…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ถังหยุนเป็งเองก็ได้มองไปที่พ่อของเขาที่ท่าทางเปลี่ยนไปด้วยสายตาที่สงสัย ถังเซี่ยและถังดงเองก็ได้รู้สึกสับสนและไม่เข้าใจว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

“ยังไม่รีบไปอีกเรอะ !”

ถังเกาเชิงที่กำลังทำหน้าตาเคร่งขรึมอยู่นั้นได้เห็นว่าลูกๆของเขายังคงอยู่ในห้องจึงได้ตะโกนออกมาทันที

ถังหยุนเป็งเองก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว เขาได้เห็นสิ่งที่กำลังเกิดอยู่ข้างนอกพร้อมกับโบกมือเรียกผู้คุ้มกันที่ยืนอยู่แล้วถามออกมาว่า

“ก่อนหน้านี้ได้มีเด็กหนุ่มออกมาจากที่นี่ใช่ไหม ? เขาเดินไปที่ไหนกัน ? ”

เหล่าผู้คุ้มกันเองก็ได้พากันชี้ไปทางบันได

“ตรงนั่น !”

ถังหยุนเป็งเองก็ได้พยักหน้าก่อนที่จะรีบเดินไปทางนั้นทันที เมื่อเขาได้มาถึงที่บันใดแล้วก็พบว่าถังซิ่วกำลังยืนพิงกำแพงด้วยท่าทางเหม่อลอยขณะที่สูบบุหรี่

“หมอเทวดาถัง ฉันต้องการรู้เหตุผล”

ถังซิ่วเองก็ได้มองไปที่ถังหยุนเป็งก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“นายไม่มีคุณสมบัติพอและแม้แต่พ่อของนายก็ยังไม่พอ หากว่าฉันจำไม่ผิดก่อนหน้านี้ถังหยุนดี่ได้ถูกไล่ออกจากตระกูลและได้มาที่เมืองสตาร์ซิตี้นี้คนเดียวใช่ไหม ? ”

ถังหยุนเป็งเองก็ได้ขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนที่จะถามออกมาว่า

“ทำไมนายถึงได้รู้ถึงสถานการณ์ของน้องชายฉันดีนัก ?”

ถังซิ่วเองก็ได้ส่ายศีรษะของเขาก้องที่จะพูดว่า

“ฉันเองก็ไม่ได้รู้อะไรมากนักแต่แค่นี้ก็เพียงพอที่ฉันจะต่อต้านตระกูลถังของนายดังนั้นอย่าได้กระตุ้นฉันต่อให้ตระกูลนายใหญ่แค่ไหนแต่ฉันเองก็ยังมีวิธีที่จะทำลายมัน”

คิ้วของถังหยุนเป็งเองก็ได้ขมวดเข้าหากันมากกว่าเดิมพร้อมถามออกมาว่า

“เห็นได้ชัดว่านายมีความเป็นปฏิปักษ์ต่อเรามากๆ อย่าบอกนะว่านายมีความแค้นอะไรกับตระกูลถังของเรา ? ”

ถังซิ่วเองก็ได้หยอกล้อออกมาว่า

“มีความแค้น ? ฉันเองก็อยากจะมีความแค้นเหมือนกัน ช่างมันเถอะ ! สิ่งที่ฉันควรพูดก็ได้พูดไปหมดแล้ว ฉันจะไม่รักษาอาการป่วยให้พ่อของนาย จะทำอะไรก็ทำเถอะ”

เมื่อพูดจบถังซิ่วเองก็ได้เดินลงบันไดไป

“หยุดก่อน !”

