…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ซูชางเหอนั้นเป็นผู้ที่มีอำนาจชี้ขาดที่สุดในหมู่บ้านแห่งนี้ เขาให้ทุกคนปลูกผลไม้และพวกข้าวและหากว่ามีครอบครัวไหนมีปัญหาเขาจะลงมือช่วยเหลือทันที เขาไม่เคยบ่นหรือเสียใจแม้แต่น้อยแม้กระทั่งลูกชายของเขาที่เป็นหัวหน้าหมู่บ้านคนปัจจุบันก็ยกย่องเขาเป็นอย่างมาก
“ซิ่วน้อย ยังจำได้ไหมว่าฉันคือใคร ? ”
การวางตัวของซูชางเหอนั้นดีมาก หลังจากที่เขาเห็นถังซิ่วแล้วเขาก็ถามออกมาด้วยรอยยิ้ม
ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า
“คุณปู่หัวหน้าหมู่บ้าน”
ซูชางเหอเองก็ได้พูดออกมาตรงๆขณะที่ยิ้มว่า
“อืม อืม โตขึ้นมาหน่อยแล้วหนิ ผ่านไปกว่าสองปีแล้วใช่ไหม ? ตัวโตขึ้นจริงๆ”
ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปว่า
“เกือบจะสองปีแล้วครับ หากว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ก็คงจะกลับมาเยี่ยมคุณปู่นานแล้ว ”
ซูชางเหอเองก็ได้พยักหน้าแล้วพูดว่า
“แม้ว่าเธอจะไม่ได้ใช้สกุลซูแต่เธอก็เป็นเด็กของหมู่บ้านเรา อ่อใช่ก่อนหน้านี้ฉันได้ยินมาจากเบ็นน้อยว่าเธอนำยายเธอกลับมา ? ยิ่งไปกว่านั้นคือเธอต้องการรักษายายเธอด้วยตัวเอง ? ถังซิ่วคุณยายนั้นแขนขาหักและมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยนะ เธอมั่นใจหรอ ? ”
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาด้วยความมั่นใจว่า
“คุณปู่ ผมมีความมั่นใจมาก ผมเองก็เพิ่งจะได้เป็นหมอที่โรงพยาบาลจีนเมืองสตาร์ซิตี้ ”
ซูชางเหอเองก็ได้พูดออกมาด้วยความตกตะลึงว่า
“เธอไปทำงานที่โรงพยาบาลสตาร์ซิตี้ ? เธอเพิ่งจะอยู่ชั้นมัธยมไม่ใช่หรอ ? ตอนนี้…..ก็น่าจะอยู่ในช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัยหนิ”
ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า
“ปู่เองก็จำเรื่องของผมได้ดีเหมือนกันนะเนี้ย ใช่แล้วผมเพิ่งจะสอบเข้าไปและผลคะแนนเองก็น่าจะออกในวันพรุ่งนี้เช้า ส่วนเรื่องการเป็นหมอที่โรงพยาบาลนั้นเพราะผมถูกเชิญโดยผู้อำนวยการของโรงพยาบาล”
ซูเปิ่นที่อยู่ข้างๆก็ได้พูดออกมาทันทีว่า
“ถังซิ่ว นายเองก็ทำงานที่นั้นแล้วพอรู้จักผู้นำระดับสูงๆบ้างไหม ? ก่อนหน้านี้เก็นซีก็ได้โทรมาวาพวกผู้บาดเจ็บที่เหลือได้อยู่ที่โรงพยาบาลแล้วแต่ว่า……”
ถังซิ่วได้ขมวดคิ้วเข้าหากันทันทีก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“แต่อะไร ? ”
ซูเปิ่นเองก็ได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มที่ฝืนๆว่า
“พวกเขาบอกมาว่าที่โรงพยาบาลได้มีหมอเทวดากำเนิดขึ้นทำให้มีผู้ป่วยมากมายแม้ว่าจะมีหมอคอยรักษาก็ตามแต่ไม่มีห้องผู้ป่วยเหลืออยู่แล้ว ”
ถังซิ่วได้หยิบโทรศัพท์ออกมาพร้อมกับโทรไปหาเบอร์หนึ่ง
“สวัสดีค่ะท่านอาจารย์ ?”
เสียงของดั่ยซินหยูได้ถูกส่งผ่านมาทางปลายสายพร้อมกับบรรยากาศรอบๆที่ดูวุ่นวายเป็นอย่างมาก
ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า
“อยู่ที่โรงพยาบาลหรือเปล่า ?”
ดั้ยซินหยูเองก็ไดตอบกลับไปว่า
“ยังอยู่ค่ะ วันนี้มีผู้ป่วยมากมายและตอนนี้เองก็ยังไม่เสร็จเลย ท่านอาจารย์โทรมาทำไมหรอค่ะ ?”
