเหมือนเดิม ซึ่งมันมีขนาดเท่ากับไข่ไก่ ไม่ถึง 1 ใน 10 ของขนาดบ่อลมปราณ

 

มีแต่ต้องฝึกให้ลมปราณเต็มบ่อ ถึงจะสามารถผ่านไปขั้นต่อไปได้ ซึ่งก็คือขั้นอเวจีระดับกลาง

 

จางลั่วเฉินนั่งขัดสมาธิลง ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท อักษรสวรรค์ระหว่างคิ้วเปิด เขาเริ่มฝึกฝึน “เก้าวิถีจักรพรรดิหมิง” ขั้นที่หนึ่ง “จักรพรรดิอเวจีมหานรก”

 

ลมปราณ ไหลออกมาจากบ่อลมปราณ มันไหลไปตามเส้นชีพจรที่ทะลวงไว้ ไหลวนไปทั่วทั้งร่าง

 

ลมปราณที่ไหลวนภายในร่างกาย ร่างกายของจางลั่วเฉินเหมือนกับน้ำวน ค่อย ๆ ซึมซับพลังหลิงชี่ฟ้าดินเข้าไป

 

หลิงชี่ฟ้าดิน ไหลเข้าไปในผลึกอักษรสวรรค์ระหว่างคิ้ว

 

ผลึกอักษรสวรรค์ก็เปลี่ยนพลังหลิงชี่ฟ้าดินเป็นพลังลมปราณ กักเก็บไว้ที่บ่อลมปราณนั้น และได้มีลมปราณไหลออกมาจากบ่อลมปราณ วิ่งไปตามเส้นชีพจร โคจรไปทั่วร่าง

 

ลมปราณโคจรไปทั่วร่างกายเสร็จครั้งแรกจางลั่วเฉินใช้เวลาไป 1 อาทิตย์

 

เขาโครจรลมปราณครบ 9 อาทิตย์ ตอนนี้ที่จางลั่วเฉินลืมตาขึ้นมา พบว่าลมปราณในร่างกายมีขนาดเพิ่มขึ้น  1 เท่า มีขนาดเท่ากับ 1  ใน 10 ของบ่อลมปราณ

 

ถ้าเกิดว่าจมยุทธ์คนอื่นรู้ว่า เขาสามารถทำให้ลมปราณในร่างกายเพิ่มขึ้น 1 เท่า  ภายในระยะเวลาสั้น ๆ จะต้องตกใจจนแทบบ้าเป็นแน่

 

แต่ว่า จางลั่วเฉินกลับรู้สึกไม่พอใจ “ข้าฝึกฝนตั้ง 9 อาทิตย์ พลังลมปราณกลับเพิ่มขึ้นมาได้เพียงแค่น้อยนิด มันช้าเกินไป! ถ้าหากว่ามีผลึกพลังคงจะดี!ความเร็วในการฝึกของข้า ต้องเร็วอีกหนึ่งเท่าตัวแน่ ”

 

วิถีที่จางลั่วเฉินฝึกฝนอยู่นั้น คือ เก้าวิถีจักรพรรด์หมิง ความเร็วในการซึมซับพลังลมปราณนั้นย่อมเร็วกว่าพวกจอมยุทธ์ที่ฝึกวิถีโคจรขั้นต่ำอยู่แล้ว

 

ความเร็วของการฝึกในตอนนี้ แน่นอนว่ามันทำให้เขาไม่พอใจมากถ้าหากมีผลึกพลังซักอัน ก็จะสามารถเพิ่มความเร็วในฝึกขึ้นอีกเท่าได้

 

ผลึกพลัง คือผลึกที่เกิดจากหลิงชี่อัดแน่นจนกลายเป็นหินผลึก

 

“ผลึกพลังธรรมชาติ”นั้นสามารถหาได้จากส่วนลึกในเหมืองแร่ส่วนถ้าเป็น“ผลึกพลังชีวิต”สามารถฆ่าสัตว์ป่าหรือสิ่งมีชีวิตแล้วเอามาได้

 

ราคาของผลึกพลัง ปกติราคาจะเท่ากับเงินหนึ่งพันเหรียญ ก็มีแต่ตระกูลชั้นสูงอย่างหวัง หรือ ผู้มีพรสวรรค์จากตระกูลใหญ่ ๆ ถึงจะมีโอกาสครอบครองผลึกพลังเพื่อเอาไว้ฝึกฝน

 

เงินหนึ่งพันตำลึง สำหรับจางลั่วเฉินและสนมหลินในตอนนี้แล้ว นับได้ว่าเป็นจำนวนเงินที่เยอะมาก ไม่สามารถซื้อได้อย่างแน่นอน

 

“ผลึกพลัง!”