เสียงดังกังวานไม่ได้ดังมาจากปากของถังหยุนเป็งแต่เป็นถังเกาเชิงที่ถูกพยุงมา

ถังซิ่วเองก็ได้หยุดเท้าลงก่อนที่จะมองไปที่เขาอย่างเย็นชา

ถังเกาเชิงเองก็ได้เดินมาข้างหน้าถังซิ่วก่อนที่จะมองดูเขาอย่างรอบคอบก่อนที่จะพึมพำออกมาว่า

“เห้อ อย่างน้อยก็หกครั้งที่ออกค้นหา 20ปีก่อนฉันได้ส่งคนพลิกเมืองนี้ด้วยซ้ำแต่ก็ยังไม่สามารถหาตัวลูกสะใภ้ของฉันที่ชื่อหยุนน้อยได้ ฉันเองก็หวังมาตลอดว่าลูกชายของฉันจะฟื้นขึ้นเพื่อบอกชื่อและที่อยู่ของลูกสะใภ้คนนั้นซึ่งเขาได้บอกว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ ”

“อะไรนะ ? ”

ถังหยุนเป็งและถังเซี่ยนเองก็ได้โห่ร้องออกมาอย่างดัง ถังดงเองก็ได้จ้องมองอย่างตาโตด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

พวกเขารู้เรื่องนี้ดี !

ก่อนหน้านี้พวกเขาเองก็ได้ออกตามหาอย่างไม่หยุดหย่อนและยาวนาน !

อย่าบอกนะว่า……

พวกเขาทั้งสามคนเองก็ได้จ้องมองไปที่ถังซิ่ว

ถังซิ่วเองก็ได้นิ่งเงียบ

เขาไม่ได้รู้เรื่องทั้งหมดและหากว่าที่เขาหายตัวไปนั้นเพราะได้รับบาดเจ็บแล้วเป็นเจ้าชายนิทราไปก่อนที่จะกลับไปยังเมืองหลวง เขายังจะเกลียดพ่อของเขาอยู่ไหม ?

ท้ายที่สุดถังซิ่วเองก็ได้มองไปที่หน้าตาตื่นเต้นของถังเกาเชิงแล้วพูดออกมาว่า

“นั่นก็เป็นเรื่องของครอบครัวคุณและไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันแม้แต่น้อย ฉันสามารถช่วยรักษาอาการป่วยของคุณได้และหวังว่าคุณจะไม่โผล่หน้ามายังเมืองนี้อีก”

ถังเก่าเชิงเองก็ได้ก้าวเดินออกมาพร้อมพูดออกมาอย่างจริงจังว่า

“หากว่าเธอคือ……”

ถังซิ่วเองก็ได้โบกมือเพื่อขัดคำพูดของเขาทันทีว่า

“ไม่มีหาก มันเป็นเพราะฉันได้ยินชื่อที่เกลียดถึงได้แสดงท่าทางแบบนั้นออกไปและตอนนี้ฉันเองก็อายุ22แล้วดังนั้นก็ไม่น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับคุณ รีบๆกลับไปที่ห้องเพื่อรับการรักษาได้แล้ว”

อายุ22ปี ?

ถังเกาเชิงเองก็ได้จ้องมองพร้อมกับคิ้วของเขาที่ขมวดเข้าหากัน หากว่าเป็นไปตามที่ถังซิ่วพูดแล้วเขาไม่น่าจะเป็นหลานชายของเขาได้แน่นอนแต่ท่าทางก่อนหน้านี้ของเขามันน่าสงสัยเกินไป แม้ว่าถังซิ่วจะไม่ใช่หลานชายของเขาก็ตามแต่จะต้องมีความเกี่ยวข้องกับลูกสะใภ้ของเขาแน่ๆ

“ถังซิ่ว เธอรู้เรื่องของลูกชายคนเล็กของฉันและมันทำให้ฉันมั่นใจว่าเธอรู้อะไรแน่ๆ บอกฉันมาแล้วตระกูลถังของเราจะตอบแทนอย่างแน่นอน”

