ซูหลิงหยุน (แม่ถังซิ่ว)

แบล๊ค (หัวหน้าอันธพาลจากตอนที่โดนทุบร้านอาหาร)

บั่นโฉว (ลูกน้องอันธพาลจากตอนที่โดนทุบร้านอาหาร)

ดิ่งซี่ (ลูกน้องอันธพาลจากตอนที่โดนทุบร้านอาหาร)

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

การแสดงออกที่โง่เขลาปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทั้ง 4 คนที่นำมาโดยบั่นโฉว , เมื่อพวกเขาเห็นกองชิ้นส่วนของเนื้อและหนังงูบนพื้นดิน

“บะ บะ……บะ.. บอส(เจ้านาย) คุณคงไม่ได้ฆ่ามังกรตัวนี้จากหมู่บ้านเขาล้อมนี่ใช่มั้ย ?”

ความแปลกใจและสยองขวัญปกคลุมใบหน้าของบั่นโฉว ขณะที่เขาเหลือบมองถังซิ่วและถามด้วยเสียงตกใจ

“มังกรร้าย? นั้นมันอะไรกันหนะ ? ”

ถังซิ่วเดิมทีอยากจะด่าบั่นโฉว เพราะเขาพูดมากเกินไป แต่เขากลืนคำพูดของเขากลับไป เพราะบั่นโฉวดูเหมือนว่าจะคุ้นเคยกับหมู่บ้านนี้มาก

ตั้งแต่ที่ถังซิ่วต้องการจะหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับหมู่บ้านนี้ เขาถามเรื่องนี้กับเกษตรกรจากหมู่บ้านที่ตีนเขา เมื่อวานนี้ตอนบ่ายๆ อย่างไรก็ตามคนเหล่านั้นล้วนปากแข็งทั้งหมด เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีความคิดที่ระมัดระวังต่อชาวต่างชาติ ดังนั้นถังซิ่วจึงยากที่จะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากปากของพวกเขา

“ผะ ผะ …ผม … จริงๆแล้วผมมาจากหมู่บ้านนี้ ผมเคยได้ยินจากคุณปู่ว่าที่ทะเลสาบสตาร์ของหมูบ้านนี้มีมังกรร้ายซ่อนตัวอยู่ เมื่อดวงจันทร์เต็มดวงมาถึง มันจะออกมาจากทะเลสาบสตาร์เพื่อหาเหยื่อที่เป็นสัตว์ที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้  เมื่อเวลาผ่าน ไปผู้คนในหมู่บ้านเขาล้อมนี้ กลัวที่จะเลี้ยงสัตว์อีกครั้งเพราะนั่นมันเหมือนกับการให้อาหารเลี้ยงมังกรร้าย ”

“เพราะกลัวว่าจะถูกโจมตีโดย มังกรร้าย, บ้านทุกหลังในเนินเขาต้องแขวนโคมไฟสีแดงไว้ข้างหน้าบ้านและต้องเปิดไฟไว้ตลอด นักล่าที่มาก็ยังกลัวที่จะล่าสัตว์ในภูเขาแห่งนี้เพราะกลัวว่าจะตกเป็นเหยื่อและถูกกินโดยมังกรร้ายนี่ ”

“แต่พอพูดถึงเริ่องนี้ มันก็แปลกๆ,  เป็นเวลา 20 กว่าปีแล้วและเราไม่เคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับมังกรชั่วร้ายนี้อีกเลย เราคิดว่ามังกรชั่วร้ายนี่ได้เสียชีวิตหรือย้ายจากที่นี่แล้ว ดังนั้นผมจึงไม่เคยคิดว่ามันจะปรากฏอีกครั้งในขณะนี้ นอกจากนี้คุณยังเป็นผู้ที่ฆ่ามันด้วย ”

เนื่องจากความตื่นเต้น, บั่นโฉวเล่าทุกอย่างที่เขารู้เกี่ยวกับข้อมูลของงูหลามดำนี้อย่างติดๆขัดๆ นอกจากนี้เขายังบอกถึงข่าวลือ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าข่าวลือนี้เป็นความจริงหรือปลอมก็ตาม เป็นเพราะเห็นได้ชัดว่าถังซิ่วก็ได้ยินข่าวลือเหล่านี้จากชาวบ้าน

“ไม่มีการเคลื่อนไหวในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา นั่นหมายความว่างูดำนี่กำลังพยายามที่จะตัดผ่านช่วงคอขวดเป็นเวลาถึง 20 ปี หรือเพราะมันอยู่ในสภาพที่อ่อนแอเนื่องจากได้รับบาดเจ็บกันแน่ ?”