 

ในใจจางลั่วเฉินฉุกคิดขึ้นมาได้ รีบเอาผลึกหินสีขาวที่พกติดตัวไว้ตลอดออกมา แล้ววางไว้บนฝ่ามือ

 

หรือว่าสิ่งนี้จะเป็นผลึกพลัง ?

 

เขารีบโคจรลมปราณในร่างกาย ผนึกอักษรสวรรค์ตรงกลางหน้าผากของเขาก็ปรากฏออกมา กลายเป็นแสงกลม ๆ ขนาดเท่ากับเหรียญเงิน

 

พลังลมปราณสีขาวสายหนึ่ง พุ่งออกมาจากกลางหน้าผาก แล้วเข้าไปบนผลึกสีขาว

 

“โครม!”

 

บนผลึกสีขาว ปรากฏตัวอักษรโบราณออกมา 4 ตัว

 

น่าประหลาดมาก!

 

จางลั่วเฉินไม่เคยเห็นตัวอักษรแบบนี้มาก่อน แต่กลับรู้จักตัวอักษรทั้งหมด “หินผลึกมิติ”

 

ต้องพูดก่อนว่า ในชีวิตที่แล้ว จางลั่วเฉินก็เคยใส่พลังลมปราณเข้าไปในผลึกหินสีขาว แต่ว่า กลับไม่เคยกระตุ้นทำให้มีตัวอักษรปรากฏขึ้นได้มาก่อน

 

“ชีวิตที่แล้วข้าพลังฝึกฝนของข้าแกร่งกว่าข้าในตอนนี้เป็นร้อยเท่า แต่ก็ไม่เคยทำให้ผลึกหินสีขาวปรากฎตัวอักษรออกมาได้เลย ชีวิตนี้ พึ่งจะฝึกฝนได้แค่ขั้นอเวจีระดับต้น แต่กลับสามารถทำให้ผลึกหินสีขาวเปลี่ยนแปลงได้ แสดงว่านี่ไม่ได้เป็นเพราะความแข็งแกร่งของพลังลมปราณ แต่เป็นเพราะลักษณะของลมปราณ”

 

อย่างเช่น จอมยุทธ์ที่มีผนึกอักษรสวรรค์ที่ร้อนแรง ใช้ผลึกพลังธาตุไฟจะได้ผลดีที่สุด และจะสามารถฝึกฝนเร็วขึ้นถึง 3 เท่า แต่ถ้าใช้ผลึกพลังธรรมดา จะสามารถฝึกฝนเร็วขึ้นได้เพียง 2 เท่า

 

แน่นอนว่าในโลกนี้ ร้อยละ 90 ของผลึกพลังล้วนไม่มีธาตุ ก็เหมือนกันกับร้อยละ 90 ของจอมยุทธ์ ที่สามารถมีผนึกพลังได้แต่กับไม่มีธาตุ  

 

“หรือว่าผนึกอักษรสวรรค์ที่ข้าเปิดได้จะมีธาตุเฉพาะ และเข้ากันได้กับหินผลึกพลังอันนี้ ?เดี๋ยวก่อน แล้วหินผลึกพลังมันคืออะไร ”

 

ชีวิตที่แล้วของจางลั่วเฉินเป็นถึงโอรสของจักรพรรดิ์หมิง เห็นอะไรมาก็มาก ได้ยินเกี่ยวกับธาตุของผลึกมาก็เยอะ อย่างผลึกพลังเปลวเพลิง ผลึกพลังน้ำแข็ง ผลึกพลังสายฟ้า ผลึกพลังโลหิตปีศาจ….. แต่กลับไม่เคยได้ยินผลึกพลังมิติ

 

เพราะว่า ห้วงเวลาและมิติ ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะสามารถกำหนดได้ ถึงจะเป็นเทพเอง ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเวลาและมิติได้ ต้องเป็นไปตามกฎของเวลาและมิตินั้น ๆ

