เมื่อเห็นอ๋องอวินอู่จวินไม่ได้ทำโทษจางลั่วเฉิน กลับลงโทษสนมเซียว สนมหลินถอนหายใจออกมายาว ๆ แล้วรีบดึงจางลั่วเฉินไปอีกทาง
สนมหลินรู้สึกไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ พลางกล่าวว่า“ลูกเฉิน ลูกกลายเป็นจอมยุทธ์ที่แท้จริงแล้วจริงๆหรือ”
“ถูกแล้ว!”จางลั่วเฉินพยักหน้า ไม่ได้ปิดบังอีก
“ลูกพึ่งจะเป็นจอมยุทธ์ ไปร่วมการสอบปลายปี ถ้าเป็นอันตรายจะทำยังไง”สนมหลินพูดอย่างเป็นกังวล
จางลั่วเฉินกล่าว“ถึงแม้จะไม่ทำอะไร จะไม่เป็นอันตรายหรือ ท่านแม่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วง เมื่อข้าคิดจะทำ ข้าก็จะต้องทำให้สำเร็จ ! ”
มีแค่คนที่อายุต่ำกว่ายี่สิบปี ถึงจะสามารถเข้าร่วมการสอบปลายปีได้
อ๋องอวินอู่จวินมีโอรสทั้งหมดเก้าองค์ องค์หญิงทั้งหมดสิบสามองค์
อายุของ องค์ชายห้า องค์ชายหก องค์ชายเจ็ด องค์ชายแปด องค์ชายเก้า ยังต่ำกว่ายี่สิบปี นากจากองค์ชายเจ็ดที่ไม่ได้อยู่ในเมืองหวาง องค์ชายที่เหลืออีกสี่องค์ล้วนเข้าร่วมการสอบปลายปีนี้ทั้งสิ้น
นากจากองค์ชายและพระญาติสายตรง พวกตระกูลพระญาติต่างก็เลือกคนในตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดสามคนมาเข้าร่วมการสอบปลายปีด้วย อย่างเช่น ตระกูลหลิน
พระญาติเหล่านั้นต่างก็มากันแล้ว รวมตัวกันอยู่ด้านนอกสนามฝึกตระกูลฮวาง พวกเขารวมกันอยู่เป็นกลุ่ม
ในเมืองหวาง บุคคลสำคัญๆ อย่างเช่น จอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งขั้นปฐพี อาทิเช่น ผู้นำพรรคต่าง ๆ ผู้นำตระกูลใหญ่ ๆ ก็ล้วนได้รับจดหมายเชิญ ให้มาชมที่สนามฝึกตระกูลฮวางด้วย !
“เถ้าแก่เนียะ ปีที่แล้วหอชิงซ่วนก็ได้รับจดหมายเชิญจากตระกูลฮวาง แต่ท่านก็ไม่เคยมา ปีนี้ ทำไมตัดสินใจมาชม” ม่อฮั่นหลินเดินตามหลังฉินหย่า ถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ ?
ถึงจะเป็นฤดูหนาว แต่ฉินหย่าก็ใส่ชุดคลุมยาวสีแดง เห็นแขนสีขาวทั้งสองข้าง เซ๊กซี่มาก เหมือนกับว่านางไม่รู้สึกถึงความหนาว
ดวงตาของฉินหย่าแฝงไปด้วยรอยยิ้มเย้ายวน ปากแดงระเรื่อ กล่าวว่า “ข้าเจอคนน่าสนใจ ก็เลยอยากรู้จักเขามากขึ้นอีกหน่อย”
“เถ้าแก่เนียะพูดถึงองค์ชายเก้าหรือ”ม่อฮั่นหลินกล่าว
“ฮ่าฮ่า!นอกจากเขา ยังมีคนอื่นอีกหรือ ? ”ฉินหย่ายิ้มแล้วพูดขึ้น
สองเดือนก่อนหน้านี้ พอจางลั่วเฉินไปที่หอชิงซ่วนแล้ว ฉินหย่าก็เจาะจงส่งคนไปสืบเรื่องเขาโดยเฉพาะ
ที่ทำให้ฉินหย่าตกใจก็คือ ชายหนุ่มที่ดูมีความมุ่งมั่นปณิธานสูงคนนั้น ตลอดเวลาสิบหกปีที่ผ่านมา ไม่สามารถเปิดผนึกอักษรสวรรค์ได้ เป็นแค่คนธรรมดาคนนึง ซ้ำยัง ร่างกายอ่อนแอมาก ต้องนอนอยู่บนเตียงบ่อยครั้ง !