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า
“เจ้าไปดูหน่อยสิเพราะก่อนหน้านี้น่าจะมีผู้บาดเจ็บห้ารายได้ไปถึงที่นั่นและพวกเขาเองก็มีสกุลซู เจ้าช่วยจัดห้องพักให้พวกเขาด้วย”
ดั่ยซินหยูเองก็ได้พูดออกมาด้วยความลังเลว่า
“ท่านอาจารย์ ….ศิษย์ไม่มีอำนาจในเรื่องนี้”
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ไม่เป็นไรหากว่าทำไม่ได้ก็ไปหาซันเหว่นจิงหากว่ายังไม่พอก็ไปหาผู้อำนวยการเลยแล้วกัน ช่วยให้เขาจัดการให้ด้วย”
“ได้ค่ะ”
ท่าทางเคร่งเครียดได้เกิดขึ้นทันทีหลังจากที่เธอวางสาย
ถังซิ่วเองก็ได้มองไปที่ซูเปิ่นและซูชางเหอพร้อมกับพูดว่า
“ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะผมจัดการโทรไปสั่งการแล้ว พี่ชายเบ็นเราเข้าไปกันก่อนเพราะผมต้องรักษาอาการบาดเจ็บของคุณยาย !”
“ไปกันเถอะ ”
ซูชางเหอเองก็ได้โบกมือพร้อมพูดออกมาอย่างรวดเร็ว
ในบ้านที่มีหลังคากระเบื้องนั้นมีแสงสลัวๆถังซิ่วได้เดินไปข้างๆซางฉีพร้อมกับยกขาของเธอขึ้นมาช้าๆ แล้วพูดว่า
“คุณยายผมการรักษาของผมมันจะเจ็บปวดหน่อยเพราะฉะนั้นยายจะต้องอดทนและตราบใดที่ทนมันได้ผมก็จะรักษาแผลจนหายอย่างแน่นอน”
ซางฉีเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“รักษาเถอะ ยายทนได้”
ถังซิ่วพยักหน้าของเขาพร้อมกับหยิบเข็มเงินออกมาแล้วปิดกั้นจุดพลังรอบๆแผลที่กระดูกหักพร้อมกับปักลงไปที่หลายๆจุด ทันใดนั้นน่องขาของซางฉีเองก็ได้เปลี่ยนกลายเป็นสีแดงก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสีม่วงสุดท้ายก็กลายเป็นดำคล้ำ มันบวมขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากนั้นเขาก็ได้ดึงเข็มออกในพริบตาพร้อมกับเลือดสีดำที่ไหลทะลักออกมา หลังจากที่ถอนเข็มออกมาหมดแล้วก็เห็นได้ชัดเจนว่าเลือดสีดำได้ไหลออกไปจากจุดเหล่านั้น
“ซิ่วน้อย นี่……”
นัยน์ตาของซูหลิงหยุนเองก็หดเล็กลงพร้อมกับท่าทางที่ตกตะลึงของเธอ
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาด้วยท่าทางสงบว่า
“จากการที่กระดูกหักนั้นมันได้ทำให้เส้นเลือดฉีกขาดซึ่งเป็นเหตุให้เกิดเลือดเสียเป็นจำนวนมาก เราจำเป็นจะต้องเอาเลือดเสียนั้นออกมาเสียก่อน”
หัวใจที่หวาดผวาของซูหลิงหยุนนั้นก็ได้ผ่อนคลายลงทันที
ถังซิ่วเองก็ได้หยุดเลือดนั้นลงพร้อมกับจับไปที่กระดูกที่หักอยู่แล้วจัดมันกลับเข้าที่พร้อมกับอัดพลังแห่งดวงดาราเข้าไปเพื่อฟื้นฟูมันไม่ว่าจะเป็นเศษกระดูกที่เล็กเท่าเม็ดข้าวเองก็ได้ถูกถังซิ่วจัดกลับไปไว้ที่เดิม
“เจ็บ…..”