ถังซิ่วเองก็ได้เดินไปที่ห้องตรวจพร้อมกับพูดออกมาว่า

“ฉันไม่สนใจเรื่องของตระกูลถังหรอก คุณไม่ควรจะมาคิดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้แต่สิ่งที่ควรสนใจคืออาการป่วยจากโรคหอบหืดมากว่า หากว่าจะให้ฉันรักษาก็หยุดพูดไร้สาระแต่หากว่าไม่อยากให้ฉันรักษาให้ก็รีบกลับไปยังเมืองหลวงทีเถอะ ”

ท่าทางของถังเกาเชิงเองก็ได้ซับซ้อนทันที เขารู้ว่าถังซิ่วรู้เรื่องของลูกชายและลูกสะใภ้ของเขาแน่นอนแต่อย่างไรก็ตามท่าทางเป็นปฏิปักษ์ของถังซิ่วนั้นทำให้เขาไม่รู้ลงมืออย่างบุ่มบ่าม

ถังดงและถังเซี่ยเองก็ได้มองไปที่ถังซิ่วด้วยความประหลาดใจส่วนถังหยุนเป็งนั้นก็ได้ขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนที่จะพูดออกมาด้วยเสียงโทนต่ำว่า

“ถังซิ่ว ระวังคำพูดของนายด้วย ”

ถังซิ่วเองก็ได้แสยะออกมาอย่างเย็นชาก่อนที่จะตอบกลับไปว่า

“คิดว่าฉันไม่สุภาพ ? หากว่าไม่ดีพอก็ไปลงนรกแล้วไสหัวออกไปซะ !”

ถังหยุนเป็งเองก็ได้รู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก สถานะของเขานั้นอยู่สูงและไม่มีใครกล้าพูดกับเขาด้วยท่าทางแบบนี้ยิ่งไปกว่านั้นคือสถานะของพ่อเขาเองก็สูงกว่าเขามาก พ่อของเขาเป็นระดับผู้นำของประเทศแต่กลับถูกเด็กอายุราว20ปีสร้างความอับอาย

ถังเกาเชิงเองก็ได้ยกมือขึ้นมาห้ามถังหยุนเป็งก่อนที่จะมองไปที่เขาด้วยความโกรธพร้อมกับหันกลับมามองที่ถังซิ่วแล้วพูดว่า

“หมอเทวดาถัง ต้องขอรบกวนคุณด้วย”

เมื่อกลับมาที่ห้องป่วย

ซูเจียนดี่เองที่ได้เห็นว่าถังซิ่วเดินกลับมาแล้วก็ได้ถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“ถังซิ่ว เธอไม่เป็นอะไรนะ ? ”

ถังซิ่วเองก็ได้บีบเค้นรอยยิ้มออกมาก่อนที่ตะส่ายศีรษะแล้วพูดว่า

“คุณลุงเจียนดี่ผมไม่เป็นไรหรอกครับ”

ซูเจียนดี่เองก็ได้รู้สึกโล่งใจ

เขาเป็นแค่คนจากชนบทและครอบครัวของเขาเองก็ทำฟามเท่านั้น แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะรู้สึกว่าถังเกาเชิงนั้นหน้าตาคุ้นๆแต่ตอนนี้พวกเขาก็ตระหนักได้แล้วว่าเคยเห็นเขาในทีวี เขาเป็นผู้มีอำนาจระดับสูง

เขาเองก็อยากจะเตือนถังซิ่วว่าอย่าได้ไปล่วงเกินคนใหญ่คนโตคนนี้แต่คำพูดเหล่านั้นเองก็ได้ติดอยู่ที่ปลายลิ้นของเขาก่อนที่จะกลืนมันกลับลงไป

ถังซิ่วเองก็ได้ชี้ไปที่เตียงผู้ป่วยก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ถอดเสื้อออกแล้วนอนคว่ำหน้าซะ”

ถังเกาเชิงเองก็ได้ทำตามคำแนะนำของถังซิ่วแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าจะรักษายังไงก็ตามแต่ขึ้นชื่อว่าเป็นหมอเทวดานั้นต้องไม่ใช่เรื่องโกหกอย่างแน่นอน