 

ในขณะที่จางลั่วเฉินกำลังสงสัยอยู่นั้น อักษรบนหินผลึกมิติก็ปรากฏแสงออกมา แล้วกลายเป็นคลื่นคล้ายกับน้ำวน

 

คลื่นนั้นขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งโอบจางลั่วเฉินไว้ทั่วตัว

 

จางลั่วเฉินรู้สึกฟ้าดินพลิกกลับ ทันใดนั้น เขาก็มาถึงมิติปิดที่หนึ่ง แล้วร่วงลงไปบนพื้นดินที่แข็งกระด้าง

 

โชคดีที่เขาผลัดกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็นสำเร็จแล้ว และยังอยู่ในขั้นอเวจีระดับต้น ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นมามาก ถ้าหากว่าเป็นร่างกายที่อ่อนแอก่อนหน้านี้ของเขาล่ะก็  ที่ร่วงลงมาเมื่อกี้ คงทำให้เขาถึงตายได้

 

จางลั่วเฉินลุกขึ้นยืน แล้วขยับกระดูกที่เจ็บเมื่อกี้ แล้วสำรวจรอบ ๆ มิติ

 

มิตินี้เป็นมิติปิดตาย ไม่มีประตูและหน้าต่าง ความสูงของมิติประมาณ 10 เมตร ความกว้างและความยาวเองก็ประมาณ 10 เมตร

 

“ทำไมเป็นแบบนี้ ?ข้าเข้ามาจากทางไหน ?แล้วที่นี่มันที่ไหน?หืม ทางนั้นมีแท่นหิน ! ”

 

ทั้งมิตินี้ มีแค่แท่นหินอันเดียว

 

บนแท่นหินมีม้วนภาพอยู่ภาพนึง เป็นคัมภีร์โลหะสีเงินหนึ่งม้วน นอกจากสองอย่างนี้แล้ว ก็ไม่มีอย่างอื่นอีก

 

จางลั่วเฉินเดินไปหยิบภาพขึ้นมา แต่ว่าน้ำหนักของภาพนั้นหนักมาก ราวดั่งกับว่าเป็นส่วนหนึ่งของแท่นหิน เขาขยับภาพไม่ได้แม้แต่น้อย

 

ในเมื่อขยับม้วนภาพไม่ได้ เขาก็ไม่สามารถเปิดภาพได้ จางลั่วเฉินได้แต่ต้องล้มเลิก จากนั้น เขาเบนสายตาไปที่หนังสือโลหะเล่มบาง

 

บนคัมภีร์โลหะ มีอักษรเขียนอยู่สี่ตัวคือ คำภัร์ลับห้วงเวลาและมิติ!

 

ครั้งนี้ จางลั่วเฉินมีการเตรียมตัว โคจรลมปราณไปทั่วร่าง กระตุ้นกำลังทั้งร่าง แล้วพลิกหน้าแรกของคำภีร์ลับห้วงเวลาและมิติ

 

“ง่ายอย่างนี้เลยเหรอ?”

 

เขาพลิกหน้าคำภัร์ลับห้วงเวลาและมิติได้อย่างสบาย ๆ โดยไม่ต้องออกแรงอะไร

 

จางลั่วเฉินส่ายหัวอย่างเคือง ๆ หยุดโคจรลมปราณ หยิบคัมภีร์ลับห้วงเวลาและมิติขึ้นมา แล้วเริ่มอ่านอย่างละเอียด

 

หน้าแรกของคำภีร์ลับห้วงเวลาและมิติไม่ได้บันทึกเกี่ยวกับเคล็ดลับการฝึก แต่เป็นบันทึกลายมือของผู้ครอบครองหินผลึกมิติคนเก่า “ซวีหมีเซิ่งเซิง”

 

พอจางลั่วเฉินอ่านบันทึกของซวีหมีเซิ่งเซิงจบ ในที่สุดก็เข้าใจเรื่องทั้งหมด

 

“ที่แท้ผลึกอักษรสวรรค์ที่ข้าเปิดได้ ก็คือผนึกมิติอักษรสวรรค์ ตามที่ซวีหมีเซิ่งเซิงกล่าวไว้ ในหมื่นล้านคนไม่มีแม้แต่คนเดียวที่สามารถเปิดผนึกมิติอักษรสวรรค์ได้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น ซึ่งถ้านับรวมข้าเข้าไปด้วยก็จะทั้งหมดก็เป็น 3 คน”

