…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ชูยี่เองก็ได้จ้องมองไปที่ถังซิ่วด้วยการใช้ความคิดก่อนที่จะพูดต่อว่า

“เขาน่าทึ่งในหลายๆด้านมาก เรียนดีได้อันดับหนึ่งของจังหวัด วิทยายุทรก็สุดยอด8-10คนนั้นไม่ใช่คู่มือของเขาเลย วาดรูปก็น่าทึ่งจนไม่มีใครในโลกนี้สามารถเทียบได้ ด้านธุรกิจเองก็ทำให้ผมรู้สึกยกย่องเหมือนเขาเป็นเครื่องผลิตเงิน แต่ที่สุดยอดที่สุดคือเส้นสายที่เขามีในกำมือนั้นถึงกับทำให้ผมต้องรู้สึกละอายใจ”

ถังเกาเชิงเองก็ได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะถามออกมาว่า

“เส้นสาย ? เส้นสายอะไรกัน ? ”

ชูยี่เองก็ได้พูดออกมาว่า

“คุณปู่น่าจะรู้เรื่องที่ผมทำเกี่ยวกับสตาร์ซิตี้ใช่ไหม ? ”

ถังเกาเชิงเองก็ได้พูดออกมาว่า

“แน่นอนอยู่แล้ว แม่ของเธอได้พูดคุยกับฉัน”

ชูยี่เองก็ได้ชี้ไปที่ถังซิ่วก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“การที่เราเคลื่อนไหวนั้นเป็นเพราะเขาคนเดียวเท่านั้น แม้กระทั่งนายใหญ่ของบริษัทร้อยคุณธรรมเภสัชเฉินซีซ่งยังเป็นลูกศิษย์เขาเลย เขาเป็นเหมือนผู้เชี่ยวชาญในสายตาของพวกเรา”

หัวใจของถังเกาเชิงกระสับกระส่ายทันทีแม้ว่าเขารู้ว่าหลานชายคนนี้จะโดดเด่นแต่ไม่เคยคิดว่ามันจะขนาดนี้ เขาเองก็ได้ยินเรื่องการถอนรากตระกูลซางแต่ไม่เคยได้ยินเรื่องที่ถังซิ่วคือหัวหอกของแผนการนั้น เขาเองก็รู้จักบริษัทร้อยคุณธรรมเภสัชที่ขายสมุนไพรและทำการวิจัยเรื่องยาต่างๆซึ่งถือได้ว่าเป็นบริษัทใหญ่ก็ว่าได้ เรื่องของเฉินซีซ่งเองก็ผ่านหูเขามาบ้างแต่จากที่เขารู้มาคือเฉินซีซ่งมีนิสัยที่หัวรั้นเป็นอย่างมากและเป็นตัวต้นที่ไม่ธรรมดาเลยทว่าเขาไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าชายคนนั้นกลับเป็นลูกศิษย์ของหลานชายเขา

“ลูกหลานของตระกูลถังของฉันต้องสุดยอดอยู่แล้ว ”

รอยยิ้มเจิดจ้าได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาทันทีก่อนที่จะพูดชื่นชมออกมา

ถังซิ่วเองก็จ้องมองอยู่พร้อมกับรู้สึกไม่สบายใจจากการที่ชินฉางเย่จ้องมองเขาแต่เขาก็ไม่ได้สนใจกับคำพูดของถังเกาเชิงเท่าไหร่ ใช่! หากนับกันตามศักดิ์แล้วเขาเป็นหลานและเขาเองก็ไม่เสียหายอะไรที่ถังเกาเชิงเรียกแบบนั้นตราบใดที่ไม่มีใครในตระกูลถังมารังแกแม่ของเขาก็พอ

หลังจากผ่านไป 1 ชั่วโมง

คนตระกูลถังมากมายเองก็ได้กลับมาที่นี่แต่สิ่งที่ทำให้ถังซิ่วต้องผิดหวังคือไม่ว่าจะใช้เส้นสายเท่าไหร่ก็หาหญ้ามังกรรมควันมาได้น้อยมาก เขาลองนับดูและเห็นว่ามันมีแค่12ต้นเท่านั้น

“คุณปู่ หนูหามาได้8ต้น”

นอกประตูได้มีเสียงที่ไพเราะดังออกมาพร้อมกับถังหยิงที่ได้วิ่งถือกระเป๋าเข้ามาอย่างรวดเร็ว

8 ?

