เฉิงเยี่ยนหนาน( ผญ ที่ปกป้องถังซิ่วในห้องเรียน)

ซู่ดวนซิน (ลูกน้องของซูเชียงเฟย)

ทานหลีเขวียน (ลูกน้องของซูเชียงเฟย)

ซูเชียงเฟย (ลูกของลุงถังซิ่ว)

หยวนชูหลิง (ไออ้วนเพื่อนสนิท)

หลงเซ้งหลิน (ไอหัวโล้น ตอนที่ห้องเกม)

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

“ลูกแหง่ติดแม่ที่เป็นเด็กดี ?”

คำพูดแปลก ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลงเซ้งหลิน ในขณะที่เขาได้ยินคำอธิบายของถังซิ่วจากหยวนชูหลิง

เด็กดีของแม่จะเข้าห้องพนันงั้นหรือ? เด็กดีของแม่ทำให้เจ้านายของห้องพนันเสียความเยือกเย็นและมารยาทของเขาได้งั้นหรือ?

“เดี๋ยว … เดี๋ยว หยุดก่อน ! ความรู้สึกแปลกๆนี้มันอะไรกัน? เป็นไปได้ไหมที่ไอพวกเวรนั้นพูดความจริง ? ”

เมื่อมองเห็นความเปลี่ยนแปลงของการแสดงออกของหลงเซ้งหลินอย่างชัดเจน, หยวนชูหลิงมองไปที่ทิศทางของซูเชียงเฟยโดยไม่รู้ตัว

เมื่อหยวนชูหลิงพิ่งเข้าห้องเรียนเช้านี้, เขาได้ยินข่าวที่แพร่กระจายกล่าวว่าหลังจากถังซิ่วหนีเรียนเมื่อวานนี้ เขาได้ไปที่ห้องพนันและเล่นที่นั่นตลอดทั้งคืน

ซูเชียงเฟย, ซู่ดวนซินและทานหลีเขวียนเป็นคนปล่อยข่าวลือดังกล่าว

ทุกคนเชื่อข่าวลือที่ถูกแพร่กระจายโดยทั้งสามคนนี้ได้อย่างง่ายดาย เพราะความจริงนั้นถังซิ่วไม่ได้กลับมาที่หอพักเมื่อคืนนี้ พวกเขาพูดถึง ถังซิ่วด้วยการดูถูก แม้ว่าถังซิ่วจะมีผลสอบที่ไม่ดี แต่เดินทางไปเล่นเครื่องสล็อตตลอดทั้งคืน

แต่เมื่อผลการทดสอบรายเดือนของถังซิ่วออกมา ทิศทางของความคิดเห็นของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที

ทุกคนคิดว่าข่าวลือดังกล่าวได้ถูกเปิดเผยโดยซูเชียงเฟย, ซู่ดวนซินและทานหลีเขวียนนั้นเพื่อทำให้ถังซิ่วเสียชื่อเสียงเพราะทุกคนรู้ดีว่าทั้งสามคนมักจะออกไปเล่นในห้องพนัน แต่ทุกๆคนไม่เคยได้ยินว่าถังซิ่วนั้นได้ไปที่ห้องพนันมาก่อน

นอกจากนี้การเข้าห้องพนันไม่ได้เป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่ทุกคนเคยทำ เพราะโดยส่วนใหญ่ของนักเรียนในชั้นเรียนนั้น,ในความเป็นจริงแล้วได้เล่นที่ห้องพนันนี้มาเหมือนกันและหลายคนยังเล่นตลอดทั้งคืน ดังนั้นถึงแม้ว่าสิ่งที่พวกเขาทั้งสาม กล่าวนั้นเป็นความจริง, สำหรับนักเรียนห้องสิแล้ว ,มันไม่มากพอที่จะทำให้เกลียดถังซิ่วแม้แต่น้อย พวกเขารู้สึกใกล้ชิดถังซิ่วยิ่งขึ้น และคิดว่าเขาไม่ใช่คนที่เข้าถึงได้ยาก

ในทางตรงกันข้าม, พวกเขายิ่งดูถูกพฤติกรรมของซูเชียงเฟย, ซู่ดวนซิน, ทานหลีเขวียน ตั้งแต่พวกเขาเริ่มปล่อยข่าวลือและสร้างปัญหา, นินทาเพื่อนร่วมห้องให้อาจารย์ฟังตอนที่เขาไม่อยู่ นี้ไม่ใช่สุภาพบุรุษ นี้เป็นการกระทำของคนไร้เกียรติ

นี่คือพลังของคะแนน 712 คะแนนในผลการทดสอบรายเดือน นี่คือพลังแห่งการแย่งชิงอันดับแรกในชั้นปี

ซูเชียงเฟยและทั้งสามคน เห็นได้ชัดว่าไม่ได้คาดคิดว่าพวกเขาจะล้มเหลวในการทำให้ถังซิ่ว นั้นเสียชื่อเสียงและทำให้เขาถูกลงโทษ แต่กลับทำให้ตัวเองแปลกแยกจากเพื่อนร่วมชั้นทุกคน มันก็เปรียบเหมือนกับที่พวกเขากำลังพยายามที่จะได้รับประโยชน์ แต่จบลงด้วยการสูญเสียที่เลวร้าย, พร้อมกับทนความทุกข์ทรมานการสูญเสียเป็นสองเท่า, หลังจากที่พยายามที่จะหลอกลวงคน

“ไอเวรพวกนั้น ?”

หลังจากมองตามไปที่หยวนชูหลิงมองอยู่, หลงเซ้งหลินก็มองไปที่ทิศทางของซูเชียงเฟยและเพื่อนเขา ในขณะที่มีร่องรอยที่เย็นเยือกเกิดขึ้นในดวงตาเขา

เมื่อวานนี้หลงเซ้งหลิน รู้แล้วพวกเขาทั้งสามนั้นสะกดรอยตามหลังถังซิ่ว , เพราะเขาเองก็ได้ติดตามถังซิ่วด้วย นอกจากนี้เขายังเคยได้ยินคำสาปแช่งและคำหยาบคายที่มีต่อถังซิ่วอีกด้วย

ตอนแรกหลงเซ้งหลินคิดเพียงว่าทั้งสามคนนี้เป็นคนสัญจรไปมา แต่พวกเขารู้สึกอิจฉาความสำเร็จของถังซิ่ว ที่จะกวาดเงินทั้งหมดของห้องพนันไปและพูดคำเหล่านั้นออกมา ,  แต่เขาไม่เคยคิดว่าพวกเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นของถังซิ่ว ทำให้เกิดความขยะแขยงขึ้นในหัวใจของเขา

รู้สึกถึงสายตาที่รังเกียจจากหลงเซ้งหลิน ,ทั้งสามคนได้ลดศีรษะของพวกเขาลงและผิวของพวกเขาเริ่มซีดลง

ในความเป็นจริงหลังจากที่หลงเซ้งหลินมาถึงห้องเรียน,  ซูเชียงเฟยและเพื่อนได้แปลงร่างเป็นนกกระจอกเทศที่เอาหัวของพวกเขาซุกลงไปในทราย พวกเขาไม่ได้กล้าที่จะหายใจเช่นเดียวเพื่อที่จะไม่ให้หลงเซ้งหลินรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเขา แต่พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าหลงเซ้งหลิน จะหันความสนใจไปที่พวกเขา

“เจ้าอ้วน นายและฉันเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว ทำไมนายไม่บอกฉันว่าถังซิ่วไปอยู่ที่ไหน? ”

หลังจากที่จ้องมองไปที่ทรีโอทั้งสามของซูเชียงเฟยสักครู่, หลงเซ้งหลินก็มองย้อนกลับมาและถามด้วยความกระวนกระวาย

“นายมาถามฉันแล้วฉันจะไปถามใครหละ ? ลูกพี่ได้รีบวิ่งออกไปหลังจากที่เขาทิ้งจดหมายลาไว้สำหรับวันนี้ เขาบอกว่าเขามีอะไรที่เร่งด่วนมากที่ต้องรีบจัดการ ”

ระลึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาของเขา,หยวนชูหลิงตอบด้วยความรู้สึกขมขื่น

“เรื่องนี้ … ”

หลงเซ้งหลินตะลึงหลังจากฟังคำตอบของหยวนชูหลิง

“เจ้าอ้วน ถ้าหากว่าถังซิ่วกลับมาแล้ว นายต้องรีบโทรหาฉันให้เร็วที่สุด, ถ้าถังซิ่วไม่กลับมาก่อนเช้าวันพรุ่ง, พี่ชายของฉันอาจจะต้องตายจริงๆ ”

