…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ต้องรู้ก่อนว่าซ่งไทกุยและคนอื่นๆนั้นได้ผ่านการฝึกหฤโหดไม่นานก็ต้องถูกส่งออกไปฝึกในองกรอันตรายต่างๆภายนอกประเทศ

พวกเขาได้ถูกชโลมไปด้วยไฟแห่งสงครามพร้อมกับเดินบนกองภูเขาแห่งซากศพ หากว่าพวกเขาคนใดคนหนึ่งเข้าเป็นกองกำลังทหารก็จะสามารถเป็นหัวหน้าได้อย่างแน่นอน

ณ ตอนนี้ กลุ่มกองกำลังเคียวเทพแห่งความตายก็ได้ตั้งรับการซุ่มโจมตีพร้อมเรียกหาไทเกอร์ผ่านทางหูฟังแต่ก็ไม่มีใครตอบรับ

“ถอนตัว !”

“ถอนตัว !”

คำสั่งนี้ได้ถูกส่งไปยังสมาชิกทุกคนพร้อมกับถอนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ทุกๆที่ที่พวกเขาเดินผ่านไปนั้นก็จะเป็นซากศพของเพื่อนๆก่ายกองอยู่

ปึ้ก ปึ้ก ปึ้ก

ผ่านไป30วินาทีร่างกาย7-8คนของกองกำลังเองก็ได้ล้มลงไปนอนอยู่ที่ฟื้น คนบางคนนั้นได้รับบาดเจ็บแต่ก็พยายามทุ่มสุดตัวเพื่อที่จะหนี

คนของซ่งไทกุยเองก็ไม่ได้คิดจะติดตามพวกเขาไปและได้ส่งคนไปดูสถานการณ์เงียบๆพร้อมกับคนอื่นๆที่รีบเข้าไปด้านในและโทรหาเบอร์ที่ถังซิ่วได้ให้มา

หยวนเจิ้งซวนได้ขมวดคิ้วเข้าหากันทันทีเพราะว่าในไม่กี่นาทีนี้ก็ไม่มีใครยิงมาที่พวกเขาแล้วแม้กระทั่งด้านนอกเองก็เงียบสงบซึ่งมันทำให้เขารู้สึกกังวลในหัวใจ

“อื้ดดด….. อื้ดดดด…….อื้ดด….”

ท่าทางของหยวนเจิ้งซวนเปลี่ยนไปเพราะพบว่าโทรศัพท์ของเขากำลังสั่น เขาหยิบมันขึ้นมาแล้วพบว่าเป็นเบอร์แปลกจึงได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะกดปุ่มตอบรับแล้วถามออกมาว่า

“นั่นใคร ?”

“ฉันชื่อซ่งไทกุย บอสได้ส่งเรามาสนับสนุนและศัตรูเองก็ได้ล่าถอยออกไปแล้วเราจะต้องคุ้มกันคุณทันที !”

“บอสของคุณคือใคร ?”

ท่าทางของหยวนเจิ้งซวนเองก็เปลี่ยนไปก่อนที่จะถามออกมา

ซ่งไทกุยเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“ถังซิ่ว !”

หยวนเจิ้งซวนเองก็ได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะถามออกมา

“ฉันจะเชื่อคุณได้อย่างไร ? ”

เสียงทุ้มต่ำของซ่งไทกุยได้ส่งกลับไปว่า

“ลองโทรหาบอสดูสิแล้วเขาจะบอกคุณเอง !”

“ดี !”

หยวนเจิ้งซวนเองก็ได้วางสายพร้อมกับโทรหาถังซิ่วทันที

รถland rover ที่กำลังวิ่งอยู่บนทางด่วนด้วยความเร็วมากว่า180เพราะว่าตอนนี้มันเป็นช่วงเวลากลางคืนซึ่งไม่มีผู้คนสัญจรไปมามากนัก รถบางคันที่ได้ขับผ่านเขาถึงกับกลัวเมื่อเห็นความเร็วของถังซิ่ว

“ถังซิ่ว เธอได้ส่งคนมาสนับสนุนฉัน ? ”

ถังซิ่งที่ได้รับสายนั้นก็ถูกถามโดยหยวนเจิ้งซวนทันที

“ใช่แล้ว น่าจะราวๆ20คนส่วนหัวหน้าทีมเองก็คือซ่งไทกุย พวกเขาไปถึงแล้วหรือยัง ? ”

“อื่ม ขอบคุณมากๆ !”

“ไม่จำเป็นต้องสุภาพ !”

