…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
หญิงสาวที่สวมหน้ากากเองก็ได้ปิดตาลงช้าๆ เธอมั่นใจความสามารถในการต่อสู้ของเธอดีแต่ก็ยังคงแพ้ให้แก่ถังซิ่วยิ่งไปกว่านั้นคือวิธีการของฝ่ายตรงข้ามเองก็แปลกๆด้วย เธอไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เขากำลังพูด
ความอัปยศ
มันเปรียบได้เหมือนไฟที่กำลังลุกโชนในหัวใจของเธอ มันเป็นสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตของเธอ
อีกฝากหนึ่งเองก็ได้จบลงอย่างรวดเร็ว ยามาโมโต๊ะเองนั้นได้ถูกสังหารส่วนคนอื่นๆเองก็ตายไปกว่า40คน เหลือคนที่ไม่มีกำลังพอที่จะต่อต้าน4-5คนส่วนที่เหลือก็ถูกฆ่าทั้งหมดแต่ทางฝั่งของถังซิ่วนั้นนอกจากคนหนึ่งที่บาดเจ็บเล็กน้อยแล้วก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บอะไรอีกเลย
“บอส คุณต้องการจะจัดการอย่างไร ? ”
ซ่งไทกุยได้เห็นว่าถังซิ่วกลับมาแล้วพร้อมกับคุวาโกะที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาก็ได้ถามออกมา
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า
“ฆ่าทิ้งให้หมด !”
“รับทราบ !”
ซ่งไทกุยเองก็ได้ตอบตกลงพร้อมกับเตรียมที่จะลงมี
“หยุดก่อน !”
คุวาโกะที่กำลังปิดตาอยู่นั้นก็ได้เปิดตาแล้วตะโกนออกมาทันที
ถังซิ่วเองก็ได้ส่งสัญญาณมือไปทางซ่งไทกุยเพื่อให้เขาหยุดมือก่อนที่จะปล่อยมือจากคุวาโกะแล้ววางเธอลงบนพื้น
“อะไร ? อยากจะพูดอะไรอีกงั้นหรอ ?”
คุวาโกะเองก็ได้จ้องมองไปที่ถังซิ่วก่อนที่จะถามออกมาว่า
“นายเป็นใครกันแน่ ? ”
ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปว่า
“เธอไม่จำเป็นต้องรู้หรอกว่าฉันเป็นใคร จำไว้แค่ว่าฉันเป็นศัตรูของเธอก็พอ หยวนเจิ้งซวนนั้นเป็นเพื่อนของฉันและหากเธอต้องการจะลงมือกับเขาก็แน่นอนว่าจะต้องเจอกับการโจมตีของฉัน”
คุวาโกะเองก็ได้พยักหน้าก่อนที่จะมองไปที่คนอื่นๆอีก4-5คนที่กำลังทนกับความเจ็บปวด เธอได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะมองไปที่ถังซิ่วอีกครั้งแล้วพูดว่า
“ฉันจะยอมรับเงื่อนไขของนายแน่ว่าต้องปล่อยพวกเขาไป ”
ถังซิ่วเองก็ได้แสยะออกมาแล้วพูดว่า
“เงื่อนไขอะไร ? เธอจะให้ฉันยอมรับเงื่อนไขอะไร ?”
คุวาโกะเองก็ได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า
“มีสองตัวเลือก ข้อแรกคือฉันสามารถจ่ายค่าไถ่ตัวได้และนายจะต้องปล่อยพวกเราไปหรือข้อที่สองฉันจะไปเป็นทาสของนายสามปีแต่นายต้องปล่อยพวกเขาไป ”
ค่าไถ่ ?
ทาส ?
