**** ของแก้ไขคำว่าน้องชายเสี่ยวเจี้ยนเป็นพี่ชายเสี่ยวเจี้ยนนะครับ *****

เสี่ยวเฉินไม่ได้ขยับเขยื้อน เขาเพียงมองกลับไปยังฝูงผู้คนที่หัวเราะเยาะเขา ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ในใจ เสี่ยวเจี้ยนเดินไปอย่างช้าๆ ฝูงผู้คนเปิดทางให้เขา พวกเขาคิดว่า ครั้งนี่เสี่ยวเฉินอาจจะเปลี่ยนแปลงตัวเองก็เป็นได้ พวกเขาต่างมองไปที่เสี่ยวเฉินกันหมด

“น้องเฉิน ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมเดินมา? เจ้าจะให้พี่ใหญ่ของเจ้ารับหน้าแต่เพียงผู้เดียวรึ?” เสี่ยวเจี้ยนพูดออกมาอย่างไม่สนใจผู้ใด เขาคว้าข้อมือของเสี่ยวเฉินและพาเขาเดินไปด้านหน้าทันที

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาดึงเสี่ยวเฉินไป เขาก็พบว่าเขาไม่อาจเคลื่อนข้อมือของเสี่ยวเฉินไปไหนได้ เขาได้แต่อยู่ในสภาวะตื่นตระหนกทันที… เจ้าขยะผู้นี้มันมีพลังกำลังมหาศาลเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน? เขาจึงได้ใช้พลังไปเล็กน้อยเพื่อให้เสี่ยวเฉินขยับ..แต่ก็ไม่ขยับ

เสี่ยวเฉินกวาดมือที่ถูกจับไปทันที และเดินหนีออกไปจากเสี่ยวเจี้ยนภายใต้ผู้คน และเขาก็ตอบไปอย่างเย็นชาว่า “ไม่จำเป็นต้องให้พี่ใหญ่มาจัดการกับตัวข้า ข้าเดินไปด้วยตัวเองได้”

ทุกเสียงต่างพูดกันเจี้ยวจ้าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า เจ้าขยะผู้นี้สามารถพลิกฝ่ามือและกวาดมือออกจากเสี่ยวเจี้ยนไปได้ยังไงกัน? แม้ว่าเสี่ยวเจี้ยนจะยังไม่ได้ใช้พลังปราณเข้าควบคุม แต่ร่างกายของเขาเองก็อยู่ในจุดสูงสุดของระดับวรยุทธ์ศิษย์สำนัก(เหนือก่อเกิดวิญญาณ) ซึ่งอีกไม่นานเขาก็จะก้าวไปอยู่ในระดับปรมาจารย์แล้ว ในระดับพลังเขาอยู่สูงกว่าเสี่ยวเฉินไม่เพียงกี่ขั้นระดับ หรือว่า เจ้าขยะผู้นี้ครั้งนี้จะสร้างปาฏิหาริย์ได้จริงๆกัน?

เสี่ยวเจี้ยนซึ่งถูกสลัดข้อมือทิ้ง ก็ได้แต่มองเสี่ยวเฉินไปชั่วขณะหนึ่ง เพียงไม่นานเขาก็ตั้งสติได้ เขารู้สึกว่าเรื่องนี้จะไม่น่าเบื่ออีกต่อไปแล้ว เจ้าเสี่ยวเฉินผู้นี้ บังอาจกล้าทำให้เขาหน้าแตกต่อหน้าผู้คนมากมาย ตอนนี้เขายังทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เดินตามเสี่ยวเฉินไป เขาไม่ได้หยุดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาต้องหาทางเอาคืนกับเสี่ยวเฉินให้ได้

เสี่ยวเฉิน ผู้ที่ยืนอยู่ข้างหน้าหินทดสอบพลัง เขามีความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย เห็นได้ชัดว่า ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนในระดับการบ่มเพาะพลัง เขาก็ไม่มีทางหนีพ้นจากการทดสอบนี้ แถมครั้งนี้เขาอาจจะโดนเยาะเย้ยอีกครั้ง เพียงไม่นานนัก ความคิดของเขาก็สงบลง

เสี่ยวเฉียน เหยียดมือขวาออกไปที่หินทดสอบพลัง เขาถ่ายทอดพลังจากร่ายไปยังหิน โดยเริ่มจากจุดที่พลังวิญญาณไหลผ่าน นั้นคือจุดตันเทียน เขาปล่อยให้เส้นพลังลมปราณไหลผ่านไป ไหลผ่านไปยังเจ้าหินก้อนนี่ ภายใต้ฝ่ามือของเขาก็เริ่มเปลี่ยนสี จากสีขาวบริสุทธ์ตอนนี้กลายเป็นสีแดงจางๆแล้ว..