กระทั่งว่า นางยังสืบเจอสภาพที่น่าเศร้าของจางลั่วเฉินตอนอยู่ในวัง เรื่องบุญคุณความแค้นของสนมหลินกับตระกูลหลิน เป็นต้น !
แต่ว่า ชายหนุ่มแบบนี้ กลับจ่ายเงินถึงหนึ่งแสนเหรียญเงินเพื่อซื้อยาและอาวุธวิเศษสองชิ้นไปจากหอชิงซ่วน
เขาเอาเงินจำนวนมากมาจากที่ไหน
ในตัวของเขายังมีความลับอะไรอีก ?
ฉินหย่ามองว่า องค์ชายเก้าที่ถูกคนส่วนใหญ่ดูถูกนั้น เต็มไปด้วยปริศนาไปทั้งตัว ทำให้นางมองไม่ออก
ภายใต้ความอยากรู้อยากเห็น ผลักดันให้นางตัดสอนใจมาร่วมชมการสอบปลายปีด้วยตัวเอง เพื่อมาดูว่าในตัวของจางลั่วเฉินยังมีความลับอะไรซ่อนอยู่อีก ?
“เถ้าแก่เนียะ ท่านก็มาที่สนามฝึกตระกูลฮวาง เหนือความคาดหมายจริงๆ”หลินเฟิ่งเซียนมองเห็นฉินหย่าที่ใส่ชุดคลุมยาวสีแดงได้จากที่ไกลๆ แล้วเดินเข้ามาทักทาย
ในสายตาของหลินเฟิ่งเซียน ฉินหย่าเองก็เป็นผู้หญิงลึกลับ
เขาเพียงแค่เคยเห็นฉินหย่าจากที่ไกลๆครั้งนึง ไม่นับว่าเป็นคนคุ้นเคย แต่เขารู้ว่าอีกฝ่ายมีทรัพย์สินในมือมาก สามารถกระทบถึงเศรษฐกิจของเมืองหวางได้เลย นางจะต้องไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาแน่นอน
ได้ยินมาว่า ในเมืองอู่ ถ้ามีผู้ดูแลสิบคนก็จะมีห้าคนที่เป็นคนของนาง
เพียงแต่ว่า เถ้าแก่เนียะเป็นคนที่มีชื่อเสียงที่หาตัวได้ยาก ถึงแม้จะเป็นผู้นำตระกูลใหญ่ถ้าอยากจะพบนางนั้นยังยากเลย
ถ้าหากสามารถผูกมิตรกับนางได้ สำหรับตระกูลหลินแล้ว มีแต่ประโยชน์ ไม่มีเสียประโยชน์
ฉินหย่ามองไปทางหลินเฟิ่งเซียน กระพริบตาแล้วกล่าวว่า“ท่านคือ”
ม่อฮั่นหลินพูดสียงเบาว่า“เถ้าแก่เนียะ เขาคือผู้นำตระกูลหลิน หลินเฟิ่งเซียน”
“ตระกูลหลิน อ้อ!เป็นท่านนี่เอง!”ตาของฉินหย่าเป็นประกาย แล้วปรากฎรอยยิ้มบนสีหน้า พลางกล่าวว่า “ที่คือผู้นำตระกูลหลิน เสียมารยาทแล้ว เสียมารยาทแล้ว!”
หลินเฟิ่งเซียนคิดไม่ถึงว่าฉินหย่าจะเป็นผู้หญิงที่คุยด้วยง่ายอย่างนี้ เขายิ้มแล้วกล่าวว่า“สองปีก่อน ตอนที่ข้าไปซื้อยาชุดใหญ่ที่หอชิงซ่วน เคยพบเถ้าแก่เนียะมาก่อน น่าเสียดายว่าตอนนั้นเถ้าแก่เนียะมีธุระด่วนต้องรีบออกไปข้างนอก ข้าจึงได้แต่เห็นแก่เนียะไกล ๆ ผ่านไปสองปี เถ้าแก่เนียะยิ่งสวยขึ้นกว่าเดิม!”