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า
“ไอ้เรื่องค่าไถ่นั้นฉันพอจะเข้าใจเพราะเธอเป็นคนของตระกูลยามาโมโต๊ะใช่ไหม ? แต่คนที่อยู่ตรงนี้ทั้งหมดน่าจะเป็นพวกคนจากสำนักดาบดาวเหนือไม่ใช่หรอ ? ฉันยังไม่เคยได้ยินเรื่องการเป็นทาสอะไรนั่นเลย”
หลันเถาที่ยืนอยู่ข้างๆเองก็ได้ขมวดคิ้วทันทีก่อนที่จะเดินมาข้างๆถังซิ่วแล้วพูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“บอส ผมเข้าใจเรื่องของสำนักนี้อยู่บ้าง สำนักนี้มันแปลกๆเพราะคนในสำนักเองก็เป็นคนที่โหดเหี้ยมแต่ก็ยังมีกฎเหล็กอยู่ข้อหนึ่ง หากว่าผู้สืบถอดของสำนักต้องตกไปอยู่ในมือของอีกฝ่ายนั้นสามารถขอเป็นทาสได้สามปีเพื่อแลกกับการมีชีวิจรอดแต่หากว่าหลังจากสามปีไปแล้วฝ่ายตรงข้ามไม่ปล่อยพวกเขาไปทางสำนักก็จะใช้กำลังทั้งหมดเพื่อลบล้างฝ่ายตรงข้ามออกไป ”
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า
“สำนักนี้มันแปลกๆเกินไปหรือเปล่า ?”
หลันเถาเองก็ได้ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า
“เจ้าพวกคนแคระญี่ปุ่นเองก็ประสาทอยู่แล้วจะไปเหมือนคนปกติได้อย่างไร ผมคิดว่าในเมื่อเราได้ฆ่าพวกมันไปมากขนาดนี้แล้วก็น่าจะฆ่าพวกมันให้หมดไปเลยจะได้ไม่หลงเหลือปัญหาไว้ทีหลัง ”
ถังซิ่วเองก็ได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะมองไปที่คุวาโกะแล้วถามออกมาว่า
“สำนักของเธอจะไถ่ชีวิตเธอด้วยเงินเท่าไหร่กัน ?”
คุวาโกะเองก็ได้พูดออกมาว่า
“ชีวิตของฉันมีค่า300ล้านดอลลาร์ส่วนที่เหลือนั้นอีก200ล้านดอลลาร์รวมกันเป็นเงิน 500ล้านดอลลาร์”
500ล้านดอลลาร์ ?
3พันล้านหยวน ?
นัยน์ตาของถังซิ่วหดลงทันที เขามองไปที่เธอด้วยความไม่อยากจะเชื่อ แม้ว่าเขาจะรวยและทรัพย์สินโดยรวมจะมากว่า3พันล้านหยวนก็ตามแต่หากว่าได้เงินจำนวนนี้มาจะช่วยแก้ไขปัญหาด้านการเงินที่เขากำลังเผชิญได้อย่างแน่นอน
“……..”
ถังซิ่วเองก็ได้หยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าของเขาก่อนที่ลูกน้องของเขาจะช่วยจุดมัน ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า
“เธอเป็นสายเลือดแท้ของตระกูลยามาโมโต๊ะงั้นหรอ? แถมยังเป็นผู้นำสำนักคนถัดไป ? ”
คุวาโกะเองก็ได้ตอบกลับไปว่า
“ใช่แล้ว !”
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า
“งั้นเรามาเปลี่ยนเงื่อนไขกันไหม ? ”
คิ้วของคุวาโกะเองก็ได้ขมวดเข้าหากันก่อนที่เธอจะพูดออกมาว่า
“ฉันรับแค่สองเงื่อนไขนี้เท่านั้นไม่อย่างนั้นก็ฆ่าพวกฉันซะ !”
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า
“ฟังฉันพูดให้จบก่อนแล้วเธอค่อยตัดสินใจ”
คุวาโกะเองก็ได้เงียบไป
ถังซิ่วเองก็ได้พูดต่อว่า
“เธอมาเป็นคนของฉันแล้วหลังจากนี้ก็จะอยู่ภายใต้ฉัน มันจะไม่มีการจำกัดความเป็นอิสระของเธอ ฉันจะส่งเธอกลับไปญี่ปุ่นอย่างไรก็ตามหากว่าฉันสั่งการเธอก็ต้องทำตาม ”
“ฝันไปเถอะ !”