เหงื่อได้ท่วมใบหน้าของซางฉีทันทีพร้อมกับใบหน้าที่บิดเบี้ยวของเธอ
มือทั้งสองข้างของถังซิ่วเองก็ถูกปกคลุมไปด้วยพลังแห่งดวงดารา แม้ว่าเขาจะรู้ว่ายายจะต้องทนกับความเจ็บปวดมากมายแต่นี่ก็เป็นวิธีที่สามารถรักษาเธอ เขาเองก็รู้สึกไม่ดีเช่นกันแต่ก็ต้องข่มมันเอาไว้เขาได้ใช้แรงน้อยลงและเริ่มนวดอย่างช้าๆ เขาได้อัดพลังแห่งดวงดาวเข้าไปทุกส่วนของบาดแผลเธอเพื่อให้มันช่วยฟื้นฟู
หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที
หน้าตาที่เจ็บปวดของซางฉีได้หายไปพร้อมกับรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าก็ค่อยๆลดลง
หลังจากผ่านไปสิบนาที
ซางฉีเองก็ได้มองไปที่ถังซิ่วด้วยความประหลาดใจเพราะว่าตอนนี้เธอรู้สึกปวดน้อยๆเท่านั้นและหากว่าไม่ได้ตั้งใจจริงก็แทบจะไม่รู้สึกเลยด้วยซ้ำ
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง
หน้าตาที่เจ็บปวดทั้งหมดของเธอได้หายไปทันทีและมันถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกสบายพร้อมกับการหายไปของความรู้สึกปวดที่น่อง เธอรู้สึกได้ว่าขาของเธออุ่นๆเหมือนกับกำลังถูกย่างด้วยไฟกลางๆ
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง
ถังซิ่วได้ปล่อยมือของเขาพร้อมกับมองไปที่คุณยายที่หลับไปแล้ว พวกคนอื่นๆเองก็ได้รับการเตือนให้เงียบเสียงพร้อมกับหยิบผ้าห่มมาห่มให้เธอพร้อมกับส่งสัญญาณให้พวกเขาออกไป
ซูหลิงหยุนที่อยู่ตรงสวนก็ได้ถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“ซิ่วน้อย แผลของยายลูกเป็นอย่างไรบ้าง ? ”
ถังซิ่วเองก็ได้ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“ผมจัดการเรียบร้อยแล้วและใช้เวลาประมาณหนึ่งอาทิตย์คุณยายก็สามารถกลับมาเดินได้อย่างปกติแล้วอย่างไรก็ตามเธอไม่สามารถขยับไปไหนได้ภายในอาทิตย์นี้ อ่อใช่ช่วยหาอะไรมาดามขาไว้ให้คุณยายด้วยจะดีมาก กระดูกจะได้สมานกัน”
ซูหลิงหยุนเองก็ได้ตอบกลับมาอย่างรวดเร็วว่า
“แม่จะไปเดี๋ยวนี้ ”
ถังซิ่วเองก็ได้พยักหน้าด้วยรอยยิ้มพร้อมกับมองไปที่ซูชางเหอ เฉินฮุยหยิงและซูเปิ่นพร้อมกับพูดว่า
“นี่มันก็ดึกมากแล้ว พวกคุณไปพักผ่อนได้แล้วหากมีอะไรจะพูดก็ไว้คุยกันพรุ่งนี้เช้า”
ซูชางเหอและคนอื่นๆเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาและไม่ได้ขยับไปไหนด้วย พวกเขาจ้องมองไปที่ถังซิ่วด้วยความผิดหวังแต่ก็ยังสงสัย
เฉินฮุยหยิงผู้ซึ่งไม่สามารถทนได้จึงได้ถามออกมาว่า
“ถังซิ่ว เธอไม่ได้โกหกพวกเรา ? ต่อให้เป็นกระดูกของเด็กก็ไม่สามารถประสานกันได้ภายในหนึ่งอาทิตย์อย่างแน่นอน เหมือนดั่งคำพูดที่ว่าหากกระดูกหัก100วันก็…….”
ถังซิ่วได้ขัดจังหวะคำพูดของเธอพร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ป้าสอง ไม่ว่าผมจะอธิบายยังไงก็คงไม่สามารถทำให้ป้าเปลี่ยนความคิดได้ เรามารอดูกัน ! ผมมั่นใจว่ามันจะต้องทำให้ป้าประหลาดใจมากอย่างแน่นอน”
ริมฝีปากของซูชางเหอเองก็ได้ขมวดไปมาแต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้พูดอะไรได้แต่ส่ายศีรษะพร้อมถอนหายใจออกมาแล้วเดินจากไป เฉินฮุยหยิงเองก็ได้ทำแบบเดียวกับเขา
ซูเปิ่นเองก็เงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะชกไปที่หน้าอกของถังซิ่วเบาๆแล้วพูดว่า
“ถังซิ่ว ฉันเชื่อนานเพราะนายเป็นเด็กฉลาดมาตั้งแต่เด็กๆแล้วยิ่งไปกว่านั้นคือนายไม่เคยโกหกแม้แต่น้อย ในเมื่อนายพูดว่าเธอจะหายเป็นปกติในหนึ่งอาทิตย์ก็แปลว่าเธอจะหายใจหนึ่งอาทิตย์”
ความรู้สึกถูกเชื่อใจ…….รู้สึกดีจริงๆ
ถังซิ่วได้ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะเอามือมาตบไปที่บ่าของซูเปิ่นแล้วพูดว่า
“ง่วงหรือยัง หากว่ายังเรามาคุยอะไรกันหน่อยไหม ?”