ทันใดนั้นร่องรอยของความฉลาดปรากฏขึ้นในตาของถังซิ่ว

ถ้างูดำนี้ อยู่ในสภาพที่อ่อนแอเป็นเวลา 20 ปีเนื่องจากการบาดเจ็บนั่นหมายความว่ามีสัตว์ร้ายชนิดอื่นที่ซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านเขาล้อมนี่อีก ดังนั้นวัสดุที่จำเป็นในการสร้างน้ำยาปรับสภาพร่างกายเพื่อบ่มเพาะชั้นที่สองของขั้นแรกจากวิชาเชื่อมต่อศิลปะแห่งสวรรค์ ได้รับการแก้ไขแล้ว

ด้วยแรงจากคนทั้ง 5 , เนื้องูทั้งหมดได้ถูกยัดใส่รถบรรทุก

เกือบจะในเวลาเดียวกัน , บั่นโฉว ยังได้รับโทรศัพท์จากดิ่งซี่ที่บอกว่าเขาได้เช่าตู้แช่แข็งเรียบร้อยแล้ว

“บอส , คุณต้องการเช่าช่องแช่แข็งเพื่อเก็บเนื้องูเหล่านี้หรือ? แต่มันค่อนข้างมาก, คุณจะไม่สามารถใช้งานมันหมดได้ด้วยตัวเองหรือว่าเอาอย่างงี้ดี , เราจะเอาส่วนเกินที่เหลืออยู่ให้กับร้านอาหารเพื่อนบ้านของแม่คุณและขายที่นั่น ? เราสามารถสร้างแหล่งรายได้อื่นและจ่ายค่าเช่าคลังสินค้าได้ด้วยวิธีนี้ ”

บั่นโฉวพึมพำไปครึ่งทาง

“เนื้องูเหล่านี้มีพิษมาก นอกจากนี้, ฉันยังมีคิดว่าจะใช้ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งสำหรับเนื้อพวกนี้, มันไม่ใช่อาหารที่กินได้ ”

ถังซิ่วจ้องไปที่บั่นโฉวสักครู่ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงลึก ๆ

เมื่อได้ฟังคำอธิบายของถังซิ่วแล้ว , บั่นโฉวไม่สามารถหยุดเหงื่อได้ เขารู้ว่าเขาได้พูดผิดและขอโทษอย่างเร่งรีบ

ถังซิ่วรู้ด้วยว่าบั่นโฉวกำลังพูดออกมาด้วยเจตนาที่ดี ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวว่าบั่นโฉวจะกินเนื้องูนี้เป็นอาหาร เขาก็จะไม่สนใจที่จะอธิบาย

หลังจากใช้ปากของเขาอย่างนั้น, บั่นโฉวก็ไม่กล้าที่จะพูดอีก, คนอื่นๆก็เห็นว่าถังซิ่วดูเหมือนจะคิดถึงบางสิ่งบางอย่างอยู่และพวกเขาไม่กล้าที่จะทำเสียงใดๆเพื่อไปรบกวนและกระตุ้นความโกรธของเขา

ขับรถไปตลอดทางโดยใครพูดอะไร, รถบรรทุกขนาดใหญ่มาถึงช่องแช่แข็งที่อยู่ในบริเวณถนนแม่น้ำสายเก่าซึ่งดิ่งซี่กำลังรอถังซิ่ว และแก๊งอยู่

“ยังไงก็ตาม, นิสัยของพวกนายทั้งหมดยังไม่ถือว่าเน่าเสีย ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป อย่าไปทำเรื่องขู่เข็ญและแบล็กเมล์ใครอีก รวมถึงหยุดทำร้ายคนและทำลายทรัพย์สินของผู้อื่น ถ้าพวกนายต้องการ พวกนายสามารถไปที่ร้านอาหารและทำงานที่นั่นได้ พวกนายไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นั่นตลอดทั้งวัน เพียงแค่ช่วยในบางครั้ง พวกนายสามารถใช้กำลังกายของตัวเองในการทำงานเพื่อดำรงชีวิต เช่นการยกของหรือใช้ปากของคุณเพื่อประชาสัมพันธ์ร้านอาหารของเรา ”

เมื่อถังซิ่วเห็นความแข็งแรงทางกายภาพที่ดีจากบั่นโฉว, ดิ่วซี่และคนอื่นๆ,  เมื่อพวกเขาย้ายงูเนื้อ เข้าไปในตู้แช่แข็งเสร็จ เขาจึงพูดออกมาอย่างจริงจัง