นิ้วของถังซิ่วได้กดไปที่จุดพลังของถังเกาเชิงพร้อมกับนวดมันอยู่30วินาทีก่อนที่จะเอาสำลีที่หลี่ฮงจี้นำมาแล้วถูไปเรื่อยๆและมือของเขาก็ได้กดไปที่ปอดของถังเกาเชิง

โรคหอบหืดนั้นเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดลมซึ่งเป็นการอักเสบของเซลล์หลายๆเซลล์และกลายเป็นโรคเรื้อรัง หากว่าอาการแย่ลงก็จะเป็นสาเหตุของโรคปอดบวมได้

การอักเสบของหลอดลมเรื้อรังมักมาพร้อมกับการเกิดปฏิกิริยาของหลอดลมทำให้เกิดอาการหายใจสั้นและไอหากต้องการรักษานั้นอย่างแรกต้องจัดการกับหลอดลมและอีกอย่างจะต้องบรรเทาอาการอักเสบของหัวใจ

ถังซิ่วเองนั้นยังมีวิธีรักษาที่เห็นผลได้เร็วกว่านี้แต่ติดตรงที่ว่าถังเกาเชิงนั้นอายุมากเกินไปและไม่สามารถทนรับมันได้เยอะนักดังนั้นถังซิ่วเลยตัดสินใจว่าจะใช้วิธีที่อ่อนโยนแต่ก็ยังได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างไรก็ตามไอ้สิ่งที่เขาบอกว่าอ่อนโยนนั้นได้ทำให้ทุกคนรอบข้างได้มองด้วยท่าทางหวาดผวา

ขณะที่ถังซิ่วได้คืนสำลีไปให้แก่หลี่ฮงจี้นั้นมืออีกข้างหนึ่งก็ได้ยกออกจากปอดของถังเกาเชิงพร้อมกับห่อหุ้มพลังแห่งดวงดาราไว้ที่มือของเขาแล้วเริ่มทุบหลังของถังเกาเชิงหลายต่อหลายครั้ง

ทุกๆครั้งที่ตบไปนั้น ! พลังแห่งดวงดาราได้ถูกส่งเข้าไปยังร่างกายของถังเกาเชิงพร้อมกับบังคับให้มันพุ่งผ่านอวัยวะภายไม่ว่าจะเป็นปอดหรือหลอดลมก็ได้มีพลังนั้นเข้าไปรวมตัวทันที

“ค๊อก ค๊อก ค๊อก……”

ถังเกาเชิงเองก็ได้ไอออกมาอย่างรุนแรงพร้อมกับร่างกายที่สั่นสะท้าย ดวงตาของเขานั้นมีเลือดคั่งอยู่และเลือดเองก็สูบฉีดไปทั่วร่างกายของเขาพร้อมกับเส้นเลือดที่ค่อยๆพุดออกมาตากหน้าผากของเขา

ท่าทางที่หวาดผวาจากรอบข้างนั้นคนจากตระกูลถังเองก็ได้คิดว่าถังซิ่วนั้นไม่ตั้งใจจะรักษาพ่อของเขาแต่ตั้งใจจะทำให้พ่อของเขาทนทุกข์ทรมาน ?

หลังจากผ่านไป10นาทีถังเกาเชิงเองก็หยุดไอพร้อมกับถังซิ่วที่ได้หยุดมือของเขาแล้วเดินไปล้างมือด้วยน้ำอุ่นก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ให้หมอที่โรงพยาบาลนี้ออกใบสั่งยาที่ทำให้เลือดสูบฉีดให้พร้อมกับดื่มซัก3-5วันก็น่าจะดีขึ้นแล้ว ผู้อำนวยการหลี่เขาไม่ได้เป็นอะไรแล้วก็ให้เขาออกไปได้แล้ว ! ห้องผู้ป่วยเองก็ยิ่งมีน้อยๆอยู่ด้วยมันทำให้คนอื่นล่าช้านะ!”