“สองปีก่อน…”
ฉินหย่าจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แต่ว่า บนฝนหน้ายังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
นางมองไปยังจอมยุทธ์ตระกูลหลินที่อยู่ด้านหลังหลินเฟิ่งเซียน แล้วจ้องไปยังหลินหนิ่งซาน พลางกล่าวว่า“นี่น่าจะเป็นคุณหนูสองของตระกูลหลิน เป็นสาวน้อยที่สวยจริงๆ จนทำให้ข้าอดรู้สึด้อยค่าไม่ได้ ! ”
หลินหนิ่งซานยืนอยู่ด้านหลังหลินเฟิ่งเซียน ใส่ชุดสีขาวราวกับหิมะ ผมพลิ้วไสว รูปร่างเล็กบาง ผิวเนียนละเอียด หน้าตาสะสวย รวม ๆ แล้วเรียกได้ว่าตรงตามมาตรฐานของผู้หญิงสวย
แต่ถ้าพูดว่าหน้าตาของเถ้าแก่เนียะสู้นางไม่ได้ มันก็ไม่ใช่แบบนั้น
พูดได้แค่ว่า แต่ละคนก็มีบุคลิกต่างกันเสียมากกว่า
“เถ้าแก่เนียะ ท่านรู้จักลูกสาวข้าหรือ”หลินเฟิ่งเซียนถามอย่างแปลกใจ
ฉินหย่าไม่รู้จักหลินหนิ่งซานอยู่แล้ว แต่ว่าตอนที่นางสืบเรื่องของจางลั่วเฉิน ในนั้น แม่นางหลินคนสวยเป็นหนึ่งในคนที่มีผลกระทบต่อจางลั่วเฉินมากที่สุด
ดังนั้น นางจึงจำชื่อหลินหนิ่งซานชื่อนี้ได้ไปด้วย
ฉินหย่ายิ้มแล้วกล่าวว่า“หนึ่งในสี่ของสาวงามประเทศอวินอู่จวิน ข้าเองก็เคยได้ยินมาบ้างว่า แม้แต่คนที่ฐานะสูงส่งอย่างองค์ชายเก้ายังตามจีบแม่นางหลิน ทำให้คนอิจฉาจริง ๆ!”
จอมยุทธ์ที่อายุประมาณ 16 ปี หรือ 17 ปี ของตระกูลหลิน หัวเราะเย็น ๆ แล้วกล่าวขึ้น “องค์ชายเก้าชอบอยู่ฝ่ายเดียว จากความสามารถของเขา ต่อให้ฝึกฝนอีกหนึ่งร้อยปี ก็เทียบกับน้องซานไม่ได้หรอก”
จอมยุทธ์อีกคนที่อายุมากกว่าอีกหน่อย ยิ้มแล้วกล่าวว่า “พอจบการสอบปลายปี น้องซานก็จะแต่งงานกับองค์ชายเจ็ด องค์ชายเก้าก็เป็นได้แค่คางคกที่อยากกินเนื้อหงส์ ไม่เพียงแต่โง่ ซ้ำยังน่าขำอีก”
จอมยุทธ์ตระกูลหลินทั้งสองคน มีชื่อว่า หลินเฉิงอู่ และ หลินเทียนอู่
หลินหนิ่งซาน หลินเฉิงอู่ หลินเทียนอู่ คือคนหนุ่มสาวที่เก่งที่สุดที่ได้รับการคัดเลือกมาจากตระกูลหลิน เป็นตัวแทนตระกูลหลิน เพื่อเข้าร่วมการสอบหลายปี
ฉินหย่าลูบไปที่ใต้คางขาว เหมือนกับพบความลับอะไรที่น่าเหลือเชื่อ แล้วกล่าวว่า“ที่แท้แม่นางหลินจะแต่งงานกับองค์ชายเจ็ด นับเป็นเรื่องที่น่ายินดี ถ้าหากมีข่าวออกไป เกรงว่าผู้หญิงทั้งเมืองหวางคงจะอิจฉาตาร้อนกันหมดเป็นแน่!”
หลินหนิ่งซานเม้มปากเบา ๆ ในแววตา แสดงออกถึงความยินดี ถึงยังไง การได้แต่งงานกับองค์ชายเจ็ด ก็เป็นความฝันของผู้หญิงทั้งประเทศอวินอู่จวินอยู่แล้ว
ตอนนี้นางห่างกับความฝันนั้นแค่เอื้อมเท่านั้น!
การสอบปลายปี แบ่งเป็นการสอบข้อเขียนและการสอบการต่อสู้
การสอบข้อเขียนไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าไหร่
ถึงแม้ว่าจะสอบข้อเขียนได้ที่หนึ่ง ก็คงได้แต่คำชมไม่กี่ประโยค มีแต่ต้องแสดงออกมาให้ได้ดี ตอนที่สอบการต่อสู้เท่านั้น ถึงจะสามารถได้รับรางวัลใหญ่จากตระกูลหวาง
การสอบต่อสู้เริ่มต้นแล้ว!
การสอบต่อสู้รอบแรก ทดสอบพละกำลัง
ในสนามต่อสู้นั้น วางหินขนาดเล็กใหญ่สีดำมากมาย มีระดับความหนักทั้งหมดสิบระดับ
หินก้อนที่เล็กที่สุด ความสูงแค่ครึ่งเมตร น้ำหนัก 100 ชั่ง!