เมื่อไม่พบถังซิ่ว , หลงเซ้งหลินรีบกลับและทิ้งข้อความไว้

หยวนชูหลิงและเฉิงเยี่ยนหนาน กำลังจ้องมองกันด้วยตาที่เบิกกว้าง ขณะที่พวกเขากำลังแสดงความตกตะลึงและตกใจบนใบหน้าของพวกเขา

ความช๊อคและความประหลาดใจที่ถังซิ่วได้นำมาสู่พวกเขาใน 2 วันมานี้ … มันใหญ่เกินไป, ก่อนอื่นเขาทำลายสถิติและกลายเป็นผู้ทำคะแนนอันดับหนึ่งของการทดสอบรายเดือนและตอนนี้เขาได้หันเข้าสู่การเป็นเทพนักพนันอย่างไม่คาดฝัน

ถ้ามีคนอื่นบอกพวกเขาว่าถังซิ่วเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคการพนัน พวกเขาจะตะคอกและด่าเขา แต่เนื่องจากเป็นหลงเซ้งหลินที่บอกกับพวกเขาและยังได้ขอความช่วยเหลือจากถังซิ่วเอง , แม้ว่าพวกเขาจะไม่อยากเชื่อก็ตาม พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อ

แสงจันทร์ที่สลัวๆ ฉายเป็นเงาดำขนาดใหญ่บนเนินเขา

บนยอดเขานั้น แสงของดวงดาวฉายลงมาจากฟากฟ้าและห่อหุ้มไปที่ร่างของถังซิ่ว

การอาบแสงดาวของเขานั้นทำให้ แต่ละรูขุมขนบนร่างกายถังซิ่วดูดกลืนแสงดาวและปรับแต่งให้เป็นแก่นดาราในร่างของเขา

นี่เป็นครั้งที่สองที่ถังซิ่วได้เปิดใช้งานวิชาเชื่อมต่อศิลปะแห่งสวรรค์เองตั้งแต่ได้เกิดใหม่

ครั้งแรกที่เขาได้บ่มเพาะวิชาเชื่อมต่อศิลปะแห่งสวรรค์นั้นเป็นตอนที่เขาพบว่าร่างกายของเขาบังเอิญมีคุณสมบัติในการที่จะบ่มเพาะวิชานี้ เจาเคยได้ศึกษาวิชานี้ตลอดทั้งวันคืนในช่วงที่ยังอยู่ในดินแดนแห่งนิรันดร์และในตอนนั้นเองที่โรงพยาบาลที่ร่างกายเขามีคุณสมบัติในการบ่มเพาะ ด้วยความสงสัยเขาจึงได้ลองเปิดใช้งานวิชานี้

แต่ตอนนี้เนื่องจากเขาได้รับวัตถุดิบและส่วนผสมในการสร้างน้ำยาแปลงสภาพ แล้วถังซิ่วก็กล้าที่จะเปิดใช้งานวิชานี้และเริ่มฝึกฝนการทักษะการหายใจสำหรับขั้นแรกของวิชาเชื่อมต่อศิลปะแห่งสวรรค์

ในขณะที่แสงดาวนั้นกำลังซึมเข้าไปในร่างของเขา แก่นดาราในร่างของเขานั้นกำลังใหญ่ขึ้นด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

หนึ่งสองสามสี่…

ในช่วงที่ถังซิ่วได้เปิดใช้งานเป็นครั้งแรกนั้น เขาได้สร้างแก่นดาราขึ้นเพียงครึ่งวงกลมภายในร่างกายของเขาแต่หลังจากที่วิชานั้นได้บ่มเพาะเองในร่างกายเขามาหนึ่งเดือนก็ทำให้มันเต็มวง

เหตุผลที่เขาเปิดการใช้งานของวิชาเชื่อมต่อศิลปะแห่งสวรรค์นั้นครั้งที่สองนั้นคือการที่ถังซิ่วนั่งอยู่บนเส้นชีพจรวิญญาณ เมื่อเทียบกับความพยายามครั้งก่อน ที่เขาได้เปิดใช้งานนั้น ความเร็วในการดูดซับแสงดาวได้เร็วขึ้นประมาณสิบเท่า ดังนั้นการควบแน่นของ แก่นดารา ในร่างกายของเขาจึงเร็วขึ้นเช่นกัน

ภายในระยะเวลาสั้น ๆ ของการฝึกฝน 2 ชั่วโมง รูปทรงกลมๆของแก่นดาราภายในร่างกายของเขาเปลี่ยนจาก 1 เป็น 4 ลูก