หลังจากได้ผ่านการสังเกตในไม่กี่วัน, ถังซิ่วได้พบว่า แม้บั่นโฉว ,ดิ่งซี่และกลุ่มของเขาได้คลุกคลีกับแบล๊ค แต่ลึกๆในใจพวกเขาก็ไม่เต็มใจที่จะใช้ชีวิตแบบนั้น เป็นเพราะพวกเขาไม่มีทักษะวิชาชีพ, ในขณะที่พวกเขายังถูกเยาะเย้ยโดยครอบครัวหรือเพื่อนของพวกเขา ดังนั้นจึงทำให้พวกเขาต้องการที่จะมีบางอย่างที่สามารถทำให้พวกเขามีหน้ามีตาและทำให้ครอบครัวและเพื่อนของพวกเขามองพวกเขาด้วยความชื่นชมและเคารพได้

บั่นโฉว , ดิ่งซี่และคนอื่นๆ ไม่เคยคิดเลยว่า ความปรารถนาของพวกเขาทำให้ชีวิตพวกเขาชิบหายทันทีหลังจากได้ติดตามแบล๊ค ไม่เพียงแต่พวกเขาไม่ได้รับการยอมรับและเคารพจากครอบครัวและเพื่อนของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความเย็นชาและเกลียดชังที่มีต่อพวกเขา พวกเขากลายเป็นคนไร้ค่ายิ่งกว่าเดิม

“ขอบคุณที่ดูแลพวกเรา บอส! เราจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง ”

“จงมั่นใจเถิดบอส! จากนี้ไปเราจะดูแลงานเป็นอย่างดี เราจะทำให้แน่ใจว่าคุณป้า(แม่ของถังซิ่ว)จะไม่เหนื่อย ”

“ถ้ามีคนชั่วร้ายที่กล้าที่จะสร้างปัญหาในร้านอาหาร เราจะจัดการและเตะพวกมันออกไป!”

เมื่อได้ฟังคำพูดของถังซิ่ว ,ความเหน็ดเหนื่อยและเหนื่อยล้าในตัวบั่นโฉว, ดิ่งซี่และแก๊งที่อยู่บนใบหน้าพวกเขาก็เปลี่ยนไปเป็นตื่นเต้นในทันที

แม้ว่าธุรกิจร้านอาหารก่อนหน้านี้ไม่ค่อยดีนัก แต่พวกเขาได้เห็นว่าร้านในตอนนี้นั้นมีความเจริญรุ่งเรืองมาก

สุภาษิตกล่าวว่า “ถอยกลับมาหนึ่งก้าว ก่อนที่จะเดินไปข้างหน้า 10,000 ก้าว”

ต่อให้ธุรกิจร้านอาหารเพื่อนบ้านจะรกร้าง แต่ก็ไม่สำคัญสำหรับพวกเขา เนื่องจากมีแรงจูงใจอื่นๆ พวกเขาเพียงต้องการที่จะได้ใกล้ชิดกับถังซิ่ว ผ่านการทำงานในร้านอาหาร, หลังจากที่ถังซิ่วมีความสุขและยอมรับพวกเขา บางทีเขาอาจจะยินดีที่จะสอนกังฟูให้พวกเขานิดหน่อย ด้วยเหตุผลนี้

นอกจากนี้ธุรกิจร้านอาหารเพื่อนบ้านของแม่ ถังซิ่วก็ฮ๊อทมากเมื่อเร็วๆ นี้, ด้วยความเข้าใจเกี่ยวกับซูหลิงหยุนนั้น ตราบเท่าที่พวกเขาได้รับการยอมรับจากเธอ เธอจะไม่ปฏิบัติแย่ๆต่อพวกเขา พวกเขายังสามารถได้รับความภาคภูมิใจในตนเองและความเคารพจากครอบครัวและเพื่อนของพวกเขาด้วยการทำงานประเภทนี้

“นี่เป็นเงินสำหรับพวกนายทุกคน รับมัน! ถือว่าเป็นค่าชดเชยสำหรับการปรับปรุงร้านอาหารแล้ว ”

เมื่อได้เห็นการแสดงออกที่ตื่นเต้นจากบั่นโฉว, ดิ่งซี่และคนอื่น ๆ, ถังซิ่วก็ตระหนักดีถึงความคิดของพวกเขา แต่เขาไม่สนใจและยิ้มเท่านั้น, ถังซิ่วหยิบบัตรเอทีเอ็มของเขาแล้วส่งให้บั่นโฉว, ดิ่งซี่