คนตระกูลถังเองก็ได้มองไปที่กันและกันอย่างว่างเปล่า พวกเขาได้ใช้เส้นสายทั้งหมดเพื่อจะหาสมุนไพรนี้ถึงขั้นที่ว่ารับซื้อมันด้วยราคาที่สูงลิ่วแต่ก็หามาได้รวมกันแต่12ต้นทว่าถังหยิงกลับหามาได้ถึง8ต้น ?

ถังเกาเชิงเองก็ได้ถามออกมาด้วยความสงสัยว่า

“ถังหยิง หลานไปหามันมาจากที่ไหน?”

ถังหยิงเองก็ได้พูดออกมาว่า

“เพื่อที่จะหาสมุนไพรนี้หนูได้ใช้ Wechat และถามในหมู่เพื่อนๆและปรากฏว่ามีเพื่อนคนหนึ่งที่มีมันอยู่8ต้นพอดี เขาให้มันมาทั้งหมดอย่างไรก็ตามเพื่อนของหนูเองก็บอกมาว่าหากว่าเผาสมุนไพรนี้จะช่วยทำให้คนที่สูดดมอยู่ในสภาวะที่ตื่นตัวตลอดเวลาอย่างไรก็ตามผลข้างเคียงของมันก็ค่อนข้างรุนแรงหากว่าสูดดมไปมากๆก็จะทำให้สลึมสลือจนถึงขั้นที่หมดสติได้เลย”

ถังซิ่วเองก็ได้หรี่ตาลงก่อนที่จะถามถังหยิงว่า

“คนที่สามารถเข้าใจหญ้ามังกรรมควันนั้นมีไม่มากหมายความว่าเพื่อนของเธอนั้นสุดยอดมาก เขาเป็นใครกัน ?”

ถังหยิงเองก็ได้มองไปที่ถังซิ่วด้วยความลังเลก่อนที่จะไม่ได้ตอบคำถามของเขาแล้วถามกลับไปแทนว่า

“ก่อนที่ฉันจะตอบนายต้องตอบคำถามของฉันก่อนได้ไหม ? ”

ถังซิ่วเองก็ได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ถามมาสิ !”

ถังหยิงเองก็ได้พูดออกมาว่า

“คนที่ให้หญ้ามังกรรมควันมานี้รู้จักผู้ชายตรงๆคนหนึ่งแต่เขาก็เป็นคนที่น่าทึ่งมาก มีความสามารถด้านการวาดภาพอย่างสุดยอด ภาพวาดทิวทัศน์ที่เขาวาดนั้นถือว่าสวยงามที่สุดในโลก! ก่อนหน้านี้เขาได้ให้ภาพวาดนั้นกับเพื่อนของฉันฟรีๆและขายภาพวาดตัวอักษรในราคาที่สูงลิ่ว ชายคนนั้นมีชื่อว่าถังซิ่วฉันจึงอยากจะถามว่านายมีความเกี่ยวข้องกันไหม ? ”

ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“ที่แท้เพื่อนของเธอก็คือมู่หวางหยิงนี่เอง ใช่ ภาพนั้นฉันเป็นคนให้เธอไปเอง ! ตัวอักษรเหล่านั้นฉันก็เป็นคนขาย”

ถังหยิงเองก็ได้พูดออกมาด้วยความตกตะลึงว่า

“นายคือคนตรงๆที่มู่หวางหยิงพูดถึงจริงๆงั้นหรอ ? ดูเหมือนว่าฉันจะเดาถูกจริงๆว่าเป็นญาติผู้น้องของฉัน หลังจากนี้พวกเราสองพี่น้องจะต้องสนิทกันเพราะฉันและมู่หวางหยิงเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ยังเด็ก หากว่าต้องการความช่วยเหลือจากฉันก็พูดมาได้เลย รับรองได้ว่าจะช่วยนายจีบเธอได้แน่ๆ ”

“………….”