อย่างไรก็ตามเมื่อทรงกลมของ แก่นวิญญาณภายในร่างกายของถังซิ่วถึง 4 อันแล้ว ความเร็วในการดูดซับของเขาก็ลดลงอย่างรวดเร็วและกล้ามเนื้อที่หน้าและไหล่ของเขาบิดใบบิดมาขณะที่เหงื่อไหลซึมออกมาจากร่างกายของเขา สร้างสระน้ำอยู่ใต้ก้นของเขา

ความต้องการความแข็งแกร่งทางร่างกายที่ใช้สำหรับฝึกวิชาเชื่อมต่อศิลปะแห่งสวรรค์นั้นใช้สูงมาก ถึงแม้ว่าถังซิ่วกำลังออกกำลังกายร่างกายของเขาทั้งกลางวันและกลางคืนเป็นเวลาประมาณหนึ่งเดือน มันเพิ่มความแข็งแรงให้กับเขามาก แต่ก่อนที่เขาจะแช่ตัวและหล่อหลอมร่างกายเข้ากับน้ำยาปรับสภาพร่างกายนั้น ร่างกายของถังซิ่วก็ยังถือว่าเป็นของคนธรรมดา

ร่างกายมนุษย์มีความอดทนที่จำกัด ในขณะที่ ดันเทียน, เส้นพลัง, หลอดเลือดและอวัยวะภายในนั้นยังต้องการพักผ่อน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหมุนเวียนพลังงานไปเรื่อย ๆ

หลังจากที่แก่นดาราทั้ง 4 ได้รับการควบแน่นภายในร่างกาย, ถังซิ่วรู้สึกว่าร่างกายของเขาถึงขีดจำกัดที่สามารถจะทนได้แล้ว พลังระเบิดที่อยู่ภายในแก่นดาราทั้ง 4 นั้น ทำให้รู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังจะระเบิดเป็นชิ้น ๆ ได้ตลอดเวลา

“อ๊ากกกก … ”

อาการปวดรุนแรงและเฉียบพลันทำให้ถังซิ่วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ขณะที่เขากรีดร้องเสียงดังราวกับว่าเสียงของเขาอาจจะทำให้โลกตกใจได้

ร่างกายของถังซิ่วเริ่มหมุนกลิ้งไปทุกหนทุกแห่ง จนหัวของเขาไปกระแทกกับหิน

ในช่วงเวลานั้นถังซิ่วกำลังทุ่มเทตัวเองอย่างสุดตัว หลังจากที่เขาระบายอากาศออกจากร่างกายของเขา เขานั้นก็รู้สึกหิวเหมือนจะเป็นบ้าทันที

ขณะนี้ถังซิ่วคิดว่าเขาสามารถที่จะกินลูกวัวทั้งตัวได้ไม่ยาก

“ฮะ?! พวกเต่ากับกระต่ายพวกนั้นหายไปไหน? ”

เมื่อถังซิ่วตั้งใจที่จะกินสัตว์ป่าที่เขาล่ามาเพื่อบรรเทาความหิว เขาก็พบว่าสัตว์ทั้งหมดยกเว้นงูพิษและแมงป่องในกระเป๋านักเรียนของเขาหายไปหมดทำให้เขาตกตะลึง

มันเป็นตอนตี 1 ที่ถังซิ่วเริ่มบ่มเพาะ มันจะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครปีนขึ้นเขาตอนกลางดึกและพวกกระต่ายและเต่าก็ถูกมัดด้วยเทคนิคพิเศษของถังซิ่ว ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกมันที่จะหลบหนี เขาจึงพบว่าสิ่งนี้แปลกมาก

ถังซิ่วรีบสงบตัวเองลง ในขณะที่มีร่องรอยของความตื่นเต้นในสายตาเป็นประกายของเขา

ถ้าเป็นคนธรรมดาพวกเขาอาจจะคิดว่า ยอดเขานี้มีผีสิงและกลัวจนอึราดกางเกงพร้อมวิ่งหนีลงไปที่ตีนเขาขณะที่ร้องไห้

แต่ถังซิ่วไม่ใช่คนธรรมดา เขาอาศัยอยู่และบ่มเพาะในดินแดนแห่งนิรันดร์ เป็นเวลากว่า 10,000 ปีและยิ่งกว่านั้นเขาไม่ได้มาที่หมู่บ้าน หินล้อมนี้เพื่อเที่ยวชมสถานที่

“จริงๆแล้วฉันได้เดินทอดน่องไปรอบๆ เพื่อมองหาแกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่คิดว่าจะพบแกได้ง่ายขนาดนี้”