“อ๊า มีอีกเรื่องหนึ่ง! ซื้อเสื้อผ้าใหม่ ๆ และเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวของพวกนายด้วย ! ทั้งหมดเลย! ถ้าพวกนายช่วยกันที่ร้านอาหารในสภาพแบบนี้ ลูกค้าคงกลัวและวิ่งหนีกันหมด  ”

หลังจากจ้องมองไปที่บั่นโฉวและแก๊งค์สักครู่ , ถังซิ่วได้เพิ่มคำสั่งของเขา

เหตุผลที่ทำให้ถังซิ่วให้เงินกับพวกเขาเป็นเพราะ เขาบังเอิญได้ยินเสียงบั่นโฉวและบทสนทนาของดิ่งซี่ในมุมที่ห่างไกลเมื่อก่อนหน้านี้

แม้ว่าดิ่งซี่ได้เช่าคลังสินค้าแล้ว แต่เขาได้จ่ายเงินมัดจำเพียง 1,000 หยวนและยังไม่ได้จ่ายเงินที่เหลือ เหตุผลนั้นง่ายมาก  เขาไม่มีเงินเลยซักแดงเดียว

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาบั่นโฉว, ดิ่งซี่และคนอื่นๆ ใช้ชีวิตแค่วันต่อวันเท่านั้น สำหรับวันพรุ่งนี้ … ก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ พวกเขาเป็นพวกที่ใช้เงินทั้งหมดของพวกเขาในช่วงต้นเดือนเหมือนดั่งว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้

ก่อนที่จะปรับปรุงร้านอาหาร แบล๊ค , บั่นโฉว, ดิ่งซี่และคนอื่นๆ ได้สะสมเงินไว้เกือบ 600,000 หยวน ในเงินที่พวกเขาใช้: 100,000 หยวนนั้นมาจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชางเหวิน  200,000 หยวนจากการข่มขู่ใครบางคนจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชางเหวินอีก 200,000 หยวนรวบรวมจากแบล๊ค , บั่นโฉว, ดิ่งซี่ และคนอื่นๆหลังจากที่พวกเขาเอาเงินเก็บทั้งหมดมารวมกัน

ดังนั้นหลังจากปรับปรุงร้านเสร็จบั่นโฉว, ดิ่งซี่และคนอื่นๆก็ยากจนเป็นอย่างมาก ดังนั้นเมื่อถังซิ่วขอให้พวกเขาทำอะไร พวกเขานั้นไม่มีเงินเหลือเลย

พวกเขาเป็นเหมือนลูกวัวที่ควรจะวิ่งแต่ยังไม่มีหญ้าที่จะไว้กินสำหรับพวกเขา ดังนั้นแล้วถังซิ่วไม่สามารถปล่อยให้เป็นแบบนั้นได้

นอกจากนี้ถังซิ่วยังเคยฟุ่มเฟือยไปกับคนรับใช้ของเขาในดินแดนแห่งนิรันดร์ เขาไม่เคยขี้เหนียวเงิน

หลังจากทิ้งบัตรเอทีเอ็มให้กับพวกเขา ถังซิ่วเดินไปที่โรงเรียนของเขาด้วยการเดินเท้า

แม้ว่าถังซิ่วได้รวบรวมวัสดุและส่วนผสมทั้งหมดที่จำเป็นในการผสมน้ำยาปรับสภาพร่างกายแล้วนั้นและไม่สามารถที่จะทนรอเพื่อบ่มเพาะพลังได้ แต่เขาคิดว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 ถึง 15 วันที่เขาจะหายตัวไปชั่วคราว สิ่งนี้ทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกเหนือจากการไปโรงเรียนและขาลาเป็นเวลานานๆ

แต่ถังซิ่วนั้นไม่ทราบว่าเมื่อเขากำลังไปโรงเรียน, บั่นโฉว, ดิ่งซี่และคนอื่นๆ กำลังตกใจอย่างมากเนื่องจากยอดเงินในบัตรเอทีเอ็มของเขา

ตอนแรกบั่นโฉวและคนอื่นๆ ก็ปฏิเสธ เมื่อถังซิ่วได้ให้บัตรเอทีเอ็มของเขา อย่างไรก็ตามตั้งแต่ถังซิ่วได้ยืนยันว่าจะให้และพวกเขากลัวที่จะทำให้ถังซิ่วโกรธทำให้พวกเขาต้องรับมาอย่างไม่เต็มใจ

