…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ถังซิ่วที่กำลังยืนดูเธอให้คำสาบานอยู่นั้นก็ได้พูดออกมาว่า

“ยืนขึ้น !”

คุวาโกะเองก็ได้ยืนแล้วพูดออกมาว่า

“นายท่าน คุณสามารถทำให้ฉันแข็งแกร่งได้จริงๆงั้นหรอ ? ”

ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“หากว่าหลังจากนี้เธอทำให้ฉันพึงพอใจฉันก็จะทำให้เธอแข็งแกร่งถึงขั้นที่เธอไม่สามารถคิดฝันได้ด้วยซ้ำ อย่าได้สงสัยในพลังของฉันอย่าตั้งคำถามกับคำพูดของฉัน จะทำได้ไหมนั้นเธอก็รอดูเองแล้วกัน ”

คุวาโกะเองก็ได้พูดออกมาขณะที่พยักหน้าว่า

“นายท่าน คุณ……”

ถังซิ่วได้ขัดจังหวะคำพูดของเธอก่อนที่จะพูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า

“หลังจากนี้อย่าเรียกฉันว่านายท่านให้เรียกฉันว่าบอส ”

“รับทราบ !”

คุวาโกะเองก็ได้ตอบตกลงทันที

ถังซิ่วเองก็ได้พูดต่อว่า

“เอาล่ะ เธอพูดต่อได้”

กุวาโก๊ะเองก็ได้ถามออกมาว่า

“บอส คุณสามารถใช้พลังแบบเดียวกับที่ของคุณฉันกับพวกเขาที่เหลือไหม ? ฉันแน่ใจว่าพวกเขาคงได้ยินเรื่องที่เราพูดคุยกันแน่นอน ฉันกลัวว่า…….”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ฆ่าพวกมันซะสิ ”

คุวาโกะเองก็ได้พูดออกมาขณะที่เธอส่ายศีรษะว่า

“พวกเขาเป็นคนที่สำนักปั้นมาโดยทรัพยากรมากมายหากว่าเราฆ่าพวกเขาไปก็น่าเสียดายมากๆ หากว่าสามารถควบคุมพวกเขาได้ก็จะมีลูกน้องที่เชื่อใจได้เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย”

ถังซิ่วเองก็ได้ส่ายศีรษะของเขาก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“พวกเขาในสายตาเธอนั้นอาจจะเป็นผู้เชี่ยวชาญแต่สำหรับฉันแล้วเป็นแค่ขยะเท่านั้น มันไม่คุ้มค่าที่จะเสียแรงไปควบคุมพวกเขา ฉันจะถ่ายทอดวิชาควบคุมวิญญาณให้แก่เธอแล้วเธอก็ไปจัดการกับพวกเขาเองแล้วกัน”

คุวาโกะเองก็ได้ถามออกมาอย่างรอดเร็วว่า

“ฉันเรียนมันได้งั้นหรอ ? ”

ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“ตอนนี้เธอยังเรียนมันไม่ได้แต่เธอเองก็มีพลังฉีอยู่ภายในและหากว่าเธอสามารถเปลี่ยนมันเป็นพลังหยวนได้เมื่อไหร่ก็สามารถใช้งานเทคนิคนี้ได้ ฉันจะเทคนิคบ่มเพาะพลังให้เธอเลยแล้วกัน”

เมื่อพูดจบถังซิ่วเองก็ได้สอนเทคนิคบ่มเพาะธรรมดาๆของดินแดนแห่งนิรันด์ให้แก่เธอ หลังจากผ่านไปสองชั่วโมงนั้นเธอก็สามารถเข้าใจมันได้ทั้งหมดและมันก็เริ่มเปลี่ยนแปลงพลังฉีในตัวเธอเป็นพลังหยวนทันที แม้ว่ามันจะเปลี่ยนแปลงไปได้1%เท่านั้นแต่เธอเองก็รู้สึกได้ทันทีว่าเธอแข็งแกร่งขึ้น

“สมรรถนะของเธอนั้นดีมาก อายุก็ใช้ได้หากว่าเธอเริ่มบ่มเพาะตั้งแต่ตอนนี้อนาคตของเธอนั้นแถบจะพัฒนาได้อย่างไม่มีข้อจำกัดเลยด้วยซ้ำ”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาอย่างราบเรียบ

คุวาโกะเองก็ได้รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากแม้ว่าเธอจะเพิ่งเป็นลูกน้องของเขาและรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนั้นแต่จากผลประโยชน์ที่เธอเพิ่งได้รับนั้นก็ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น

“ขอบคุณมากค่ะบอส !”