“นี่……”

หลี่ฮงจี้เองก็ได้เกิดอาการลังเลโดยทันที

ถังเกาเชิงเองก็ได้คลานขึ้นจากเตียงก่อนที่จะจับไปที่หน้าอกของตัวเองพร้อมกับใบหน้าเหี่ยวๆที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้น เขารู้สึกได้ทันทีว่าลมหายใจที่เคยติดขัดนั้นได้หายไปแล้ว ตอนนี้เขาหายใจได้อย่างคล่องแคล่ว

สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจที่สุดนั้นคือความรู้สึกสบายทั่วร่างกาบของเขาเหมือนดั่งว่าตัวเองได้อายุลดน้อยลงหลายปี

“เรากลับกันได้แล้ว อย่ายืนบื้อกันอยู่สิ”

ถังเกาเชิงเองก็ได้พูดออกมาอย่างมีพลังมากกว่าก่อนหน้านี้มาก

หลี่ฮงจี้ที่ไม่กล้าจะล่วงเกินถังซิ่วและถังเกาเชิงนั้นก็ได้รู้สึกโล่งใจขึ้นทันทีหลังจากที่ได้ยินคำพูดของถังเกาเชิงอย่างไรก็ตามเขาได้มองไปที่ถังซิ่วด้วยมุมมองที่แตกต่างกันกับก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง เขารู้สึกยอมรับและชื่นชมเป็นอย่างมาก

ถังเกาเชิงคือใคร ?

เขาเป็นผู้มีอำนาจของประเทศนี้ สถานะของเขาที่อยู่เหนือคนหลายพันล้านคนแต่ถังซิ่ว ! กล้าที่จะทำท่าทางแบบนั้นกับเขา นี่เป็นสิ่งที่ทำให้หลี่ฮงจี้เองรู้สึกเทิดทูนถังซิ่วเป็นอย่างมาก

ถังซิ่วที่ได้รักษาเสร็จแล้วก็ไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาลจีนนานนัก สิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ตอนนี้คือรีบกลับไปพบแม่เขาที่เมืองชิงเหอให้เร็วที่สุด ก่อนหน้านี้แม่ของเขาไม่ได้พูดเรื่องนี้และเขาเองก็ไม่อยากให้เธอรู้สึกอึดอัดแต่ตอนนี้มันต่างกันแล้ว ในเมื่อชายคนนั้นยังมีชีวิตอยู่และกลายเป็นเจ้าชายนิทราไป เขาจะต้องบอกเรื่องนี้กับแม่ของเขาส่วนเรื่องที่เธอจะเลือกยังไงนั้นก็ปล่อยให้เป็นการตัดสินใจของเธอ

ขณะที่ยังอยู่ระหว่างทางกลับไปนั้นถังซิ่วเองก็ได้โทรไปหาซูเปิ่นและซูเขวียนก่อนที่จะรู้ว่าพวกเขายังไม่ได้ออกจากเมืองชิงเหอดังนั้นจึงให้พวกเขารออยู่ที่นั่นทันที

หลังจากผ่านไปสองชั่วโมงถังซิ่วเองก็ได้กลับมาถึงหมู่บ้านของตระกูลซู เขาได้จอดรถไว้ด้านหน้าบ้านของยายเขาพร้อมกับซูเปิ่นและซูเขวียนได้เดินออกมาจากข้างใน

“ถังซิ่ว !”

ซูเขวียนเองก็ได้เปิดปากเรียกออกมาทันที

ถังซิ่วเองก็ได้โบกมือก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“พวกนายออกไปก่อน ฉันมีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกับแม่แล้วหลักจากที่เสร็จแล้วเราค่อยมาคุยกัน”

“ได้ !”

ซูเปิ่นและซูเขวียนเองก็ได้พยักหน้าตอบทันที