ถังซิ่วเองก็ได้กรอกตาไปมา เขารู้สึกตลกอยู่ภายในใจเพราะเขาไม่เคยมีความคิดที่จะไปจีบมู่หวางหยิงแม้แต่น้อยอย่างไรก็ตามญาติผู้พี่ของเขาเองก็น่าสนใจเป็นอย่างมากเพราะเธอขายเพื่อนวัยเด็กได้ทันที

ชินฉางเย่ที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆและได้ยินการสนทนาของพวกเขานั้นก็ได้ทำให้ใบหน้าเหี่ยวๆของเธอถูกแต้มไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจก่อนที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“เด็กสาวตระกูลมู่คนนั้นก็ดีมากและเหมาะสมกับซิ่วน้อยของเราแน่นอน หยิงน้อย หลานต้องช่วยน้องชายด้วยนะ ให้พูดตรงๆย่าเองก็ชอบเด็กสาวคนนั้นมากๆ”

ถังหยิงเองก็ได้หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า

“จริงๆแล้วไม่ต้องใช้ความช่วยเหลือของหนูก็ได้คะคุณย่าเพราะฝ่ายนู้นเองก็เริ่มมีใจให้เขาแล้ว น้องชายของหนูนั้นสุดยอดเป็นอย่างมากถึงขั้นทำให้เธอยกย่องเขาอย่างถึงที่สุด ”

“นี่มันดีมาก ดีจริงๆ !”

รอยยิ้มได้เบ่งบานอยู่บนใบหน้าของชินฉางเย่ทันที

บางครั้งความกระตือรือร้นนั้นก็เป็นภาระ

ถังซิ่วรู้สึกได้ถึงความกระตือรือร้นของคนตระกูลถัง รู้สึกถึงความอบอุ่นที่พวกเขาได้แสดงออกมา

เขาตะหนักได้ทันทีว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของถังเกาเชิงนั้นมันถูกต้องขนาดไหน

“ถังซิ่ว เธอจะไม่นับญาติเราตอนนี้ก็ไม่เป็นไรฉันรู้ว่าเธอต่อต้านญาติพี่น้องเหล่านี้แต่ฉันเชื่อว่าต่อให้เธอมีหัวใจที่แข็งดั่งหินผาพวกเราทุกคนก็สามารถละลายมันได้ด้วยการกระทำของเราในอนาคต ลูกหลานตระกูลถังยังไงก็คือลูกหลานของตระกูลถัง สายสัมพันธ์ของเรานั้นเป็นอะไรที่ไม่สามารถตัดทิ้งไปได้”

คำพูดเหล่านี้

ก่อนหน้านี้เขาไม่คิดที่จะสนใจเลยด้วยซ้ำแต่ตอนนี้เขารู้สึกได้ถึงความรู้สึกมากมายในจิตใจ

ความรู้สึกที่ไม่สามารถตัดได้ มันเป็นความวุ่นวาย

ในขณะที่กำลังรอ คนตระกูลถังเองก็ได้สนทนากันอย่างดุเดือดและหัวข้อหลักก็คือถังซิ่วและซูหลิงหยุน คำพูดชื่นชมจากพวกเขาและการกระทำของพวกเขานั้นทำให้ถังซิ่วแอบยอมรับอยู่ภายในใจ

ในท้ายที่สุดเมื่อคนทั้งหมดกลับมาถังเกาเชิงก็ได้วางหญ้ามังกรรมควันไว้บนโต๊ะพร้อมกับพูดว่า