ถังซิ่วเองก็ได้โบกมือของเขาพร้อมกับสอนเทคนิคควบคุมวิญญาณให้แก่เธอก่อนที่จะพูดว่า

“เธอมาที่ประเทศนี้เพื่อก่อสงครามทำไม ? เธอมีเป้าหมายอะไรกัน ? เพื่อแย่งเทคโนโลยีไปจากหยวนเจิ้งซวน ? ”

คุวาโกะเองก็ได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดว่า

“หยวนเจิ้งซวนได้วิจัยเกี่ยวกับอาวุธเคมีและแบคทีเรียมาเมื่อไม่นานนี้ซึ่งมันมีผลลัพธ์ที่น่าทึ่งมาก ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้นักวิจัยของเขาได้แอบขายข้อมูลไปให้กับพ่อค้าอาวุธของทางสหรัฐซึ่งหลังจากนั้นเองหลายๆขุมอำนาจก็ได้รู้ถึงเรื่องนี้ พวกเราจึงได้มาที่ประเทศนี้เพื่อเอางานวิจัยสำคัญของเขา”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า

“เอาล่ะฉันเข้าใจแล้ว เธอเองก็ไปจัดการกับลูกน้องของเธอแล้วออกจากประเทศนี้ไปซะ ! ส่วนเรื่องขโมยข้อมูลเกี่ยวกับอาวุธชีวภาพพวกนี้นั้นก็ห้ามเข้าร่วมอีกแล้ว หลังจากที่กลับไปแล้วหากว่ามีปัญหาตรงไหนก็ติดต่อฉันมาได้เลย หากว่าฉันสามารถช่วยได้ก็จะส่งคนไปทันที”

“รับทราบค่ะ !”

คุวาโกะเองก็ได้พยักหน้าของเธอ

หลังจากที่ถังซิ่วได้ส่งสัญญาณออกไปนั้นคนอื่นๆอีกห้าคนก็ได้ถูกคุวาโกะนำตัวไป ถังซิ่วที่ยืนอยู่เองก็ได้เห็นว่าหยวนเจิ้งซวนนั้นได้รีบตามมาสมทบอย่างรวดเร็ว

“ถังซิ่ว ฉันเข้าใจถึงสถานการณ์ทั้งหมดแล้วต้องขอขอบคุณเธอจริงๆ หากว่าไม่ใช่เพราะเธอแล้วฉัน หลิงน้อยและลูกน้องของฉันทั้งหมดก็คงจะต้องตายอย่างแน่นอน แม้กระทั่ง……….หัวใจหลักของงานวิจัยฉันก็จะต้องถูกชิงไปแน่ๆ”

หยวนเจิ้งซวนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณเองก็ได้พูดออกมา

ถังซิ่วเองก็ได้โบกมือของเขาก่อนที่จะพูดว่า

“ไม่เป็นไรหรอกครับ มันเป็นสิ่งที่ผมควรจะทำอยู่แล้วจริงๆแล้วมันเป็นความผิดของผมเองที่จะช่วยคุ้มกันรถลำเลียงงานวิจัยของคุณแต่ก็ดันลืมซะได้เพราะช่วงนี้ผมเองก็ยุ่งอย่างมาก ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วหยวนเจิ้งซวนเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ไม่เป็นไรหรอกตราบใดที่ข้อมูลพวกนี้ยังอยู่ฉันก็โล่งใจแล้ว ฉันได้ตัดสินใจแล้วว่าหลังจากนี้จะไม่ขายมันไปจนกว่าจะวิจัยเสร็จแล้ว สิ่งที่ฉันกำลังวิจัยอยู่นั้นเป็นอาวุธซึ่งฉันจะขายมันให้กับทางกองทัพทันทีส่วนโปรเฟสเซอร์ที่ดูแลอยู่นั้นก็จะให้ย้ายไปทำอย่างอื่น”

ถังซิ่วเองก็ได้หรี่ตาลงก่อนที่จะถามออกมาว่า

“ลุงหยวน ผมถามอะไรหน่อยได้ไหม ? อาวุธชีวภาพที่ลุงกำลังวิจัยอยู่นั้นจะขายได้เท่าไหร่งั้นหรอ ? ”

หยวนเจิ้งซวนเองก็ได้มีท่าทางเปลี่ยนไปทันทีก่อนที่จะถามออกมาว่า

“เธอรู้ได้ไงว่ามันเป็นอาวุธชีวภาพ ? ”

ถังซิ่วเองก็ได้ชี้ไปยังโรงงานก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“เธอเป็นลูกน้องของผมแล้ว”

หยวนเจิ้งซวนเองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“มันขายได้ไม่เยอะเท่าไหร่หรอก อย่างมากก็คงจะ1พันล้านดอลลาร์”

ถังซิ่วเองก็ได้มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีก่อนที่จะพูดออกมา

“ดูเหมือนว่ามันจะมีราคาเหมือนกันนะ เอาล่ะ สิ่งที่ผมควรจะทำก็ได้ทำไปหมดแล้วส่วนเรื่องควบคุมความเสียหายนั้นเป็นหน้าที่ของคุณแล้วกัน !”