หินก้อนที่ใหญ่ที่สุด ความสูงถึงสามเมตร น้ำหนัก 1000 ชั่ง!
เรียงตามลำดับน้ำหนัก จากน้อยสุดไปมากสุด ไปวัดพละกำลังของตัวเอง
องค์หญิงน้อยจางอวี่หลินเป็นคนแรกที่ก้าวขึ้นมาบนสนาม วันนี้ นางพึ่งจะอายุได้หกปีเท่านั้น สูงประมาณหนึ่งเมตร หน้าตาละเอียดน่ารัก
“ว้าว!”
องค์หญิงน้อยเดินไปข้าง ๆ ก้อนหินสีดำที่มีความสูงครึ่งเมตรนั้น แล้วหยุดฝีเท้าลง จากนั้นโคจรลมปราณภายในร่างกายไปตามชีพจร มือทั้งสองเกี่ยวไปที่ก้อนหินเห็นได้ชัดว่าค่อนข้างลำบาก สุดท้ายก็สามารถยกก้อนหินก้อนนั้นขึ้นมาได้
“โครม!”
นางพยายามเต็มที่ที่จะโยนก้อนหินออกไป ก้อนหินไปตกที่หนึ่งเมตร
องค์หญิงน้อยมีท่าทีผิดหวัง แล้วเบนสายตาไปยังก้อนหินก้อนที่สอง
ก้อนหินก้อนที่สองมีน้ำหนักมากถึงสองร้อยชั่ง องค์หญิงน้อยใช้กำลังทั้งหมดในร่างกายแต่ก็ไม่สามารถยกก้อนหินขึ้นมาได้ สุดท้ายจึงได้แต่ยอมแพ้ แล้วถอยกลับลงไป
“องค์หญิงน้อย สามารถเปิดผลึกอักษรสวรรค์ได้ตั้งแต่อายุสี่ปี ตอนนี้ยังสามารถยกหินหนักถึงหนึ่งร้อยชั่งได้ เก่งจริง ๆ อนาคตจะต้องเป็นหญิงสาวที่เก่งกาจมากแน่ ๆ ”
อ๋องอวินอู่จวินที่นั่งอยู่ด้านบนเองก็พยักหน้าเบา ๆ ในบรรดาลูกสาวลูกชายมีอัจฉริยะเพิ่มมากอีกคน ในใจมีความสุขมาก
จากนั้น องค์หญิงสิบและองค์หญิงสิบเอ็ดก็ออกมาวัดกำลัง อายุของพวกนางคือ 14 ปี และ 10 ปี
องค์หญิงสิบฝึกฝนถึงขั้นอเวจีระดับกลาง นางยกก้อนหินหนักสองร้อยชั่งขึ้น และโยนไปได้ไกลถึงเจ็ดเมตร น่าเสียดาย ที่นางไม่สามารถยกหินหนักสามร้อยชั่งได้สุดท้ายก็ยอมแพ้
องค์หญิงสิบเอ็ดเองก็อยู่ในขั้นอเวจีระดับกลาง นางยกหินหนักสองร้อยชั่งได้ แล้วโยนไปได้ไกลหกเมตร
แต่ว่า ถ้าดูจากอายุแล้ว องค์หญิงสิบเอ็ดอายุน้อยกว่าองค์หญิงสิบถึงสี่ปีเพราะฉะนั้นหากรวมๆดูแล้ว องค์หญิงสิบเอ็ดทำผลงานได้ดีกว่า
องค์หญิงสามอันดับแรกล้วนมีอายุน้อยกว่าสิบสี่ปี แล้วยังเป็นผู้หญิงทั้งหมด ยังไงในด้านพละกำลังก็จะน้อยกว่าผู้ชายเล็กน้อย ดังนั้น มากที่สุดก็แค่สามารถยกหินหนักสองร้อยชั่วได้
ต่อมา ถึงจะเป็นการวัดระดับจริง ๆ ของอัจฉริยะ
หลินหนิ่งซาน ปีนี้อายุสิบห้าปี นอกจากองค์หญิงทั้งสามแล้ว นางเป็นจอมยุทธ์ที่อายุน้อยที่สุด ดังนั้น นางจึงกลายเป็นคนต่อนางที่เดินเข้ามาในสนามต่อสู้ของอัจฉริยะ
นางเดินตรงผ่านหินทั้งเก้าก้อน แล้วมาที่หน้าหินก้อนที่สิบ
หินก้อนที่สิบ ความสูงถึงสามเมตร ความหนักหนึ่งพันชั่ง
“ขึ้น!”