 

“ซวีหมีเซิ่งเซิงคือคนที่สองที่สามารถเปิดผลึก ผลึกมิติอักษรสวรรค์ได้ แต่ว่า เวลาตามที่เขาบันทึกในผลึกมิติอักษรสวรรค์ เขาตายไปตั้งแต่แสนกว่าปีก่อนแล้ว เมื่อแสนกว่าปีก่อนก็คือช่วงกลางของยุคโบราณ มันห่างไกลจากตอนนี้ไกลมาก”

 

มิติที่จางลั่วเฉินอยู่ในตอนนี้ ก็คือมิติที่อยู่ในหินผลึกมิติ

 

เวลาภายในมิติกับภายนอกนั้นไม่เหมือนกัน ฝึกฝนภายในมิติ 3 วัน ภายนอกกลับพึ่งจะผ่านไปเพียง 1 วัน

 

จางลั่วเฉินดีใจมาก กล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ข้าฝึกฝนในนี้ 3 วัน ภายนอกพึ่งจะผ่านไปแค่ 1 วัน ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าอยู่ดีๆก็มีเวลาฝึกฝนมากกว่าคนอื่นเพิ่มมากขึ้นเป็นสามเท่า ดีจริงๆ!”

 

จางลั่วเฉินอยากจะเปิดคำภีร์ลับห้วงเวลาและมิติหน้าที่สอง แต่ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีไหนก็ไม่สามารถเปิดไปหน้าที่สองได้

 

“เปิดไม่ได้อีกแล้ว”

 

จางลั่วเฉินเริ่มคิดอยากจะเอาคำภีร์ลับห้วงเวลาและมิติปาลงพื้นขึ้นทันที แต่เขาพลันเหลือบไปเห็นบรรทัดสุดท้ายของหน้าแรกยังมีตัวอักษรเล็กๆอยู่อีก 1 บรรทัด !

 

“ผู้ที่ฝึกฝนถึงขั้นอเวจีระดับสูงต้น เมื่อใส่พลังลมปราณลงไปในภาพ ก็จะสามารถเปิดภาพได้”

 

จางลั่วเฉินเบนหน้าไปมองม้วนภาพอีกครั้ง ภายในใจเดาได้ว่า ในภาพจะต้องมีบันทึกวรยุทธ์ลับแน่ ๆ ไม่แน่ว่าอาจจะเกี่ยวกับการฝึกเวลากับการฝึกมิติก็ได้

 

“ขยันฝึกฝน แล้วเลื่อนไปให้ถึงระดับอเวจีสูงต้นให้ได้เร็ว ๆ จะได้รู้ซักที ภายในม้วนภาพนั้นมีความลับอะไรซ่อนอยู่”

 

“ระดับสูงต้น”คือระดับที่ 4 ของขั้นอเวจี สูงขึ้นไปอีกคือระดับสูงกลาง ระดับสูงปลาย ระดับสูงสุด

 

ท้องของจางลั่วเฉินพลันรู้สึกหิวขึ้นมา จึงรีบออกจากมิติของหินผลึกมิติ แล้วกลับมาที่ของของตัวเองอีกครั้ง

 

เขากำหินผลึกมิติไว้ในมือจนแน่น เมื่อมีผลึกอันนี้แล้ว ยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้นว่าภายในสามเดือนจะสามารถฝึกฝนไปให้ถึงขั้นอเวจีระดับปลายได้

 

จางลั่วเฉินกับสนมหลิน และสาวใช้อวินเอ๋อร์ พวกเขานั่งกินข้าวเช้าด้วยกัน

 

ของที่กิน มีเพียงข้าวสวยกับหมั่นโถว พวกเขาไม่มีเนื้อเลยแม้แต่นิดเดียว

 

สำหรับจอมยุทธ์แล้ว ร่างกายของพวกเขาจะสิ้นเปลืองพลังงานมากกว่าคนธรรมดามาก ของที่กินนั้นมีความสำคัญอย่างมาก

 