“ตรงนี้มีอยู่36ต้น มันจะพอหรือเปล่า ? ”

ถังซิ่วเองก็ได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“สามารถหาได้มากขนาดนี้ก็เกินกว่าที่ผมคิดไว้แล้ว มันน่าจะพอ ! อย่างไรก็ตามขณะที่ผมรักษานั้นห้ามได้รับการรบกวนโดยเด็ดขาดต่อให้ท้องฟ้าถล่มลงมาก็ห้ามเข้ามารบกวน”

ถังเกาเชิงเองก็ได้พูดออกมาอย่างจริงจังว่า

“ฉันจะส่งคนมาเฝ้าที่สวนทันทีหากใครกล้ามารบกวนก็จะฆ่าตรงนั้นเลย”

ถังซิ่วเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับเอาสมุนไพรเหล่านั้นไปที่ห้องโถง เขามองไปแล้วก็พบว่านอกจากเตียงนั้นแล้วก็ไม่พบอย่างอื่นอีกเลย บนเตียงนั้นได้มีร่างของถังหยุนดี่พร้อมกับแม่ของเขาที่นั่งอยู่ข้างๆพร้อมพึมพำอะไรบางอย่างด้วยเสียงกระซิบ

“คุณแม่ก็จำเป็นต้องออกไป ”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาด้วยเสียงต่ำ

ซูหลิงหยุนเองก็ได้ยืนขึ้นพร้อมกับพูดว่า

“ซิ่วน้อย ลูกต้องทำอย่างตั้งใจนะถึงยังไงเขาก็คือพ่อของลูกยังไงเลือดมันก็ข้นกว่าน้ำนะ ”

“วางใจเถอะ !”

ถังซิ่วได้พยักหน้าของเขา

ซูหลิงหยุนเองก็ได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะมองไปที่ถังเกาเชิงที่ยืนอยู่หน้าประตูกับคนอื่นๆแล้วพูดออกมาด้วยความหวังว่า

“ซิ่วน้อย ก่อนจะรักษาพ่อของลูกนั้นลูกทำอะไรเพื่อแม่หน่อยได้ไหม ? ”

“เรื่องอะไรงั้นหรอครับ ?”

ถังซิ่วได้ถามออกมาด้วยความสับสน

ซูหลิงหยุนเองก็ได้พูดออกมาอย่างจริงจังว่า

“แม่อยากจะได้ยินลูกเรียกเขาว่าพ่อ ”

“………..”

ถังซิ่วเองก็เงียบทันที คำพูดนั้นมันทำให้เขารู้สึกแปลกๆ

ซูหลิงหยุนเองก็ได้พูดออกมาอย่างขมขื่นว่า

“ซิ่วน้อย แม่รู้ว่าลูกไม่ต้องการแต่ทำเพื่อแม่นะ แม่ขอให้ลูกเรียกเขาสักครั้งหนึ่ง ! การที่เขาหายตัวไปอย่างฉับพลันในอดีตนั้นเป็นเพราะเขาได้รับบาดเจ็บและหมดสติไป แม่เชื่อว่าเขาจะต้องไม่ทิ้งเราอย่างแน่นอน พ่อของลูกไม่ได้ผิดแม้แต่น้อยแต่เป็นแม่เองที่ไม่มีความกล้าพอที่จะพาลูกมาที่นี่ไม่เช่นนั้นลูกก็คงได้เห็นหน้าเขาทุกวันตั้งแต่ยังเด็ก”

ถังซิ่วเองก็ได้หันหน้ากลับไปมองที่ถังหยุนดี่ที่อยู่บนเตียงทันที เขารู้ว่าสิ่งที่แม่พูดนั้นถูกต้องเพราะหากว่าเขาไม่กลายเป็นเจ้าชายนิทราไปก็ไม่มีทางทิ้งแม่ไปแน่นอน

เขาถูก !

แต่คำพูดนี้มันเป็นสิ่งที่ยากจะพูดออกมา

“ซิ่วน้อย !”