ถังซิ่วพยายามหาร่องรอยของสัตว์ร้ายและสุดท้ายก็ไม่พบมัน แต่ในเวลานี้เขารู้ว่าสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่งได้คว้าเอาอาหารไปจากมือของเขา

หลังจากที่จิตใจและจิตวิญญาณสงบลงความรู้สึกของถังซิ่ว ได้รับความเสริมพลังมากกว่า 10 เท่า เขาได้รับการฝึกฝนวิชาเชื่อมต่อศิลปะแห่งสวรรค์เป็นเวลาหนึ่งเดือน ซึ่งส่งผลให้ความสามารถในการรับรู้ของเขาแข็งแกร่งขึ้นและแข็งแรงกว่า 100 เท่าเมื่อเทียบกับคนธรรมดา สัมผัสของเขาแข็งแกร่งกว่า 100 เท่าและไม่มีอะไรที่จะหลบหนีออกจากสายตาและหูของเขาได้

เมื่อถังซิ่วรู้ว่าเหยื่อของเขาหายไปโดยเขาไม่ได้สังเกตเห็นเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นสิ่งนี้อธิบายได้ว่าคนที่คว้าเหยื่อของเขาไม่ได้เป็นมนุษย์หรือสัตว์ป่า แต่เป็นสัตว์ร้ายที่ได้รับการปลูกฝัง

ถังซิ่ว ไม่รีบออกไปหาสัตว์ร้าย แต่เขาหยิบไม้แห้งขึ้นมาจากป่าริมถนนและเผามัน จากนั้นเขาก็เริ่มที่จะย่างเหยื่อ

ในช่วงชีวิต 10,000 ปีในดินแดนแห่งนิรันดร์ ,ถังซิ่ว ไม่เพียงแค่บรรลุถึงขั้นสุดยอดในการเพาะปลูก แต่เขาก็มีพรสวรรค์ในด้านอื่น ๆ เช่นการเล่นแร่แปรธาตุการสร้างเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆการวาดข่ายอาคมและการศึกษาอื่นๆ หรือความสำเร็จทางด้านศิลปะ โดยรวมแล้วเขาได้เรียนรู้สาขาเหล่านั้นในระดับความรู้เท่าเทียมกัน ทำให้หาคนที่จะเทียบกับเขาได้ยากมาก

ถังซิ่ว ยังคงมีความสามารถระดับเทพอีกอย่าง นั้นคือการทำอาหาร

เพียงเพื่อเติมเต็มความตะกละของเขาเอง เขาไม่ลังเลที่จะใช้เวลา 100 ปีเพื่อเข้าสู่โลกมนุษย์ เขาเดินทางไปทั่วประเทศในโลกมนุษย์เพื่อค้นหาและศึกษาตำนานต่างๆและในที่สุดเขาก็เรียนรู้เทคนิคการทำอาหารระดับพระเจ้าซึ่งมีชื่อว่า “การแกะสลักเมฆและตัดดวงจันทร์”

10 นาทีต่อมามีกลิ่นหอมที่ล่อน้ำลายออกมาจากไม้ที่เสียบงูพิษในมือของถังซิ่ว

ถังซิ่วไม่รีบกินมัน แต่เขาเอาเกลือ เครื่องปรุงรสผงยี่หร่าและเครื่องเทศ 13 ชนิดออกจากกระเป๋านักเรียนของเขา ขณะนี้เขากำลังปรุงรสงูด้วยเครื่องปรุงทั้งหมด

พร้อมกับลอกหนังงูออก เผยให้เห็นสีขาวนุ่มของเนื้องูที่กำลังกลายเป็นสีเหลืองทองในขณะที่กลิ่นของเนื้อกำลังลอยไปในอากาศมากยิ่งขึ้น

ทันใดนั้น ถังซิ่วได้ยินเสียงดังที่ระเบิดออกมาจากที่ไหนไม่รู้ จมูกของเขาก็ดมกลิ่นที่เหม็นพร้อมกินควันในเวลาเดียวกัน

“สิ่งชั่วร้าย! ฉันรอแกมานานแล้ว! ”

ถังซิ่วดูเหมือนจะคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดไว้นานแล้ว เขารีบกลิ้งตัวไปด้านหน้าและหลบเลี่ยงโอกาสที่จะโดนซุ่มโจมตีจากด้านหลังเขา ในขณะที่เขาเตะกองถ่านและเทลงไปทางด้านหลังของเขา