คุวาโกะเองก็ได้ตอบกลับไปด้วยเสียงเย็นชา
ถังซิ่วเองก็ได้พูดต่อว่า
“ฉันจะไม่ให้เธอเป็นลูกน้องฉันเปล่าๆหรอกนะ ฉันจะให้ผลประโยชน์แก่เธอ มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่กล้าจะฝันด้วยซ้ำ”
คุวาโกะเองก็ได้ส่ายศีรษะของเธอก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ฉันเองก็ไม่ได้ขาดอะไรแม้แต่น้อย นายไม่จำเป็นต้องหาวิธีมาซื้อตัวฉันหรอก !”
ถังซิ่วเองก็ได้ส่งสัญญาณไปให้คนอื่นๆก่อนที่พวกเขาจะแยกย้ายกันออกไปรอบๆและเหลือแค่ถังซิ่วกับคุวาโกะเท่านั้น
“เธอคิดว่าความแข็งแกร่งของฉันเป็นไง ? ”
นัยน์ตาของคุวาโกะเองก็ได้หดลงก่อนที่เธอจะพยักหน้าแล้วพูดว่า
“แข็งแกร่งมาก ต่อให้เป็นท่านเจ้าสำนักเองก็ยังไม่สามารถสู้นายได้”
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า
“หากว่าเธอยอมเป็นลูกน้องของฉันก็รับรองได้เลยว่าฉันจะทำให้เธอแข็งแกร่งอย่างก้าวกระโดด ฉันรับประกันได้เลยว่าอย่างมากก็ใช้เวลาเพียงสามปีหากว่าเธอเชื่อฟังฉันแล้วความแข็งแกร่งของเธอจะเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมถึงสิบเท่า”
คุวาโกะเองก็ได้แสยะออกมาแล้วพูดว่า
“ความแข็งแกร่งของนายจะสู้กับฉันที่แข็งแกร่งกว่าเดิมสิบเท่าได้งั้นหรอ ? ”
ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปว่า
“เธอคิดผิดแล้ว ความสามารถของฉันไม่ใช่การฆ่าคนซึ่งๆหน้า หากว่าเธอไม่ได้ออกไปเร็วขนาดนั้นและให้เวลาฉันเพื่อวางค่ายกลก็รับรองเลยว่าต่อให้มีเธอซัก40คนฉันก็ฆ่าเธอทั้งหมดได้ใน30วินาทีแล้ว ”
“นายเข้าใจเกี่ยวกับค่ายกลด้วยงั้นหรอ ?”
คุวาโกะเองก็ได้ถามออกมาด้วยความตะตะลึง
ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปอย่างราบเรียบว่า
“สิ่งที่ฉันเข้าใจนั้นมีมากมายและค่ายกลเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ฉันจะพูดกับเธออีกครั้งว่าหากเธอยอมก้มหัวให้ฉันอย่างจริงใจแล้วฉันจะช่วยเหลือเธออย่างลับๆและเป็นหัวหน้าตระกูลยามาโมโต๊ะและเจ้าสำนักดาบดาวเหนือได้อย่างแน่นอน มันอาจจะถึงขั้นที่เธอจะจัดการให้สองขุมพลังนี้เป็นขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในญี่ปุ่นเลยด้วยซ้ำ ”
คุวาโกะเองก็ได้มองไปที่ถังซิ่วแล้วพูดออกมาว่า
“นายเป็นใครกัน ? ”
ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปว่า
“หากว่าอยากจะรู้สถานะของฉันเธอก็ต้องยอมรับเงื่อนไขนั้นก่อน หลังจากที่เธอกลับไปแล้วจะสืบสวนอย่างไรก็ได้แต่สิ่งสำคัญคือเธอสามารถกลับออกไปได้อย่างมีชีวิต”
คุวาโกะเองก็ได้ส่ายศีรษะของเธอแล้วพูดออกมาว่า
“ฉันไม่สามารถเชื่อใจนายได้ ”
ถังซิ่วเองก็ได้ชี้ไปที่ตัวเองแล้วถามออกมาว่า
“เธอคิดว่าฉันจำเป็นต้องโกหกเธองั้นหรอ ? ”
คุวาโกะเองก็ได้เงียบไปครู่หนึ่ง เธอไม่ได้ต่อต้านที่จะยอมก้มหัวให้เขาแต่เธอกำลังคิดว่ามันจะเป็นการตัดสินใจที่เร็วเกินไปดังนั้นเธอจึงได้คิดอยู่หลายนาทีก่อนที่จะถามออกมาช้าๆว่า
“นายไม่กลัวว่าหลังจากที่ฉันกลับไปแล้วจะหักหลังนายและผิดสัญญา ? ”
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า
“ฉันไม่กลัวหรอกเพราะเธอไม่กล้าทำมันอย่างแน่นอน”
“นายไปเอาความมั่นใจนั้นมาจากไหนกัน ?”