ท่าทางคาดหวังของซูหลิงหยุนเองก็ได้เพิ่มขึ้น

ถังซิ่วได้ถอนหายใจออกมาก่อนที่จะมองไปที่ถังหยุนดี่ที่นอนอยู่บนเตียงแล้วพูดว่า

“พ่อ………”

ในพริบตานั้นใบหน้าของซูหลิงหยุนก็ถูกประดับไปด้วยรอยยิ้มที่เจิดจ้าพร้อมกับตื่นเต้น เธอร้องไห้ออกมาก่อนที่จะจับไปที่มือของถังหยุนดี่แล้วพูดว่า

“หยุนดี่ ได้ยินไหม ? ลูกชายของเราเรียกพ่อของเขาแล้ว! เพื่อลูกและเพื่อฉันคุณจะต้องเข้มแข็งและตื่นขึ้นมานะ ”

ที่หน้าประตู

ถังเกาเชิงและผู้คนตระกูลถังคนอื่นๆเองก็ได้ยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ ในเมื่อถังซิ่วสามารถพูดคำนั้นออกมาได้ก็แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้ตัดสายสัมพันธ์ของตระกูล

ถังซิ่วเองก็ได้เอามือไปแตะที่ไหล่ของซูหลิงหยุนก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“คุณแม่ ผมจำเป็นต้องรักษาเขา หากว่าผมทำให้เขาฟื้นมาได้แล้วแม่ค่อยบอกเขาตอนนั้น !”

“ดี ดี ดี ”

ซูหลิงหยุนเองก็ได้ปล่อยมือของถังหยุนดี่ก่อนที่จะเดินไปที่หน้าประตูทันที

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ให้ชูยี่เข้ามาหน่อย ผมมีเรื่องต้องให้เขาช่วย”

ชูยี่เองก็ได้ออกไปจากกลุ่มคนเหล่านั้นพร้อมกับถูมือของเขาแล้วพูดว่า

“ญาติผู้น้องต้องการให้ฉันช่วยอะไรงั้นหรอ ?”

ญาติผู้น้อง ?

เมื่อได้ยินเขาเรียกเช่นนั้นอีกถังซิ่วเองก็ไม่ได้ขัดเขาพร้อมกับพูดออกมาอย่างสงบว่า

“หลังจากที่เริ่มการรักษาแล้วหากว่ายังไม่จบภายใน6ชั่วโมงก็ให้เข้ามาจุดหญ้ามังกรรมควันนี้ จำไว้ว่าหลังจากที่เริ่มจุดต้นแรกแล้วก็ให้เข้ามาจุดใหม่ทุกๆครึ่งชั่วโมงแล้วกลับออกไป”

ชูยี่เองก็ได้พูดออกมาว่า

“ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้? ”

ถังซิ่วเองก็ได้ส่ายศีรษะแล้วพูดว่า

“มันเป็นอันตรายต่อนาย ก็ได้ยินแล้วหนิว่าจะทำให้นายหมดสติ”

“มันขนาดนั้นเลย ? ”

แม้ว่าชูยี่จะได้ยินคำพูดของถังหยิงก็ตามแต่ไม่คิดว่ามันจะขนาดนั้น เขาอาจจะสงสัยในคำพูดของถังหยิงแต่เขาไม่เคยสงสัยในคำพูดของถังซิ่วแม้แต่น้อย

“นายวางใจได้ ! ฉันจะทำตามที่นายบอกทุกอย่าง”

ถังซิ่วเองก็ได้พยักหน้าก่อนที่จะให้ผู้คนทั้งหมดออกไปแล้วปิดประตูไว้ เขาถอดรองเท้าแล้วขึ้นไปบนเตียงก่อนที่จะพยุงร่างของถังหยุนดี่ให้อยู่ในท่านั่งแล้วนั่งขัดสมาธิตรงกันข้ามกับเขา

(หาข้าวทานกันด้วยนะครับ :P )