องค์ชายและพระญาติทั้งหลายที่เปิดผนึกอักษรสวรรค์แล้ว ทุกวันจะกินยาเม็ดที่ทำมาจากเลือดสัตว์ซึ่งก็คือ “เสวี่ยตัน”พวกเขาไม่ได้กินอาหารปกติแบบธรรมดา

 

เมื่อกินเสวี่ยตันไปหนึ่งเม็ด จะสามารถชดเชยพลังงานได้หนึ่งวัน ถึงจะฝึกฝนกระบวนท่าออกหมัด กระบวนท่าดาบตลอดทั้งวัน พวกเขาก็จะไม่รู้สึกหิว

 

นอกจากนี้ การกินเสวี่ยตันยังสามารถเพิ่มความ กำลังและความเข้มแข็งของร่างกาย รวมถึงเส้นชีพจรได้อีกด้วย

 

ถ้าหากจางลั่วเฉินกินข้าวสวยกับหมั่นโถวแบบนี้ ถึงแม้ทุกวันจะกินถึง 8 ชาม ก็ยังไม่พอสำหรับพลังงานที่ร่างกายเสียไป

 

“ลูกเฉิน ตอนนี้ลูกเปิดผนึกอักษรสวรรค์แล้ว จะกินอาหารธรรมดาไม่ได้อีกแล้ว นี่คือเสวี่ยตัน 10 เม็ดลูกกินไปก่อน ถ้าหากว่ายังไม่พอ แม่จะลองหาวิธีอื่น ”สนมหลินเอาขวดหยกออกมาแล้วส่งให้กับจางลั่วเฉิน

 

จางลั่วเฉินกำลังกัดหมั่นโถว คิดไม่ถึงว่าสนมหลินจะสามารถเอาเสวี่ยตันออกมาได้ถึง 10 เม็ด เขาถามอย่างสงสัยว่า “ท่านแม่ เงินห้าเหรียญเงินถึงจะสามารถซื้อเวี่ยตันได้ 1 เม็ด เสวี่ยตัน 10 เม็ด ต้องใช้ถึง 50 เหรียญเงิน ท่านแม่เอาเงินเยอะขนาดนั้นมาจากไหนกัน”

 

สนมหลินยิ้มแล้วตอบว่า “แม่มีวิธีของแม่”

 

 

อวินเอ๋อร์ สาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านหน้าสนมหลิน กล่าวว่า “พระสนมเอาปินทองที่พระสนมชอบที่สุดไปขาย แล้วนำไปแลกเสวี่ยตัน 10 เม็ด ที่ตลาดยาค่ะ”

 

สนมหลินจ้องไปที่อวินเอ๋อร์ คล้ายกับจะกล่าวว่านางปากมาก จากนั้นจึงกล่าวว่า “ลูกเฉิน ลูกไม่ต้องคิดมาก ขอเพียงแค่ลูกสามารถฝึกฝนจนกลายเป็นจอมยุทธ์ได้ ถึงแม่จะต้องเอาเครื่องประดับทั้งหมดที่มีไปขาย แม่ก็จะสนับสนุนลูกในการฝึกอย่างเต็มที่”

 

จางลั่วเฉินซาบซึ้งในอย่างมาก กำขวดหยกในมือไว้แน่น กัดริมฝีปาก อยากบอกสนมหลินว่าตัวเองในตอนนี้ฝึกสำเร็จและกลายเป็นจอมยุทธ์แล้ว

 

แต่เขากับทำอย่างนั้นไม่ได้

 

เพียงแค่คืนเดียวก็เปิดบ่อลมปราณ แล้วยังทะลวงจุดชีพจรสำเร็จ ยังไงก็ยังเร็วเกินไป ถ้าหากว่าข่าวนี้เกิดรั่วไหลขึ้นมา จะต้องไปถึงหูขององค์ชายและฮองเฮาเป็นแน่ พอถึงตอนนั้น มันจะกลับจะกลายเป็นผลร้ายต่อตัวเอง รวมถึงสนมหลินอีกด้วย

 

ตอนนี้เขายังอ่อนแอเกินไป ยังต้องเพิ่มความแข็งแกร่งอีก

 

(จบแล้วครับ)

สามาอ่านก่อนใครได้ที่เพจ BOXKINGS หรือเพจ WGSD  เทพจักรพรรดินิรันดร์กาล – จีนแปลไทย  ฝากกดไลค์เพจกันด้วยนะครับ