คุวาโกะเองก็ได้หยอกล้อออกมา
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า
“จะยังไงช่างตราบใดที่เธอทำตามฉันแล้วฉันจะทำให้เธอเชื่อเอง !”
“จะทำอะไร ? ”
คุวาโกะเองก็ได้ถามออกมา
ถังซิ่วเองก็ได้จับไปที่ข้อมือของเธอแล้วกรีดมันด้วยมีดกองทัพก่อนที่จะกัดไปยังนิ้วของเขาเองและหยดเลือดลงไปยังบาดแผลของเธอพร้อมกับพูดว่า
“อย่าได้ต่อต้านมัน ตั้งใจสำรวจสภาพร่างกายของตัวเองแล้วเธอจะรู้ว่าเธอกำลังได้รับประโยชน์จากมัน”
ความรู้สึกต่อต้านได้เกิดขึ้นในใจของเธอแต่เมื่อได้ยินคำพูดของถังซิ่วนั้นเธอเองก็คิดว่าเขากำลังเล่นกลอะไรบางอย่างอยู่และเพื่อที่จะรู้ว่าเขาตั้งใจจะทำอะไรนั้นเธอจึงได้ผ่อนคลายความคิดของเธอ
ถังซิ่วได้ควบคุมเลือดที่หยดลงไปยังบาดแผลของเธอให้ไหลไปตามเส้นเลือดก่อนที่จะไปหยุดที่ตรงหัวใจของเธอ
“เทคนิคควบคุมวิญญาณ”
ถังซิ่วเองก็ได้จี้ไปที่จุดของเธอพร้อมกับรวบรวมพลังแห่งดวงดาราให้ไหลไปตามเส้นเลือดของเธอและไหลเข้าไปในหัวใจของเธออีกครั้งพร้อมหลอมรวมกับเลือดของเขา
“เปรี้ยง…..”
คุวาโกะเองก็ได้รู้สึกหวานในลำคอของเธอก่อนที่เลือดจะพุ่งออกมาจากปากของเธอ หากว่าไม่ใช่เพราะถังซิ่วหลบไปก่อนเลือดก็คงจะกระจายเต็มหน้าเขาแล้ว
ถังซิ่วเองก็ได้หยุดพักอยู่ครู่หนึ่งเพราะเงื่อนไขในการใช้เทคนิคนี้เองก็ไม่ใช่น้อยๆ หากว่าเป้าหมายนั้นต่อต้านก็ยากมากที่จะควบคุมด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้โชคดีที่เธอผ่อนคลายและไม่ได้ต่อต้านแม้แต่น้อย
ตอนนี้เขาสามารถรับรู้ได้ถึงร่างกายทุกส่วนของเธอ เขามั่นใจว่าหากเขาอยากให้เธอตายก็สามารถใช้แค่ความคิดเท่านั้นแล้วหัวใจของเธอก็จะระเบิดทันที
“นาย…….นายทำอะไรกับฉัน ?”