บั่นโฉวและคนอื่นๆ คิดว่าแม้ว่าจะมีเงินอยู่ในบัตรเอทีเอ็มของถังซิ่ว , จำนวนเงินก็คงไม่มากนัก

อย่างไรก็ตามเนื่องจากพวกเขาไม่มีเงินที่จะดำเนินงานในปัจจุบันต่อ พวกเขาได้หาเครื่องกดเงินอัตโนมัติเนื่องจากความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขา,เพื่อที่จะตรวจสอบจำนวนเงินภายในบัตรเอทีเอ็มของถังซิ่ว

เมื่อพวกเขาเห็นจำนวนหกหลักบนหน้าจอของเอทีเอ็มพวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาของพวกเขาและคิดว่าสายตาของพวกเขากำลังมีปัญหา

“273,000 หยวน? เหี้ยอะไรกัน นี่ฉันไม่ได้อ่านมันผิดใช่มั้ย ? บอสของเราจะรวยขนาดนั้นได้อย่างไร? ”

“หรือบอสจะเป็นคนร่ำรวยและมีอำนาจอยู่ลับๆ ? หรือทุกสิ่งที่เราเห็นนั้นเป็นเพียงแค่ฉากหน้า ?”

“ยังไงก็ตาม ,ฉันขอพูดหน่อย ในเมื่อทักษะของบอส นั้นแข็งแกร่งขนาดนั้น บอสจะเป็นคนยากจนได้อย่างไร? เขาอาจจะแค่ต้องการออกมาข้างนอกและอาศัยอยู่ตามที่เขาต้องการ … อ้า เขายังมีชีวิตอยู่โดยไม่ต้องห่วงเรื่องทุกอย่างเลยล่ะ ”

บั่นโฉว , ดิ่งซี่และคนอื่นๆ ก็แค่จ้องมองกันและกันโดยเบิกตากว้างขณะที่พวกเขาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน

ดูเหมือนว่าพวกเขาจะถูกครอบงำโดยทักษะการต่อสู้ที่น่าเกรงขามของถังซิ่ว เพราะตั้งแต่พวกเขาได้เค้นสมองและคิดถึงความเป็นไปได้ทุกอย่างในภายหลัง สิ่งเดียวที่พวกเขาไม่เคยคิดเลยคือเงินจำนวนนี้เป็นเป็นเงินที่ถังซิ่วได้มาเพียงชั่วข้ามคืนหลังเล่นพนัน

“บั่นโฉว, ดิ่งซี่,นาย 2 คนเป็นคนที่อายุมากที่สุดและมีประสบการณ์มากที่สุดในหมู่พวกเรา เราควรทำอย่างไรกับเงินนี้? เราควรจะหารกันหรือเอากลับไปคืนบอส ? “

หลังจากหารือกันมาเป็นเวลานานแล้วทุกคนก็ไม่สามารถรู้ว่าจะทำยังไงดี ตอนนี้พวกเขาได้โยนการตัดสินใจไปที่บั่นโฉวและดิ่งซี่

“ให้เงินคืนบอสกลับไปนั้นเป็นเรื่องที่ผิดแน่นอน เมื่อมองจากนิสัยของบอสแล้ว เมื่อเขาได้ให้อะไรบางอย่างไปแล้ว เขาไม่ต้องการมันกลับมา! ฉันขอแนะนำให้เราประหยัดเงินนี้ก่อน นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายที่จำเป็นแล้วเราจะใช้มันเพื่องานต่อๆไป ที่บอสจะสั่ง ”

หลังจากได้คิดอยู่ครู่หนึ่งบั่นโฉวพูดความคิดของเขาออกมา

“ฉันก็คิดเช่นนั้น  บอสได้กล่าวอย่างชัดเจนในก่อนหน้านี้ว่าเขาเกลียดการกระทำของเราก่อนหน้านี้ พูดได้เลยว่าเราไม่สามารถขู่กรรโชกและแบล็กเมล์ใครได้อีก เราต้องทำงานสุจริตอย่างจริงจังในตอนนี้ ถ้าบอสยอมรับเรา เขาอาจจะสอนเราเรื่องการฝึกกังฟูนิดหน่อย… ”

ดิ่งซี่ก็ได้แสดงความเห็นของเขาเช่นกัน จิตใจของเขาตอนนี้ จดจ่ออยู่กับวิธีการเรียนรู้กังฟูจากถังซิ่ว