…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ถังซิ่วเองก็ได้มองไปที่การตอบโต้ของคังเซี่ยนด้วยความรู้สึกที่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาพบว่าเธอนั้นเต็มไปด้วยความระมัดระวังและมองมาที่เขาเหมือนเขาเองเป็นคนหื่นกาม

“ตื่นแล้วหรอ ?”

คังเซี่ยนเองก็ได้มองไปแล้วพบว่าเป็นถังซิ่วจึงได้ลดความระมัดระวังนั้นลงอย่างช้าๆแต่ความอึดอัดเองก็ได้เข้ามาแทนที่และทำให้ใบหน้าของเธอแดงไปถึงใบหู

“บอส……คุณกลับมาแล้ว !”

ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“เพิ่งได้กลับมาเมื่อกี้และกำลังจะเข้านอนแต่ไม่คิดเลยว่า………”

ความรู้สึกอึดอัดบนใบหน้าของคังเซี่ยนได้มีมากขึ้น เธอรู้ว่าถังซิ่วต้องการจะพูดอะไรบางอย่างเพราะที่นี่เป็นห้องของเขา หลังจากที่เธอได้ให้กู่หยินไปนอนแล้วนั้นก็ได้เกิดแรงกระตุ้นเลยเข้ามาที่ห้องของถังซิ่ว เธอเองก็ตั้งใจว่าจะไปที่ห้องประชุมแต่ว่าเผลอหลับไป

สิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นคือ ! เธอนั้นใส่เพียงกางเกงในเท่านั้นและเธอเองก็ไม่ได้ห่มผ้าด้วย นี่มันก็แปลว่าเธอถูกเขาเห็นหมดแล้ว ?

เมื่อเธอคิดมาได้ถึงขนาดนี้แล้วความเขินอายได้เพิ่มมากขึ้นกว่าความรู้สึกอึดอัดทันที

ถังซิ่วได้มองไปที่คังเซี่ยนก่อนที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“เอาล่ะ ในเมื่อเธอคิดว่าห้องนอนของฉันสบายงั้นวันนี้ก็นอนที่นี่ ! ฉันจะไปนอนที่ห้องรับแขกด้านล่าง”

เมื่อพูดจบเขาก็ได้หันหลังแล้วเดินจากไปทันที

คังเซี่ยนเองก็ได้จ้องมองอยู่ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“บอส ฉันจะกลับไปนอนที่ห้องรับแขกเอง คุณ……คุณมานอนที่นี่ !”

เธอได้กระโดดออกมาจากเตียงทันทีทันใดก่อนที่จะใส่รองเท้าแตะแล้ววิ่งไปที่หน้าประตู อย่างไรก็ตามหลังจากที่เธอวิ่งไปถึงแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เธอพยายามจะหยิบผ้าห่มมาบังหน้าอกของตัวเองไว้ ชั่ววินาทีที่เธอคิดได้ก็ต้องรู้สึกหมดหนทางโดยทันที

ถังซิ่วเองก็ได้ส่ายศีรษะแล้วพูดออกมาว่า

“นอนนี่แหละ !”

ถังซิ่วเองก็ได้เดินออกจากห้องของเขาไปก่อนที่จะไปหาห้องรับแขกนอน เสื้อผ้าของเขานั้นมีรอยเลือดเปรอะเปื้อนอยู่ถึงแม้ว่าจะไม่มากแต่ก็ใส่ไม่ได้แล้ว เขาได้เข้าไปอาบน้ำพร้อมกับนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่ได้หยิบกางเกงในและเสื้อผ้าลงมาเลย เขาได้เดินแก้ผ้าไปนั่งที่เตียงของเขาพร้อมกับเอาผ้าห่มปิดเอาไว้แล้วโทรไปหาคังเซี่ยน

“บอส ? ”

คังเซี่ยนที่ได้ใส่ชุดนอนขณะที่เธอกำลังนั่งเหม่อลอยก็ได้ยินเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์แล้วพบว่ามันเป็นถังซิ่ว มันทำให้เธอหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆแต่เธอก็ยังกดปุ่มตอบรับอยู่ดี

ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า

“เอ่อ……..ฉันลืมเอากางเกงในและเสื้อผ้ามาหนะ เธอเอามาให้ฉันหน่อยได้ไหม ?ฉันอยู่ที่ห้องรับแขกของชั้นแรก”

“ได้ค่ะ !”