หยวนเจิ้งซวนเองก็ได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“เรื่องศพของลูกน้องของฉันนั้นจะถูกนำไปฝังอย่างลับๆเพราะฉันพอมีเส้นสายอยู่บ้าง ส่วนเรื่องที่นี่จะส่งคนมาเก็บกวาดให้เรียบร้อยและแน่นอนว่าฉันจะจดจำบุญคุณครั้งใหญ่นี้ไว้ในใจเสมอ หากว่าหลังจากนี้เธอมีเรื่องอะไรก็สามารถบอกฉันได้เสมอ”

ถังซิ่วเองก็ได้พยักหน้าก่อนที่จะนึกอะไรขึ้นได้แล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่นว่า

“ลุงหยวน จริงๆแล้วผมเองก็มีเรื่องจะขอให้ลุงช่วยนั้นแหละ”

หยวนเจิ้งซวนเองก็ได้ถามออกมาด้วยความสับสนว่า

“เรื่องอะไรงั้นหรอ ? ”

ถังซิ่วเองก็ได้ถามออกมาว่า

“คุณลุงพอมีเส้นสายเกี่ยวกับสำนักงานจราจรบ้างไหม ? ”

หยวนเจิ้งซวนเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“มีอยู่ ! คนในนั้นเองก็เป็นเพื่อนของฉันยิ่งไปกว่านั้นคือฉันเองก็มีคนอยู่ในสำนักงานตำรวจจราจรเช่นกัน ”

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ตอนที่ผมได้รับสายของลุงนั้นอยู่ที่เมืองชิงเหอและด้วยเหตุผลที่ว่าผมรีบมาที่นี่แต่ผมก็เพิ่งได้รับใบขับขี่มาหมาดๆจึงได้ฝืนขึ้นทางด่วนมาและที่สำคัญคือความเร็วที่ผมขับมานั้นไม่ต่ำกว่า200แน่นอน เพื่อที่จะไม่ให้เกิดปัญหาผมจึงได้ทิ้งรถของตัวเองเอาไว้แถวๆย่านชนบท”

หยวนเจิ้งซวนเองก็ได้ยิ้มออกมาก่อนที่จะพูดว่า

“ถังซิ่ว นี่มันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น เอาล่ะฉันจะจัดการเอง ! ฉันรับประกันได้เลยว่าหลังจากนี้เธอจะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน แล้วเธอจอดรถไว้ที่ไหนกัน ? บอกที่อยู่ฉันมาแล้วฉันจะเอาไปส่งให้เธอเอง ”

ถังซิ่วเองก็ได้แสดงความรู้สึกขอบคุณออกมาก่อนที่จะมองไปที่หยวนชูหลิงที่ตกอยู่ในภวังค์ เขาได้ชกไปที่หน้าอกของเขาเบาๆแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“เป็นอะไรไป ? กลัวงั้นหรอ ? นายไม่คิดว่าฉันจะฆ่าพวกเขา ? ”

หยวนชูหลิงเองก็ได้สติกลับคืนมาก่อนที่ท่าทางแปลกๆของเขาจะหายไปพร้อมถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกยกย่อง เขาได้มองไปที่ถังซิ่วแล้วพูดออกมาว่า

“พี่ชาย นายต้องสอนวิทยายุทธพวกนั้นให้ฉันด้วย ! ฉันจะต้องแข็งแกร่งแบบนายให้ได้ !”

ถังซิ่วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า

“หากว่านายทนรับความเจ็บปวดได้ฉันก็จะให้คนมาสอนนายเอง อย่างไรก็ตามยังไงนายก็จะเรียนอยู่แล้วก็น่าจะใช้ชีวิตไปกับการเรียนอย่างสงบสุขนะ”

หยวนชูหลิงเองก็ได้ส่ายศีรษะของเขาก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ฉันสามารถฝึกวิทยายุทธขณะที่เรียนอยู่ได้ ! ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะต้องฝึกมันกับนาย !”

ถังซิ่วเองก็ได้ยิ้มออกมาก่อนที่จะพูดว่า

“ไม่มีปัญหาแต่ก่อนที่จะเริ่มฝึกได้นายต้องตื่นตั้งแต่ตี5ครึ่งพร้อมลุกนั่ง1ชั่วโมง วิ่งจ๊อกกิ้งอีก10กิโลเมตรตอนเช้าและเย็นทุกๆวัน หากว่านายทนได้ถึงวันที่1กันยายนฉันก็จะสอนนาย”

“จริงๆนะ ?”