ในช่วงเวลาสั้นๆ เสี่ยวเฉินก็เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อมากมาย หินก้อนนี่ดูเหมือนมันจะมีการกินพลังวิญญาณจากร่างของเขาเมื่อไหลไปกระทบกับมัน อย่างไรก็ตาม สีของเจ้าหินพลังเวทย์มันก็ยังเป็นสีแดงจางๆไม่เปลี่ยนแปลงไป

“เสี่ยวเฉินพลังระดับก่อวิญญาณระดับ 9 ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด” ผู้อาวุโสลำดับหนึ่งที่อยู่หลังหินก้อนนี่ เสี่ยวเฉียงกล่าวอย่างไร้อารมณ์

เสี่ยวเฉินส่ายหัวก่อนที่จะดึงมือขวาและเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก พวกลูกศิษย์ลูกหาของตระกูลเสี่ยวต่างก็หายใจด้วยความโล่งอก เพราะเจ้าขยะผู้นี้มันก็ยังเป็นขยะ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ระดับพลังของเขาก็ยังอยู่ที่ระดับ 9 เหมือนเดิม

เสี่ยวเจี้ยนเมื่อได้หินภาพดังนั้น เขาจึงหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา อันที่จริงแทบตกใจกับสิ่งที่เขาได้ทำกับเสี่ยวเฉิน เขานึกว่า เสี่ยวเฉินจะเปลี่ยนไปและจะสร้างปัญหาให้แก่เขา แต่กลับว่า นั้นเป็นสิ่งที่เขาคิดไปเองทั้งสิ้น

“น้องเฉินพรสวรรค์ของเจ้านับว่าผิดปกติยิ่งนัก การบ่มเพาะพลังตั้ง 8 ปีแล้ว เจ้าก็ยังอยู่แค่ระดับ 9 ของขั้นก่อเกิดวิญญาณ ตระกูลเสี่ยวล้วนแล้วแต่มีผู้ที่เป็นเจ้าคนนายคน แต่กับเจ้านี่ช่าง ฮ่ะฮ่ะ!!”

เหล่าลูกศิษย์ลูกหาตระกูลเสี่ยวที่อยู่ในห้องโถงต่างหัวเราะกันเสียงดัง ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งที่อยู่ด้านหลังหินทดสอบพลังเวทย์ได้แต่มีอารมณ์ขุ่นเคือง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร..เขารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เสี่ยวเจี้ยนเองก็มีพรสวรรค์เขาฝึกฝนอย่างหนักในการบ่มเพาะพลัง แต่กับเขาแล้วไม่น่าเห็นอกเห็นใจท่าไหร่นัก เขาไม่แน่ใจว่าเด็กคนนี้ เสี่ยวเฉินผู้นี้จะอยู่รอดได้ตามสัญญาสิบปีที่จะเกิดขึ้นในครึ่งปีต่อมาได้หรือไม่…

เสี่ยวเฉียนเขาเงียบและชาชิน ปกติแล้วพี่ชาย ควรจะปลอบน้อง แต่นี่กลับทับถ่มใส่ การมีพี่น้องแบบนี้ อย่าให้มียังจะดีกว่า!

เสี่ยวเจี้ยนยื่นมืออกมาและตบไปที่หน้าอกของเสี่ยวเฉิน และยิ้มอย่างเยาะเย้ยว่า “น้องเฉิน อย่าได้ท้อแท้ไป พยายามไปเรื่อยๆ อีกไม่นานเจ้าก็จะก้าวหน้าขึ้นได้ เอางี้ๆถ้าหากเจ้าคุกเข่าต่อหน้าข้า ขอให้ข้าช่วยเจ้า ข้าอาจจะยอมช่วยเจ้าก็ได้นะ?”