ซูเปิ่นเองก็ได้มองไปที่แม่ของเขาที่กำลังเดินจากไปพร้อมกับหยิบบุหรี่ขึ้นมาแล้วถามว่า
“เอาไหม ? ”
ถังซิ่วได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะยื่นมือออกไปรับบุหรี่มา ก่อนหน้านี้ตอนที่เขายังปัญญาอ่อนอยู่นั้นก็ได้ลองดื่มเหล้าและบุหรี่ซึ่งเข้าค่อนข้างติดมันพร้อมกับพูดออกมาอย่างช้าๆว่า
“พี่ชายเบ็น เรากลับไปที่เมืองสตาร์ซิตี้ด้วยกันไหม ? ”
ซูเปิ่นเองก็จ้องมองพร้อมถามออกมาด้วยความสับสนว่า
“กลับไปกับนายทำไมงั้นหรอ ?”
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ไปช่วยผมทำงาน”
ซูเปิ่นได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะส่ายศรีษะแล้วพูดว่า
“ถังซิ่ว ฉันรู้ว่านายมีความสามารถและเปิดบริษัทเป็นของตัวเองแล้วแต่นอกจากเลี้ยงสัตว์หรือทำฟามแล้วฉันก็ทำอย่างอื่นไม่เป็นเลยแล้วฉันจะไปช่วยอะไรนายได้ ช่างมันเถอะ ”
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า
“ทุกอย่างมีนสามารถเรียนรู้ได้ หากว่าพี่สามารถแบกรับความยากลำบากและตั้งใจทำงานได้ผมรับประกันเลยว่าจะทำให้พี่สุขสบาย พี่ชายคนรุ่นเรานั้นต้องก้าวไปข้างหน้าไม่ใช่ก้าวถอยหลัง ทุกๆวันดวงอาทิตย์ขึ้นและตกและชีวิตที่ต้องทำงานตั้งแต่9โมงถึง5โมงนี่ อย่าบอกนะว่าพี่ไม่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง ? ”
ซูเปิ่นกูได้ถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“จะให้ฉันไปทำอะไรงั้นหรอ ? ”
ถังซิ่วเองก็ได้พูดออกมาว่า
“เป็นหน่วยรักษาความปลอดภัย”
ซูเปิ่นเองก็ได้แสดงท่าทางผิดหวังออกมาพร้อมพูดว่า
“เป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยมันจะได้เงินเท่าไหร่กัน ? หมู่บ้านเราเองก็ได้มีคนออกไปทำงานแบบนั้นที่เซี่ยงไฮ้แล้วเหมือนกัน เดือนหนึ่งได้ค่าตอบแทนประมาณ5-6พันแต่หักค่ากินค่าใช้จ่ายประจำวันแล้วก็เหลือไม่ถึง2พันด้วยซ้ำ ”
ถังซิ่วก็ได้พูดออกมาว่า
“พวกเขาคือพวกเขา พี่ก็คือพี่ หากว่าพี่อดทนและมุ่งมั่นอย่าว่าแต่5-6พันเลย 5-6หมื่นผมก็ให้ได้ ”
ซูเปิ่นเองก็ได้ถามออกมาว่า
“หน่วยรักษาความปลอดภัยสามารถทำเงินได้ขนาดนั้นตั้งแต่ตอนไหนกัน ? ”
ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า
“มันก็ต้องดูว่าเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยของใคร เอาล่ะเราตัดสินใจเลยแล้วกันว่าพี่จะต้องกลับไปพร้อมกับผม เงินเดือน5พันพร้อมกับมีที่อยู่และอาหารเตรียมไว้ให้ หากว่าพี่สามารถทำได้ดีภายในสามเดือนนี้ผมก็จะตั้งพี่เป็นหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยพร้อมเพิ่มเงินเดือนให้อีกเท่านึง เป็นไง ? ”
“ฉันจะทำ !”
ดวงตาของซูเปิ่นเป็นประกายพร้อมกับพูดออกมาโดยไม่ลังเล
ถังซิ่วเองก็ได้ตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้มว่า
“เราเองก็โตมาด้วยกันถึงแม้ว่าพี่จะโตกว่าผมหลายปีก็ตามแต่ผมก็รู้จักนิสัยพี่ดี มันมีความลับของบริษัทอยู่บ้างและผมก็รู้สึกโล่งใจที่ให้พี่เป็นคนดูแล”
ซูเปิ่นเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“วางใจฉันได้เลย ”