การสนทนาได้สิ้นสุดลงพร้อมกับหยวนเจิ้งซวนที่ได้โทรหาซ่งไทกุยเพื่อให้เขามาที่นี่

ทันใดนั้นกองกำลังทั้งสองก็ได้มาบรรจบพบกัน

หลังจากที่ซ่งไทกุยได้เดินมาอยู่ตรงหน้าของหยวนเจิ้งซวนแล้วก็ได้ถามออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า

“คุณได้รับบาดเจ็บ ? ”

หยวนเจิ้งซวนเองก็ได้พยักหน้าอย่างขมขื่นก่อนที่จะพูดว่า

“โดนยิงที่แขนและเสียเลือดไปนิดหน่อย”

ซ่งไทกุยเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ทนหน่อยแล้วกัน ผมจะช่วยควักกระสุนออกมาให้”

หยวนเจิ้งซวนเองก็ได้พูดออกมาทันทีว่า

“ไม่ต้องเป็นกังวลไปฉันยังสามารถทนได้ แล้วพวกกองกำลังศัตรูพวกนั้นล่ะ ? พวกมันถอนตัวออกไปแล้วจริงๆ ? ”

ซ่งไทกุยเองก็ได้พูดออกมาว่า

“หากว่าผมเดาไม่ผิดคนที่เราฆ่าไปสองคนก่อนหน้านี้น่าจะเป็นผู้สั่งการของพวกมัน ภายใต้กลุ่มคนที่ไม่มีหัวหน้านั้นเราก็ได้ฆ่าคนไปหลายคนจนทำให้พวกมันถอนตัวออกไป ไม่ต้องเป็นกังวลเพราะผมได้ส่งคนไปติดตามพวกมันไว้แล้วส่วนเรื่องจะจัดการยังไงนั้นก็ให้บอสเป็นคนสั่งการอีกทีเมื่อเขามาถึงที่นี่”

นัยน์ตาของหยวนเจิ้งซวนได้มองไปที่ซ่งไทกุยและลูกน้องของเขาด้วยความตื่นกลัว เขาได้สัมผัสกับความน่ากลัวของกองกำลังพวกนั้นแล้ว ในการต่อสู้ตั้งแต่ช่วงค่ำนี้ลูกน้องที่เขาเชื่อใจกว่า30คนก็ได้ล้มตายไปกว่าครึ่งและคนอื่นๆที่เหลืออยู่เองก็บาดเจ็บแต่พอมองไปที่คนเหล่านี้แล้วก็พบว่าพวกเขาไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อยแถมยังมีกลิ่นอายที่เย็นยะเยือกถูกปล่อยออกมาไม่หยุดซึ่งมันทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย

“ออกไปตรวจสอบสถานการณ์ด้านนอก !”

อารมณ์ของหยวนเจิ้งซวนเองก็ได้กลับมาเป็นปกติและขณะที่ซ่งไทกุยกำลังฉีกเสื้อที่ปิดบาดแผลเขาไว้อยู่นั้นก็ได้ออกคำสั่งไปยังลูกน้องของเขา

“รับทราบ !”

ชายเหล่านั้นเองก็ได้มองไปที่กันและกันก่อนที่จะเดินออกไปข้างนอกอย่างระมัดระวัง

ซ่งไทกุยที่ได้ฉีกเสื้อของหยวนเจิ้งซวนเองก็ได้หยิบไฟแช็คออกมาลนไปที่ใบมีดของเขา ผ่านไป30วินาทีแล้วเขาก็ได้พูดออกมาว่า

“ทนหน่อยนะ ”

“อื่ม”

หยวนเจิ้งซวนเองก็ได้พนักหย้า

ดวงตาของซ่งไทกุยได้หรี่ลงก่อนที่ปลายมีดจะเสียบเข้าไปในแผลของหยวนเจิ้งซวนซึ่งทำให้เขามีใบหน้าที่บิดเบี้ยวทันที หัวกระสุนเองก็ได้ถูกนำออกมาอย่างรวดเร็วก่อนที่ซ่งไทกุยจะหยิบเข็มออกมาจากเสื้อของเขาแล้วเย็นแผลให้กับหยวนเจิ้งซวนพร้อมกับเอาผ้าพันแผลออกไปพันไปรอบๆแผลของเขา

“เฮ้อ…”

หยวนเจิ้งซวนที่กำลังรู้สึกปวดจากบาดแผลนั้นได้ผ่อนคลายออกมาก่อนที่จะชื่นชมออกมาว่า

“ไม่คิดเลยว่าคุณเองก็จะพกเข็มกับผ้าพันแผลมาด้วย ดูเหมือนว่าจะอยู่ในกองกำลังแพทย์ ?”