คังเซี่ยนเองก็ได้ตอบตกลงทันที

หลังจากที่ผ่านไปสองนาทีคังเซี่ยนก็ได้เคาะประตูห้องและได้ยินเสียงตอบรับของถังซิ่วเธอจึงได้เปิดประตูออก เธอผมว่าถังซิ่วที่กำลังนั่งอยู่นั้นไม่ได้มีอะไรปกปิดท่อนบนไว้เลยซึ้งทำให้เธอหน้าแดงขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะพูดว่า

“บอส เสื้อผ้าของคุณ”

เขาได้ชี้ไปที่ข้างๆเธอแล้วพูดว่า

“วางไว้ตรงนั้นแหละ !”

คังเซี่ยนเองก็ได้วางมันไว้แถวๆนั้นอย่างรวดเร็ว ในสมองของเธอก็ได้มีความคิดแปลกๆเกิดขึ้น : เขาเพิ่งจะอาบน้ำแน่นอนและเสื้อผ้าเองก็ยังไม่ได้เปลี่ยนหรือซัก ไม่มีแม้กระทั่งกางเกงในถ้างั้น……เขาก็กำลังแก้ผ้าอยู่ ?

ภาพถังซิ่วตอนแก้ผ้าได้ปรากฏขึ้นในจิตใจของเธอคันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าแก้มของเธอร้อนผ่าวและลามไปทั่วใบหน้าของเธอ

ถังซิ่วได้มองไปที่คังเซี่ยนที่กำลังเหม่อลอยอยู่นั้นจึงได้ถอนหายใจออกมา ณ ตอนนี้เธอช่างน่าดึงดูดยิ่งนัก เสื้อผ้าเหล่านั้นไม่สามารถปกปิดรูปร่างที่สง่างามและสมบูรณ์แบบของเธอได้ เขาสามารถมองเห็นได้แม้กระทั่งสีของกางเกงในของเธอท่ามกลางแสงยามค่ำคืน

เขาไม่ใส่ตอไม้ที่จะไม่มีความรู้สึกอะไรเลยอย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถรับผิดชอบเธอได้เพราะฉะนั้นเขาต้องระงับอารมณ์ของตัวเองเอาไว้

“มีเรื่องอะไรงั้นหรอ ? ”

ถังซิ่วได้รออยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถามออกมา

“อ๊า ?”

คังเซี่ยนเองก็ได้สติกลับมาพร้อมกับใบหน้าที่เอียงอาย เธอได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดออกมาว่า

“ไม่มีอะไรหรอก ไม่มีอะไร ”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ถ้าไม่มีอะไรก็กลับไปนอนได้แล้ว! มันจะเช้าแล้วหากว่าเธอไม่พักผ่อนให้เพียงพอก็จะไม่มีแรงทำงานในวันพรุ่งนี้นะ !”

ทำงาน ?

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของถังซิ่วเองก็ได้มีความรู้สึกเหมือนโดนน้ำเย็นราดใส่หัวใจของเธอ เธอได้มีความคิดไม่ดีขึ้นมาทันทีเพราะเธอพบว่าตัวเองไม่สามารถดึงดูดถังซิ่วได้แม้แต่น้อย หากว่าเปลี่ยนเป็นผู้ชายคนอื่นที่เห็นเธอสวมชุดนอนก็จะต้องอดที่จะโยนเธอลงไปบนเตียงไม่ได้อย่างแน่นอนแต่ถังซิ่ว……..

เขาทำเป็นมองไม่เห็น!

เมื่อคิดถึงตรงนี้แล้วความโกรธในหัวใจของเธอก็เพิ่มขึ้น เธอได้มองไปที่ถังซิ่วทันทีพร้อมกับถามออกมาว่า

“อย่าบอกนะว่าฉันมีค่าแค่ทำงานและหาเงินให้คุณ ? คุณไม่มีความรู้สึกอะไรเลย ?”

ถังซิ่วเองก็จ้องมองเพราะเขาเองก็เป็นคนที่คิดเรื่องแบบนี้ไม่เก่งดังนั้นจึงเป็นเหตุให้ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงถามออกมาแบบนี้ เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“เธอนั้นดึงดูดฉันเป็นอย่างมากแต่ฉันไม่ต้องการมีความสัมพันธ์ใดๆดังนั้นฉันจึงไม่สามารถรับผิดชอบผู้หญิงคนไหนได้ สรุปแล้วสำหรับฉันเธอเป็นได้แค่พนักงานเท่านั้น ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอ !”

“คุณพูดว่าอะไรนะ !!! ?”

คังเซี่ยนเองก็ได้จ้องไปที่เขาด้วยดวงตากลมโตอย่างไม่ลดละ

เขา……

เขาคิดว่าฉันเป็นแค่พนักงาน ? เป็นเครื่องมือทำเงิน ?

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาอย่างจริงจังว่า

“ฉันไม่สามารถรับผิดชอบผู้หญิงคนไหนได้ มันไม่ใช่ว่าฉันเป็นคนที่มีความชอบธรรมหรืออะไรแต่มันเป็นเพราะฉันไม่ต้องการความสัมพันธ์ แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบแต่ก็เป็นได้แค่ผู้ใต้บังคับบัญชาของฉันเท่านั้น”

เมื่อได้ยินคำอธิบายของถังซิ่วแล้วความโกรธของเธอก็ค่อยๆลดลงเรื่อยๆ ความรู้สึกสองอย่างได้เกิดขึ้นพร้อมกันซึ่งมันทำให้เธอหัวร้อนเป็นอย่างมาก ภายใต้การจ้องมองของถังซิ่วนั้นเธอได้ขบฟันตัวเองก่อนที่จะปลดชุดนอนออกแล้วเดินมาตรงหน้าถังซิ่วก่อนที่จะถามออกมาอย่างชัดเจนว่า

“หากว่าฉันไม่ต้องการให้คุณรับผิดชอบล่ะ ? ”

“เธอ……..”

ถังซิ่วเองก็รู้สึกหมดหนทางเป็นอย่างมาก

คังเซี่ยนได้มองไปที่ถังซิ่วอย่างไม่ลดละก่อนที่จะก้าวขาไปที่เตียงแล้วดึงผ้าห่มของถังซิ่วออก เมื่อเธอเห็นรูปร่างเปลือยเปล่าของถังซิ่วนั้นความรู้สึกของเธอก็ชะงักทันทีแต่ก็ยังข่มมันเอาไว้

ตัวของถังซิ่วเองก็แข็งทื่อ เธอรู้สึกได้ว่าคังเซี่ยนกำลังดูดหน้าอกของเขาซึ่งความรู้สึกที่เร่าร้อนนี้ได้แผ่ออกมาจากท่อนล่างของเขาทันที เมื่อต้องเจอกันการยั่วยวนขนาดนี้ขาเองก็ได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะยืนขึ้นแล้วกดเธอลงไปใต้ตัวของเขา

“อ๊า……เจ็บ”

ขณะที่เสียงครางได้ถูกส่งออกมานั้นห้องนอนก็ถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศที่มีเสน่ห์และอ่อนโยนโดยทันที

หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง

ถังซิ่วได้นอนกอดคังเซี่ยนที่มีกลิ่นหอมโชยออกมาอ่อนๆ เธอกำลังนอนหมดสภาพอยู่บนเตียงพร้อมกับความรู้สึกที่ฝืนใจแต่อย่างไรก็ตามในเมื่อเธอได้ทำมันไปแล้วเธอก็จะไม่เสียใจกับสิ่งที่ทำไป ความรับผิดชอบนั้นก็ยังสามารถให้เธอได้ในรูปแบบอื่นเช่นเงินตราหรือทรัพยากรบ่มเพาะ……..

“ครั้งแรก…… ?”

ถังซิ่วได้ถามออกมาทันที

“อื่ม”

คังเซี่ยนที่กำลังนอนอยู่นั้นได้พยักหน้าอย่างเงียบๆ

ถังซิ่วเองก็ได้ถามออกมาว่า

“ไม่เสียใจที่ทำไป ?”

หัวใจของเธอก็ได้รู้สึกแปลกๆ ความรู้สึกที่ซับซ้อนได้เอ่อล้นออกมา เธอไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนี้อย่างไรดี

เสียใจ ?

หากว่าจะให้พูดตรงๆ ก็นิดหน่อยนะ !

แต่ในเมื่อมันมาถึงขั้นนี้แล้วเธอก็ทำได้แค่ยอมรับมันเท่านั้น เธอถึงขั้นที่ปลอบใจตัวเองโดยคิดว่ามันเป็นแค่การมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัดเท่านั้น เช้าวันรุ่งขึ้นก็ทำเหมือนว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น

ถังซิ่วเองก็ไม่ได้ถามต่อเพราะเขาไม่เข้าใจความคิดของผู้หญิงแม้แต่น้อยจึงไม่ได้จริงจังกับสิ่งที่ถามไปมากนัก ในเมื่ออะไรจะเกิดก็ต้องเกิดการที่ถามว่าเสียใจไหมนั้นมันไม่ค่อยจำเป็นอยู่แล้ว

ถังซิ่วเองก็ได้กอดเธอโดยที่ไม่สนว่าเธอจะต้องการไหม เขาได้เข้าไปอาบน้ำด้วยกันกับเธอพร้อมกับพาเธอกลับมานอนอีกครั้ง หลังจากที่เขาได้ห่มผ้าให้เธอแล้วถังซิ่วก็ได้ใส่เสื้อผ้าแล้วเดินออกจากห้องไป

ในห้อง

เงียบเหมือนป่าช้า!

คังเซี่ยนสามารถได้ยินเสียงเต้นของหัวใจตัวเอง เธอรู้สึกสบายจากความรู้สึกที่หลงเหลืออยู่ ครั้งแรกของผู้หญิงนั้นมันทำให้เธอเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้นออกมาจากจิตใจ เธอรู้สึกร้อนผ่าวที่แก้มทั้งสองของเธอ

“เขาคงจะไม่ทิ้งฉันไปด้วยไม่รับผิดชอบแม้แต่น้อยหรอกใช่ไหม ? ”

ความคิดได้ผุดขึ้นมาในสมองของเธอก่อนที่จะนอนหลับไป

ถังซิ่วเองก็ได้กลับไปที่ห้องของเขาพร้อมกับพักผ่อนทันที หลังจากที่ฆ่าคนมาขนาดนั้นแล้วเพิ่งได้กลับมานอน เขาทนไม่ไหวจริงๆ

ในช่วงบ่าย

ถังซิ่วได้ตื่นขึ้นมาด้วยเสียงเรียกข้าวของเขา เมื่อเขาหยิบมันขึ้นมาแล้วพบว่าเป็นแม่ของเขานั้นก็ได้กดปุ่มตอบรับทันทีพร้อมพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“คุณแม่ เมื่อวานนี้ผมมีเรื่องเร่งด่วนจึงต้องรีบมาที่เมืองสตาร์ซิตี้แต่ผมเห็นว่ามันเป็นกลางดึกแล้วจึงไม่ได้บอกแม่ !”

ซูหลิงหยุนเองก็ได้พูดออกมาว่า

“เอาล่ะทำไมตอนบ่ายแล้วลูกยังไม่ลุกออกจากเตียงไม่เช่นนั้นหากแม่ไม่ไปที่ห้องก็คงไม่รู้หรอกว่าลูกไม่อยู่ รถเองก็ไม่ได้จอดอยู่ด้วย ซิ่วน้อยแล้วลูกจะกลับมาที่นี่หรือเปล่า ?”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกไปว่า

“คุณแม่ ผมจะไม่กลับไปก่อน รอให้ผมได้คุยกับซูเขวียนและซูเปิ่นก่อนเพราะผมจะให้พวกเขามาทำงานกับผมที่เมืองนี้ยิ่งไปกว่านั้นผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะกลับมาที่นี่ตอนไหนแต่แม่วางใจได้เลยว่าผมจะกลับมาก่อนเปิดเรียนอย่างแน่นอน ”

ซูหลิงหยุนเองก็ได้ถามออกมาด้วยความประหลาดใจว่า

“ลูกจะไปที่ไหน ? ท่องเที่ยว ? ทำงาน ? ”

ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“อาจจะมองว่าไปทำงานด้วยก็ได้แต่ก็จะออกไปท่องเที่ยวด้วย อ่อใช่ ผมจะเอาหยินหยินไปด้วยดังนั้นแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องของเธอ”

ซูหลิงหยุนเองก็ได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า

“โอเค ลูกมีเรื่องอะไรก็โทรมาหาแม่แล้วกันเพราะแม่จะอยู่ดูแลยายลูกอีกสักพัก อ่อใช่ ซูเชียงเฟยได้กลับมาแล้ว”

ท่าทางของถังซิ่วได้กลายเป็นเย็นชาทันที หลังจากที่ครอบครัวของเขาเกิดเรื่องขึ้นก็ไม่ได้ไปโรงเรียนอีกเลยไม่เข้าร่วมการสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ ถังซิ่วเข้าใจเข้าใจเรื่องของกระกูลซูดีและรู้ว่าสองพี่น้องนั้นได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

เขากลับไปที่บ้านเกิดทำไมกัน ?

“แม่ เขาเด็กนั้นมันสร้างความอับอายให้แม่หรือเปล่า ? ”

ซูหลิงหยุนเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ไม่ เขาเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาไม่ได้โทษลูกเรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเขาเลยแม้แต่น้อย ซิ่วน้อยลูกวางใจได้ ! แม้ว่าเชียงเฟยจะถูกทำให้เสียคนโดยพ่อแม่ของเขาแต่แก่นแท้ของเขายังเป็นคนดี ตราบใดที่เขาคิดถึงสิ่งที่ทำได้ก็จะเป็นคนที่ซื่อสัตย์ แม่ไม่สามารถทิ้งเขาไว้ได้เพราะยังไงเขาก็เป็นหลานแท้ๆของแม่หนิ ”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า

“คุณแม่ผมรู้ว่าเขาเป็นหลานแท้ๆของแม่แต่ในโลกนี้คนที่ไม่เคยทำร้ายแม่ก็มีแค่ผม ! แม่จะต้องระวังตัวเสมอ เอางี้แล้วกัน ! ผมจะหาผู้คุ้มกันมาให้แม่สองคนเพื่อปกป้องความปลอดภัยของแม่ แม่ห้ามโต้แย้งเด็ดขาดเพราะในอนาคตผมจำเป็นต้องทำธุรกิจใหญ่และต้องล่วงเกินคนมีอำนาจบ้าง ธุรกิจมันก็เหมือนสนามรบแต่แม่คือจุดอ่อนของผม หากว่าสามารถปกป้องแม่ได้ผมก็สามารถทำงานได้อย่างราบรื่น”