เสี่ยวเจี้ยนขับพลังไปยังเสี่ยวเฉินในช่วงตบเบาๆ ความแรงของพลังนั้น ส่งผลให้เสี่ยวเฉินบานเจ็บ แน่นอนว่า การทำเช่นนี้ เป็นเพราะว่าตอนแรกเขาถูกทำให้ขายหน้า เขาไม่ยอมปล่อยมันผ่านไปง่ายๆหรอก

เสี่ยวเฉินคุกเข่าอยู่บนพื้น เข่าหนึ่งข้างคุกเข่าลงไปอีกข้างไม่ หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ หลังจากที่เสี่ยวเจี้ยนปล่อยพลังปราณเข้าไป และกดบนหัวไหล่ของเขา ทำให้เขาไม่อาจต้านทานเสี่ยวเจี้ยนได้เลย

เสียงเยาะเย้ยจากผู้คนก็ดังมาเรื่อยๆ “นายน้อยเฉิน บางทีท่านอาจจะมีการบ่มเพาะพลังที่ลึกลับและโดดเด่นแต่ท่านคงไม่อยากโชว์กระมั้งนั้น!”

“นายน้อยเฉิน สุดท้ายก็เป็นนายน้อยเฉิน แม้กระทั้งคุกเข่า ก็ยังสง่างามเสียจริงๆ”

เสี่ยวเฉินปิดตาทั้งสองข้าง เขากำหมัดแน่น ทำให้เล็บของเขาจิกเข้าไปในเนื้อ เลือดค่อยๆไหลหยดออก มันคือความคับแค้นที่เขามี

ความคับแค้นที่เขาสะสมเอาไว้!

เขาจะไม่ให้มันเป็นเช่นนี้แน่!

ความแค้นที่รุนแรง เกิดขึ้นจากภายในเสี้ยวลึกในจิตใจ หัวใจของเขาเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เขาจะไม่ยอมแพ้! หากจะยอมแพ้มันก็ต้องเป็นเจ้า?! นั้นคือสิ่งที่เสี่ยวเฉินพูดพึมพำใส่ ความไม่พอใจเกิดขึ้นเต็มไปหมด จิตวิญญาณของเขาที่สะสมมาแปดปี มันบัดซบสิ้นดี!!

ไม่มีใครชอบยอมเป็นขยะหรอก! ไม่มีใครสามารถทนต่อการเยาะเย้ยและความอับอายขายขี้หน้าจากผู้อื่นได้! ไม่มีใครยอมให้พวกนั้นดูถูกได้ตลอดชีวิตหรอก!

เจ้าเป็นเสี่ยวเฉิน! ข้าก็คือเสี่ยวเฉินเหมือนกัน ข้าอยู่ในสถานที่ของเจ้าเพื่อทำให้ความอัปยศอดสูแปดปีของเจ้า ข้าจะทำให้พวกมันเสียใจที่เยาะเย้ยแต่พวกข้า!

เสี่วเฉิดเปิดตาขึ้นด้วยความเร็ว! รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูใสตอนนี้ สายตาของเขาเฉียบคมขึ้น ข้าเสี่ยวเฉินจะไม่ขอเป็นขยะไปชั่วชีวิต!

เขาผลักตัวลงและกลิ้งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วก่อนที่จะยืนไปอยู่ด้านหลังหินเวทย์ เขามองไปที่เสี่ยวเจี้ยนด้วยสายตาที่เย็นชา เสี่ยวเจี่ยนและคนอื่นๆมองไปที่เสี่ยวเฉินต่างก็หัวเราะเยาะ พวกเขาผ่อนคลายความรู้สึกตัวเองทันที ที่ไม่ต้องมากดดันถ้าหากว่าเสี่ยวเฉินแข็งแกร่งกว่าเขา

ชิ้นส่วนของผ้าที่ขาดล่องลอยหลุดออกมาและไปโดนใบหน้าของเขา มันหลุดออกมาจากแขนของเสี่ยวเฉิน ผู้ที่ฉีกเสื้อผ้านั้นทิ้งนั้นคือเสี่ยวเฉิน

“ดี! ดีจริงๆ! ข้าขอท้าเจ้าสู้ด้วยชีวิตและความตาย เจ็ดวันให้หลัง ต่อจากนี้เจ้าจะไม่ใช่พี่ชายของข้าและเจ้าไม่มีวันเป็นอีกตลอดไป!”

เสี่ยวเฉินพูดด้วยเสียงที่เย็นชาใส่เสี่ยวเจี้ยน คำพูดของเขาหนักแน่น มันดูเหมือนมาจากขุมนรกชั้นเก้าเลยทีเดียว