จิตวิญญาณของหยวนชูหลิงได้ลุกโชนขึ้น

ถังซิ่วเองก็มองไปที่พุงกลมๆของเขาก่อนที่จะอดหัวเราะออกมาไม่ได้แล้วพูดว่า

“จริงๆสิ !”

หลังจากนั้นถังซิ่วเองก็ได้หันหน้าไปมองหยวนเจิ้งซวนแล้วพูดว่า

“ลุงหยวน ในเมื่อเรื่องการควบคุมความเสียหายนั้นเป็นหน้าที่ของลุงแล้วผมต้องขอตัวก่อน ! หากว่ามีเรื่องอะไรก็สามารถติดต่อผมมาได้เสมอ !”

“ได้ !”

หยวนเจิ้งซวนเองก็ได้พยักหน้า

ถังซิ่วเองก็ไม่ได้บอกลากับคุวาโกะ เขาได้นำคนของหลันเถาและซ่งไทกุยกลับไปอย่างรวดเร็ว

ในเมื่อทหารทั้ง12ของก็ต้องการที่จะติดตามเขาดังนั้นก็จะให้ไปทำหน้าที่ของพวกเขา

ตอนนี้พวกเขาได้ผ่านการทดสอบของถังซิ่วแล้วและเขากำลังคิดอยู่ว่าจะให้พวกเขาไปทำอะไรกันดี ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็ได้แล่นเข้าไปในสมองของเขาทันที

“หลันเถา พวกนายทำได้ดีมาก ฉันตั้งใจว่าจะให้พวกนายอยู่ที่เมืองนี้ไปซักระยะหนึ่งก่อนและเมื่อฉันเสร็จเรื่องแล้วจะนำพวกนายไปที่เกาะส่วนตัวของฉันในมหาสมุทรแปซิฟิก หลังจากนี้พวกนายก็อยู่ที่นั่น”

หลันเถาและคนที่เหลือเองก็ได้มองไปที่กันและกันก่อนที่จะพยักหน้าอย่างพร้อมเพียง

ถังซิ่วเองก็ได้มองไปที่ซ่งไทกุยพร้อมพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“วันนี้ทำได้ดีมาก ! ฉันได้เห็นความสามารถของนายแล้ว เอาล่ะเรื่องนี้ก็จบลงแล้ว นายกลับไปได้”

“รับทราบ !”

เป็นเวลาตีสี่

ถังซิ่วเองก็ได้กลับไปที่วิลล่าของเขาที่เมืองประตูทิศใต้ เขายังไม่ได้บอกแม่เรื่องที่เขารีบกลับมายังเมืองนี้ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าจะยังไม่กลับไปที่เมืองชิงเหอสักพักเพราะเรื่องทางฝั่งนั้นเองก็เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เขาต้องจัดการเรื่องที่เมืองนี้ก่อนที่จะไปยังเกาะจิงเหมินแล้วหลังจากนั้นก็จัดการเรื่องเกาะที่เพิ่งซื้อมา

ที่ชั้นสองของวิลล่า

ถังซิ่วได้เปิดประตูห้องของกู่หยินเข้าไปและก็รู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่าเธอกำลังนอนหลับอย่างสบายใจ หลังจากที่กลับไปที่ห้องของเขาแล้วนั้นถังซิ่วก็ได้ผลักประตูเข้าไปแล้วเปิดไฟทันที

“……..”

สีหน้าของถังซิ่วเองก็เปลี่ยนไปทันที

บนเตียงของเขาได้มีหญิงสาวคนหนึ่งที่ใส่แต่กางเกงในพร้อมกับรูปร่างที่ดูสง่างามซึ่งนอนอย่างน่าดึงดูด รูปลักษณ์ของเธอนั้นช่างยั่วยวนยิ่งนักโชคดีที่ถังซิ่วนั้นยังทำสมาธิไว้และไม่ลุ่มหลงไปกับการยั่วยวนนี้

“ข้างล่างก็มีห้องตั้งเยอะแยะแล้วทำไมเธอถึงได้มานอนในห้องฉันกัน ? ผู้หญิงคนนี้ ………อย่าบอกนะว่าเธอไม่กลัวว่าฉันจะกลับมาเห็นเธอในสภาพนี้แล้วข่มขืนเธอ ? ”

ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะของเขาก่อนที่กำลังจะปิดไฟและเดินออกไปยังห้องพักของแขกด้านล่างแต่คังเซี่ยนที่อยู่บนเตียงเองก็ได้ขยับทันทีพร้อมเปิดตาขึ้นมา

“ใครน่ะ ? ”

เธอเป็นคนที่มีความระมัดระวังและตื่นตัวเป็นอย่างมากและนั่นทำให้เธอกระโดดออกมาจากเตียงทันที