หลินหนิ่งซานโคจรลมปราณที่ล้นอยู่ในร่างกาย ใช้เพียงแค่มือเดียว นางเกี่ยวไปที่ก้อนหินที่มีขนาดใหญ่กว่าร่างของตัวเอง แล้วยกหินก้อนนั้นขึ้นมาได้อยากสบาย ๆ
คนทั่วไปคงไม่สามารถจะจินตนาการได้ว่า รูปร่างเล็กบางอ้อนแอ่นอรชร จะมีพละกำลังที่มากจนน่ากลัวได้อย่างนี้
นางพึ่งจะอายุสิบห้าปี!
นิ้วทั่งห้าของหลินนิ่งซานงอลง หินหนักขนาดหนึ่งพันชั่งก็ลอยออกไปจากฝ่ามือ แล้วไปตกในระยะเกินกว่าสิบห้าเมตร แล้วปรากฏเป็นร่องรอยหลุมขนาดใหญ่ขึ้นมา
“สวรรค์!เก่งเกินไปแล้ว!ตระกูลหลินมีอัจฉริยะเพิ่มมาอีกคนแล้ว”
“เป็นแค่ผู้หญิงคนเดียวเท่านั้น ยังไงร่างกายก็ยังไม่สามารถเทียบกับผู้ชายได้ นางสามารถยกหินหนักพันชั่งได้ ไม่รู้ว่านางฝึกฝนจนแข็งแกร่งไปถึงระดับไหนแล้ว”
อ๋องอวินอู่จวินที่นั่งอยู่ด้านบนเองก็แสดงสีหน้าตกใจออกมา แล้วกล่าวว่า “นี่เป็นหญิงสาวจากตระกูลไหน พรสวรรค์ขนาดนี้ ถึงจะเทียบกับองค์ชายทั้งหมดก็คงต่างกันไม่มากนัก ”
พระชายาแสดงออกถึงความพอใจในตัวหลินหนิ่งซาน แล้วกล่าวว่า “ท่านอ๋อง นางเป็นบุตรสาวตระกูลหลิน ชื่อหลินหนิ่งซาน ข้าเองก็เห็นว่านางมีความโดดเด่นมาก เลยคิดจะให้นางแต่งงานกับองค์ชายเจ็ด ผูกไว้ด้วยกัน”
“นี่แท้เป็นเด็กสาวคนนั้น ข้าเองก็พอจะจำนางได้ จากความสามารถและตระกูลของนาง นับเหมาะสมกันกับลูกเจ็ด”
อ๋องอวินอู่จวินขมวดคิ้ว แล้วมองไปที่จางลั่วเฉินที่ยืนอยู่ข้างสนาม แล้วกล่าวว่า“แต่ว่า นางเป็นเพื่อนที่เล่นด้วยกันกับลูกเก้ามาตั้งแต่เด็ก แล้วยังเป็นลูกพี่ลูกน้อง นับได้ว่าเป็นคู่กันมาตั้งแต่เล็ก ตอนนั้นข้าเองยังเคยปรึกษากับผู้นำตระกูลหลิน ให้พวกเขาทั้งสองแต่งงานกัน น่าเสียดาย ที่เกิดเรื่องเมื่อสามปีก่อนขึ้นมา เรื่องแต่งงานเลยต้องยกเลิกไป”
พระชายายิ้มแล้วกล่าวว่า“อ๋องทรงลืมไปแล้ว!จากพรสวรรค์ในตอนนี้ของหลินหนิ่งซาน จะไปชอบองค์ชายเก้าได้ยังไง พวกเค้าทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกัน ในอนาคตข้างหน้าจะยิ่งเห็นความแตกต่างชัดเจน”
อ๋องอวินอู่จวินพยักหน้าเบา ๆ ต้องยอมรับว่าพรสวรรค์ขององค์ชายเก้ายังห่างจากหลินหนิ่งซานมาก นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้!
ในโลกของการต่อสู้ ผู้ชายแข็งแกร่ง ผู้หญิงอ่อนแอมาแต่งงานกันสามารถเห็นได้เยอะ
แต่ผู้หญิงแข็งแกร่งผู้ชายอ่อนแอมาแต่งงานกันนั้น หากความแตกต่างมีมากเกินไป ไม่ว่าจะฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิงก็ล้วนไม่ใช่เรื่องดีทั้งนั้น!
(จบแล้วครับ)
สามาอ่านก่อนใครได้ที่เพจ BOXKINGS หรือเพจหลัก WGSD เทพจักรพรรดินิรันดร์กาล – จีนแปลไทย ฝากกดไลค์เพจกันด้วยนะครับ