คุวาโกะเองก็ได้ปาดเลือดที่มุมปากของเธอก่อนที่จะถามถังซิ่วด้วยความประหลาดใจ
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า
“มันเป็นเทคนิคควบคุมวิญญาณ มันจะควบคุมชีวิตของเธอและตอนนี้มันก็ได้สำเร็จแล้ว หากว่าหลักจากนี้เธอกล้ามีความคิดชั่วๆ ฉันก็สามารถทำให้หัวใจของเธอระเบิดได้เพียงใช้ความคิดเท่านั้น”
“อะไรนะ ?”
คุวาโกะเองก็รู้สึกเหมือนว่าชีวิตของเธอกำลังตกอยู่ในกำมือของคนอื่นเช่นกัน เธอพบว่าตอนนี้เธอสามารถตรวจสอบสภาพร่างกายของตัวเองได้และพบว่ามีสัญลักษณ์โบราณที่เจิดจ้าอยู่ที่หัวใจของเธอ
“ร่างกายของฉัน !”
เธอรู้สึกได้ถึงสภาพร่างกายของตัวเองช้าๆแม้ว่าเธอจะไม่สามารถขยับได้ก็ตามแต่เธอก็รู้ดีว่าความแข็งแกร่งนั้นมาจากเส้นเลือดและเลือดของเธอ มันไหลไปทั่วอวัยวะที่สำคัญทั้งห้าของเธอผสานเข้ากับกล้ามเนื้อและเส้นเลือดภายในกระดูก
เธอแข็งแกร่งขึ้นทางกายภาพ
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า
“ตอนนี้รู้สึกได้หรือยัง ? ฉันได้บอกไปแล้วว่าเป็นคนของฉันนั้นจะได้รับผลประโยชน์ยิ่งไปกว่านั้นจะมากกว่านี้หลายเท่า สาบานว่าจะรับใช้ฉันแล้วฉันจะให้เทคนิคบ่มเพาะแก่เธอ หากว่าหลังจากนี้เธอตั้งใจกับมันฉันรับรองได้ว่าภายในสามปีนี้ความแข็งแกร่งของเธอจะมากว่านี้10เท่าเป็นอย่างน้อย”
คุวาโกะเองก็ได้ใช้พลังทั้งหมดเพื่อกลืนน้ำลายของเธอก่อนที่จะมองไปที่ถังซิ่วแล้วถามออกมาว่า
“นายเป็นพ่อมดงั้นหรอ ? นายได้ใช้มนต์ดำกับฉันไป ? ”
ถังซิ่วเองก็ได้พูดดูถูกออกมาว่า
“พ่อมด ? นั้นมันเป็นแค่กลหลอกเด็กเท่านั้น ! หากว่าให้เวลาฉันอีกไม่กี่ปีเท่านั้นแล้วฉันก็จะตัดผ่านไปยังระดับที่สูงกว่านี้ ต่อให้เป็นพ่อมดที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้ก็อยู่ในกำมือของฉัน ”
หัวใจของคุวาโกะเองก็ได้เต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ
เธอได้ขบฟันของตัวเอง !
เธอได้พูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“ทำให้ฉันกลับมาขยับได้หน่อย”
ถังซิ่วเองก็ได้ยื่นมือออกมาแล้วปลดจุดได้ที่สกัดเอาไว้ เขาเองไม่ได้แสดงท่าทางป้องกันแม้แต่น้อยเพราะเขาไม่เชื่อว่าเธอจะเคลื่อนไหมได้เร็วกว่าความคิดของเขา
คุวาโกะเองก็ได้คุกเข่าลงต่อหน้าถังซิ่วพร้อมกับเอามือขวามาตบไปที่อกด้านซ้ายของเธอก่อนที่จะทำสัญลักษณ์มือบางอย่างด้วยมือข้างซ้ายแล้วพูดสาบานว่า
“ข้า ยามาโมโต๊ะคุวาโกะขอสาบานว่านับจากวันนี้เป็นต้นไปชายตรงหน้าของข้าจะเป็นเจ้านายและข้าจะทำตามทุกคำสั่งของเขา ข้าจะไม่มีวันหักหลังและหากว่าผิดคำสาบานก็ขอให้ถูกขังอยู่ในนรกแห่งความเย็นเยือกตราบชั่วนิรันด์”