ซ่งไทกุยเองก็ได้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า

“แต่ก่อนนั้นได้รับบาดเจ็บทุกวันและหากว่าไม่มีสิ่งของช่วยชีวิตพวกนี้เราก็คงจะตายไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว”

ได้รับบาดเจ็บทุกวัน ?

สิ่งของช่วยชีวิต ?

หยวนเจิ้งซวนเองก็ได้มองไปที่ซ่งไทกุยด้วยท่าทีที่แตกตื่นพร้อมกับการเต้นของหัวใจที่ถี่ขึ้นเรื่อยๆ ณ ตอนนี้เองที่เขาเกิดความรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับที่มาของซ่งไทกุยและคนของเขา เขาอยากจะรู้จริงๆว่าถังซิ่วไปหาลูกน้องแบบนี้มาจากไหนกัน

หลังจากที่ซ่งไทกุยได้รักษาบาดแผลให้หยวนเจิ้งซวนแล้วก็ได้สั่งให้ลูกน้องคนอื่นๆมาจัดการต่อพร้อมกับเขาโทรศัพท์ไปสอบถามถังซิ่วว่าจะเอาอย่างไรต่อไปทว่าคำสั่งที่ได้รับกลับมานั้นคือให้รอรับคำสั่งต่อไป

ทางด่วนเมืองสตาร์ซิตี้

ถังซิ่วได้ขับรถผ่านมาอย่างรวดเร็วและขณะที่กำลังจ่ายค่าทางด่วนนั้นก็ได้ถูกไล่ตามโดยตำรวจถึงสองคัน

“ฮึ้ม…….”

ถังซิ่วเองก็ยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจตำรวจแม้แต่น้อย เขาได้เพิ่มความเร็วขึ้นอีกและขณะที่ถึงที่ชนบทแห่งหนึ่งก็ได้ทิ้งรถไว้แล้วจากไป

ในเส้นทางที่มืดมิดถังซิ่วก็ได้โทรศัพท์ไปหาหลันเถาก่อนที่เขาจะรับสายอย่างรวดเร็ว

“หลันเถา ? ”

“ผมเอง !”

เสียงของหลันเถาเองก็ได้ถูกส่งผ่านมาทางปลายสาย

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ในเมื่อนายตั้งใจที่จะเป็นลูกน้องของฉันแต่ฉันเองก็ต้องทดสอบนายก่อน จำไว้ว่าเรื่องที่ฉันสั่งให้ไปจัดการนั้นต้องเก็บเป็นความลับ”

“เข้าใจแล้ว ”

หลันเถาเองก็ได้ตอบกลับมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ

ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า

“ฉันมีเพื่อนที่เป็นพ่อค้าอยู่คนหนึ่งและถูกตามล่าโดยกลุ่มมือสังหารต่างชาติ ลูกน้องคนอื่นๆของฉันได้ไปช่วยเขาไว้แล้วแต่ยังมีคนที่หนีรอดไปได้กว่า20คน นายรีบไปที่ท่าเรือแล้วเก็บกวาดพวกมันซะ ”

“กลุ่มมือสังหารต่างชาติ ? ”

คิ้วของหลันเถาเองก็ได้ขมวดเข้าหากันก่อนที่จะลังเลอยู่ครู่หนึ่ง

ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“ฉันบอกได้เลยว่าพวกมันเป็นคนต่างชาติแม้ว่าฉันจะไม่แน่ใจถึงสถานะของพวกมันแต่ก็มีรูปสัญลักษณ์เคียวอยู่ ลูกน้องของฉันเองก็ได้บอกมาว่าพวกมันคือคนของกองกำลังเคียวเทพแห่งความตายยิ่งไปกว่านั้นคือพวกมันมีอาวุธปืนดังนั้นก็จงระมัดระวัง ”

“กลุ่มกองกำลังเคียวเทพแห่งความตาย ? ”

ประกายแห่งจิตสังหารได้พวยพุ่งออกมาจากสายตาของหลันเถา เขารู้จักชื่อเสียงชั่วๆของคนเหล่านี้ดี พวกมันฆ่าอย่างโหดเหี้ยมและในรายชื่อของกลุ่มที่ต้องกวาดล้างเองก็มีชื่อของกองกำลังนี้อยู่เช่นกัน

ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาเองก็เคยได้รับมอบหมายงานหนึ่งถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้าปะทะกับกลุ่มพวกนี้ก็จริงแต่พันธมิตรของเขาสองกลุ่มก็ได้ตายด้วยเงื้อมมือของพวกมัน

“รับประกันว่างานจะสำเร็จลุล่วง”

หลันเถาเองก็ได้ตอบกลับไป

ถังซิ่วได้วางสายทันที เขาเองก็ไม่ได้รีบที่จะไปหาหยวนเจิ้งซวนและซ่งไทกุยแต่ได้โบกรถแท๊คซี่ริมทางแล้วไปที่ท่าเรือทันที

หลันเถาและคนของเขานั้นมีอยู่ทั้งหมด12คน ถังซิ่วเองก็ต้องการที่จะทดสอบความสามารถของพวกเขาแต่ก็ต้องรับผิดชอบความปลอดภัยของพวกเขาเช่นกัน โลกแห่งนี้ไม่ใช่ดินแดนแห่งนิรันด์อย่าว่าแต่คนธรรมดาเลย แม้จะเป็นนิรันด์แต่ก็มีโอกาสจะตายได้ตลอดเวลา

ชีวิตที่โลกนี้นั้นสำคัญเพราะหากว่าหลันเถาและลูกน้อยของพวกเขาตายไปที่นี่ องกรที่เฝ้ามองพวกเขาอยู่อย่างลับๆต้องสร้างปัญหาให้กับถังซิ่วอย่างแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้นหยวนชูหลิงเองก็ได้ถูกลักพาตัวและน่าจะเป็นพวกเดียวกับคนกลุ่มนี้ หากว่าจัดการพวกมันแล้วก็ค่อยเค้นข้อมูลที่อยู่ของหยวนชูหลิงทีหลัง นี่เป็นเป้าหมายหลักของถังซิ่ว

“เอี้ยด….”

แท๊คซี่เองก็ได้จอดรถห่างจากท่าเรือไป2กิโลเมตร

ชายวันกลางคนเองก็ได้รับเงินที่ถังซิ่วยื่นมาให้ก่อนที่จะถามออกมาด้วยความสงสัยว่า

“น้องชาย ที่นี่มันอันตรายมาก เธอมาที่นี่ในช่วงกลางดึกทำไมกัน ? ”

ถังซิ่วเองก็ได้รับเงินทอนมาพร้อมกับพูดว่า

“ช่วงกลางวันผมทำของหล่นหายไว้และมาดูว่ามันยังอยู่ไหม ”

“ของสำคัญมากเลย ? ”

คนขับรถเองก็ได้ถามออกมาด้วยความประหลาดใจ

ถังซิ่วเองก็ได้ตอลกลับไปว่า

“สำคัญมากๆ !”

คนขับรถแท๊คซี่เองก็ได้ถอนหายใจออกมา

“ดูเหมือนว่ามันจะสำคัญจริงๆสินะไม่อย่างงั้นเธอคงไม่มาที่นี่ในช่วงกลางดึกแบบนี้ เอาล่ะ โชคดีนะ ”

ขณะที่คนขับรถแท๊คซี่กำลังขับออกไปนั้นถังซิ่วเองก็ได้พุ่งตัวไปอย่างรวดเร็ว สายตาของเขาจดจ่ออยู่กับโกดังที่มืดมิด เขาได้อาศัยพงหญ้าเพื่อพรางตัว

หลังจากผ่านไปสองนาทีถังซิ่วก็ได้พบว่าห่างไปจากเขา5-6ร้อยเมตรได้มีร่างสี่ร่างได้ย่องเข้าไปในโรงงานอย่างเงียบๆ คนทั้งสี่นั้นได้สวมชุดสีดำและทั้งร่างกายเองก็เป็นสีดำซึ่งกลมกลืนไปกลับยามค่ำคืนที่มืดมิดนี้ หากว่าไม่ได้ใช้สายตาที่แหลมคมของเขาแล้วก็แทบจะไม่สามารถค้นพบพวกเขาได้เลย

“ศัตรูพวกนี้น่าจะเป็นพวกที่มีเอี่ยวกับการฆ่าเมื่อครู่ยิ่งไปกว่านั้นคือพวกมันแพ้อย่างน่าอนาถถึงได้กลับมาที่นี่ หากว่าหลันเถาได้บุ่มบ่ามบุกเข้าไปก็จะต้องสูญเสียมากอย่างแน่นอน”

ถังซิ่วเองก็ได้มีความคิดนี้ปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา