คนต่อไปที่จะต้องเข้าไปวัดพละกำลังในสนามต่อสู้คือจางลั่วเฉิน

 

“น้องเก้า เจ้าต้องระวังนะ อย่าให้โดนหินใหญ่ทับเอวขาด ” องค์ชายแปดที่ยืนอีกด้าน ยิ้มเย้ยในดวงตาแล้วกล่าวขึ้น

 

ด้านนอกของสนามฝึกตระกูลฮวาง มีจอมยุทธ์คนหนึ่งเยาะเย้ยขึ้นว่า “องค์ชายเก้าเข้าร่วมการสอบปลายปี นั่นคือการหาเรื่องให้ตัวเองอับอาย เวลาสามเดือนสั้นเกินไป ยากจะผลัดกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็ดให้สำเร็จได้ และการจะยกหินหนักหนึ่งร้อยชั่ง แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”

 

“องค์หญิงน้อยอายุแค่ 6 ปี ก็สามารถยกหินหนักหนึ่งร้อยชั่งได้แล้ว ตอนนี้องค์ชายเก้าอายุสิบหกปี ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขาคงจะยกหินไม่ขึ้น นี่ถึงจะเรียกว่าเป็นขายหน้าจริง ๆ!”

 

“ถ้าจะต้องออกมาแล้วขายหน้า เขาไม่สมควรจะมาเข้าร่วมการสอบปลายปีนี้”

 

จางลั่วเฉินไม่ได้สนใจเสียงวิจารณ์พวกนั้นแม้แต่น้อย แววตาฉายแววสงบนิ่ง แล้วเดินอย่างไม่ลังเลในใจอะไรไปยังสนามฝึก

 

ตอนที่จางลั่วเฉินเดินขึ้นไป นั่นคือตอนที่หลินหนิ่งซานเดินลงมา !

 

ระยะห่างแค่ห้าก้าว ทั้งสองคนหยุดฝีเท้าลง แล้วจ้องไปยังอีกฝ่าย ?

 

หลินหนิ่งซานมองลึกไปที่จางลั่วเฉิน ถอนหายใจพลางส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “พี่ชาย ท่านไม่ควรเข้าร่วมการสอบปลายปี จากความสามารถของท่านแล้ว ถึงจะสามารถผลัดกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็นได้สำเร็จ ก็คงไม่สามารถยกหินหนักหนึ่งร้อยชั่งได้ ท่านทำแบบนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้ตัวเองดูแย่ สนมหลินกับตระกูลฮวางเองก็พลอยแย่ไปด้วย แล้วจะทำไปทำไม ? ”

 

จางลั่วเฉินขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “น้องหนิ่งซาน เจ้าโดดเด่นมาก เป็นเพราะสวรรค์ก็ไม่เลว แต่ก็ไม่ต้องมองคนอื่นแบบไร้คุณค่าขนาดนั้นก็ได้ ! ”

 

หลินหนิ่งซานมองไปที่จางลั่วเฉิน ในดวงตาฉายแววผิดหวังแล้วกล่าวว่า “ทำไมท่านไม่ฟังคำเตือนบ้าง สำหรับท่านแล้ว ใช้ชีวิตธรรมดา ถึงจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ทำไมต้องไปฝึกยุทธ์ ท่านไม่เหมาะกับการจะมาสายนี้เลยแม้แต่น้อย!”

 

เดิมที เห็นแก่ที่จางลั่วเฉินเป็นเพื่อนสมัยเด็ก นางถึงได้เตือนไม่ให้จางลั่วเฉินออกไปหาเรื่องให้ตัวเองขายขี้หน้า !

 

แต่ว่าจางลั่วเฉินนั้นดื้นเกินไป ไม่ยอมมองซะบ้างถึงความสามารถตัวเองนั่นเป็นยังไง ?

 

สำหรับคนประเภทที่ไม่รู้กำลังตัวเองแล้วยังไม่ฟังคำเตือนของคนอื่นแบบนี้ หนิ่งหนิ่งซานก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก แค่รู้สึกว่าจางลั่วเฉินโง่มากเท่านั้นเอง

 

“ท่านดูแลตัวเองแล้วกัน!”หลินหนิ่งซานเชิดหน้าขึ้น แล้วเดินออกไปด้านนอกสนาม

 

ทั้งสองคน เดินผ่านไหล่กัน

 

หลินหนิ่งซานเดินออกไปนอกสนาม ได้รับคำชมและการยอมรับมากมายจากจอมยุทธ์หนุ่มสาว เหมือนเดือนล้อมดาวอย่างนั้น ล้อมนางเอาไว้ตรงกลาง

 

อายุสิบห้าปี ก็สามารถยกหินหนักหนึ่งพันชั่งได้แล้ว แล้วยังสามารถโยนหินไปได้ไกลถึงสิบห้าเมตร กำลังขนาดนี้ ทำให้จอมยุทธ์มากมายในสนามที่อายุมากกว่านางรู้สึกละอาย

 

นากจากนี้นางยังหน้าตาสะสวย เป็นถึงหนึ่งในสี่สาวงามของประเทศอวินอู่จวิน นางถูกกำหนดมาให้เป็นสาวน้อยที่ดึงดูดสายตาของคนมากมาย

 

“ยินดีด้วยผู้นำหลิน ตระกูลหลินมีอัจฉริยะอีกคนแล้ว จากพรสวรรค์ของคุณหนูหลิน ในบรรดาคนรุ่นนี้ของทั้งประเทศอวินอู่จวิน คงมีแค่ไม่กี่คนที่จะสามารถเทียบกับนางได้” จอมยุทธ์คนหนึ่งที่มีชื่อเสียงของเมืองหวางกล่าวขึ้น

 

ผู้นำตระกูลหวางยิ้มแล้วกล่าวว่า“ได้ยินมาว่า คุณหนูหลินจะแต่งงานกับองค์ชายเจ็ด ผู้ชายเก่งผู้หญิงสวย เหมาะสมกันจริงๆ!”

 

หลินเฟิ่งเซียนได้ยินที่ผู้คนชมเชย ฟังแล้วสบายใจมีความสุขมาก

 

แน่นอนว่า ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่มองไปยังจางลั่วเฉินที่ยืนอยู่กลางสนาม สีหน้าของคนส่วนมากล้วนเต็มไปด้วยรอยยิ้มหยอกล้อ

 

ตระกูลที่พอจะไปมาหาสู่กับตระกูลหวาง ค่อนข้างรู้เรื่ององค์ชายเก้าที่มีร่างกายอ่อนแอ

 

องค์ชายเจ็ดที่มีพระสวรรค์สูงมากกับองค์ชายเก้าที่เป็นเหมือนขยะ พวกเขาเหมือนอย่างกับคนสองระดับ ทำให้คนไม่อยากจะเชื่อว่าพวกเขานั้นเป็นโอรสของอ๋องอวินอู่จวิน ความแตกต่างของทั้งสองคนมีมากเกินไป คนนึงเป็นมังกร อีกคนนึงเป็นหนอน

 

การที่องค์ชายเก้าเข้าร่วมการสอบปลายปีนี้ ในสายตาคนส่วนใหญ่แล้ว ก็เหมือนกับเรื่องตลก

 

แน่นอนว่า ฉินหย่าที่นั่งอยู่ด้านนอกกลับไม่ได้คิดแบบนี้ พอเห็นจางลั่วเฉินเดินเข้ามาที่สนาม นางรู้สึกตื่เต้นเป็นอย่างมาก นางใช้ดวงตาสวย ๆ ทั้งสองมองอย่างไม่กระพริบ

 

“ทำให้ข้ารอคอยจริง ๆ!”มุมปากของนางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างมีเสน่ห์

 

ภายใต้สายตาของทุกคน จางลั่วเฉินเดินไปยังหินก้อนแรก แล้วหยุดเดิน !

 

ตอนนั้นเอง ด้านนอกสนาม มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมา

 

อายุสิบหกปีแล้ว กลับเลือกวัดกำลังตัวเองกับหินก้อนแรก ยังมีเรื่องที่น่าหัวเราะมากกว่านี้อีกมั๊ยฮ่า ๆ

 

นอกจากองค์ชายแปดที่มีหน้าแสดงรอยยิ้มเยอะ ๆ ออกมานั้น องค์ชายและองค์หญิงคนอื่น ๆ พลันแสดงสีหน้าแข็งทื่อมาทันที พวกเขารู้สึกว่า จางลั่วเฉินกำลังทำให้ตระกูลฮวางขายหน้า แล้วทำให้พวกเขาขายหน้าไปด้วย

 

จางลั่วเฉินหยุดที่ก้อนหินก้อนแรกชั่วระยะ แล้วเดินต่อไปยังหินก้อนที่สอง แล้วเดินต่อไปยังหินก้อนที่สาม….

 

“เขากำลังทำอะไร”ทุกคนแสดงออกถึงความไม่เข้าใจ

 

จางลั่วเฉินเดินมาถึงหน้าก้อนหินก้อนที่สิบ แล้วหยุดฝีเท้าลง

 

“อะไร ? เขาอยากยกหินก้อนที่สิบ ช่างไม่รู้จักดูกำลังตัวเองเอาซะเลย! ถ้าหากว่าข้าจำไม่ผิด เขาพึ่งจะเปิดผนึกอีกษรสวรรค์ได้เมื่อสามเดือนก่อนนี่ ? ”

 

องค์ชายแปดร้องฮึ่มเสียงเย็นชาแล้วกล่าวว่า “จากพรสวรรค์ของเขา ต่อให้ฝึกฝนอีกสามสิบปี ก็คงไม่สามารยกหินหนักหนึ่งพันชั่งได้หรอก ช่างโง่เง่า!”

 

หลินหนิ่งซานเองก็จ้องไปที่จางลั่วเฉินที่ยินอยู่หน้าหินก้อนที่สิบ แล้วส่ายหน้าเบาๆ

 

ในตอนที่ทุกคนจ้องมองไปที่จางลั่วเฉิน

 

 

“ตูม!”

 

เท้าของจางลั่วเฉินเหยียบไปที่พื้นดิน ลมปราณล้นทะลักขึ้นมาจากเท้าไปยังพื้นดิน คลื่นลมปราณ มีเท้าของเขาเป็นศูนย์กลาง แล้วแผ่ออกไปโดยรอบ

 

ภายใต้การสั่นสะเทือนของลมปราณ หินหนักพันชั่งก้อนนั้น ก็ลอยขึ้นสูงกว่าหนึ่งเมตร !

 

จางลั่วเฉินยื่นมือออกไปข้างนึ่ง ท่วงท่าล่องลอยคล้ายเมฆคล้ายกระแสน้ำ แล้วรับก้อนหินใหญ่สูงสามเมตรไว้ เขาใช้นิ้วทั้งห้าเป็นตัวรับน้ำหนัก เหมือบกับกำลังยกจานหนึ่งใบ แล้วยกหินขึ้นไว้เหนือหัวอย่างสบาย ๆ

 

เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งสนามเงียบกริบทันที หลายคนลืมแม้แต่กระทั่งหายใจ !

 

ร่างกายของจางลั่วเฉินเหยียดตรง เหมือนกับกิ่งไม้ ยกหินหนังพันชั่งไว้ ราวกับว่าหินนั้นไม่มีน้ำหนักเลยแม้แต่น้อย เขาถือแบบสบาย ๆ

 

“นี่…เป็นไปได้ยังไง” สีหน้าขององค์ชายแปดเปลี่ยนเป็นซีดเผือก ริมฝีปากสั่นเทา

 

บรรดาองค์หญิงองค์ชายต่างตกตะลึง ในหัวกลายเป็นสีขาว ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่ยืนอยู่กลางสนามนั่นคือองค์ชายเก้า !

 

และในตอนที่คนยังตกตะลึงกันอยู่นั้น จางลั่วเฉินก็ตีไปที่ใต้ก้อนหิน

 

“ตูม!”

 

หินหนักพันชั่งถูกตีลอยสูงขึ้นมาถึงห้าเมตร !

 

จากนั้น หินนั้นก็ตกลงมาอย่างรวดเร็ว

 

ด้วยที่แรงหินตกลงมานั้นบวกกับน้ำหนักของก้อนหิน น้ำหนักตอนนี้มากเกินกว่าหนึ่งพันชั่ง !

 

แต่ว่า จางลั่วเฉินกลับรับก้อนหินนั้นไว้อย่างมั่นคงอีกครั้ง จากนั้น เขาใช้มือข้างเดียวยันหินไว้ แล้วค่อย ๆ วางลงที่พื้นอย่างช้า ๆ เบา ๆ และมั่นคง

 

“ตูม!”

 

ทั้งสนามฝึกราวกับสนามแตก!

 

ทุกคนแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเองกับภาพที่เห็นอยู่ตอนนี้ ฝีมือที่จางลั่วเฉินแสดงออกมาเมื่อกี้ แสดงให้เห็นถึงกำลังที่มากกว่าหลินหนิ่งซานอย่างเห็นได้ชัด และยังสร้างความตื่นตะลึงให้กับทุกคน

 

เขาพึ่งจะอายุสิบหก ซ้ำยัง พึ่งจะเปิดผนึกอักษรสวรรค์ได้เมื่อสามเดือนก่อน

 

นี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่กลับปารกฏขึ้นตรงหน้าทุกคน !

 

(จบแล้วครับ)

 

สามาอ่านก่อนใครได้ที่เพจ BOXKINGS หรือเพจหลัก WGSD  เทพจักรพรรดินิรันดร์กาล – จีนแปลไทย  ฝากกดไลค์เพจกันด้วยนะครับ