สิ่งมีชีวิตอย่างเช่นซุนหนี่นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดและมีความเป็นเอกลักษณ์มาก จนเพียงพอที่จะสั่นสะเทือนไปถึงสวรรค์ชั้นฟ้าได้ เมื่อสิ่งมีชีวิตเช่นซุนหนี่ตายไป ร่างกายที่เหลือไว้ก็ไม่ต่างจากขุมทรัพย์ที่มีค่ามหาศาลหรือไม่ต่างจากวัตถุดิบที่ประเมินค่าไม่ได้ เปรียบเสมือนกับเหมืองทองที่ไร้เจ้าของ ช่างเย้ายวนผู้คนให้เกิดความโลภอย่างไม่สิ้นสุด

“อืม.. ช่างเป็นสมบัติที่ใครก็ต่างก็ตาเบิกโพลงด้วยความโลภเสียจริง เพียงแค่โลหิตหรือชิ้นส่วนจากร่างของมันเพียงนิด ก็สามารถทำให้ผู้คนเข่นฆ่าตะลุมบอนได้อย่างง่ายดาย” บรรดากลุ่มวัยรุ่นต่างก็กระหายอยากจะเข้าร่วมการแย่งชิงนี้เช่นกัน
“ถึงแม้ว่าซุนหนี่จะแก่ชราลงไปมากเพียงใด พวกเราก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน จงอย่าผลีผลามให้รอโอกาสอย่างใจเย็น” หัวหน้าหมู่บ้านเผยสีหน้าเคร่งขรึมทั้งตักเตือนอย่างจริงจัง
“ฮ่า ฮ่า ได้เวลาเก็บเกี่ยวรางวัลที่ยิ่งใหญ่แล้ว เจ้าหนูตั้งใจทำเพื่อพวกเราในตอนนั้น เพื่อเป็นการตอบแทนเจ้าหนู พวกเราจะไม่ยอมบาดเจ็บง่ายๆแน่” ผู้คนกล่าวออกมาเป็นเชิงชื่นชม
“อ๊า….” เฮาน้อยที่สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดผวาและทั้งหัวเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนแลดูยุ่งเหยิง ส่งเสียงดังลั่นมาแต่ไกล สร้างความสนใจให้แก่ต้าเผิง เมฆม่วงกับเขียวน้อยให้วิ่งไปดูจุดนั้นทันที คาดว่าน่าจะไปลองของกับบางอย่างมา
ซู่มมม!!
จากความสูงในระดับเดียวกับหมู่เมฆมีนักขนาดมหึมากำลังโฉบลงมาด้วยเกล็ดทั้งตัวที่กำลังเปล่งประกายเรืองรองแผ่รังสีหนาวเหน็บออกมา อินทรีเกล็ดมรกตปรากฏตัวออกมาพร้อมด้วยแรดเพลิงสองหัวตัวใหญ่ถูกเกาะกุมไว้ด้วยกรงเล็บที่เข็มแข็ง นับว่าเป็นเรื่องปกติที่เจ้าอินทรีจะพร้อมเหยื่อขนาดใหญ่อยู่เป็นประจำ
หลังจากการฟักตัวออกมาก็ผ่านไปแล้วสองเดือนและในตอนนี้ร่างของเหล่าดเจ้าตัวน้อยก็สูงใหญ่จนเกือบจะถึง2.5เมตรแล้ว ร่างกายที่นุ่มลื่นและทรงพลังและปีกที่ขนาดใหญ่มากพอจนเกือบจะบินได้แล้ว
“จี้ยุน กับพี่ๆ เติบโตเร็วนัก ถ้าพวกนายโตกว่านี้แล้วคงจะพาข้าบินขึ้นไปดูส่วนลึกของหุบเขามืดได้อย่างแน่นอน” เด็กน้อยเข้าไปกอดคอของบรรดานกเด็กแล้วตาของพวกมันก็ส่องประกายเต็มไปด้วยความหวังว่าต้องมีวันนั้นอย่างแน่นอน หลังจากนั้นเด็กน้อยก็เริ่มศึกษาพลังเจตลักษณ์ของเหล่านกเด็ก ที่ตอนนี้กำลังเรียงแถวผนึกพลังของตนต่อหน้าเด็กน้อย โดยหวังจะทำเข้าใจกับเคล็ดการใช้พลังที่เป็นรูปแบบเฉพาะตัวของสายเลือดที่ได้รับสืบทอดมา

วู่มม..

เสียงการสั่นสะเทือนของอากาศ ก่อเกิดแสงสีเงินดูศักดิ์สิทธิ์ดั่งแสงจันทร์บริเวณใจกลางฝ่ามือของเฮ่าน้อย ก่อนจะค่อยๆขยายออกอย่างเชื่องช้า หลังจากนั้นกงจักรสีเงินก็ลอยออกจากฝ่ามือหมุนไปด้านหลังของเด็กน้อย เป็นภาพที่มหัศจรรย์ยิ่งนัก

ช่วงที่ปะทะกับเป่ยเฟิงครั้งนั้น เด็กน้อยทำได้แค่ใช้พลังครึ่งๆกลางๆทำให้ปรากฏพลังบนฝ่ามือของเขาแค่บางส่วน มิฉะนั้นพลังของมันคงจะน่ากลัวกว่านี้มาก

กงจักรสีเงินหมุนควงและค่อยๆโคจรรอบตัวของเด็กน้อย ทำให้มีละอองแสงกระจายอยู่รอบๆตัว ปรากฏภาพศักดิ์สิทธิ์ที่ยากจะอธิบาย
“ข้าพอจะเข้าใจบ้างแล้ว ภาพนกยักษ์ที่อาศัยในปราสาทบนดวงจันทร์ น่าจะหมายถึงจี้ยุน เสี่ยวชิง ต้าเผิงกับวิหคโบราณตัวอื่น เพราะทั้งหมดล้วนเป็นวิหคปีศาจในตำนาน” ฉีเฮ่าพึมพำกับตัวเอง
จากนั้นเด็กน้อยก็ปล่อยกงจักรสีเงินที่มีลักษณะเหมือนพระจันทร์เต็มดวงมีแสงเปล่งเป็นสีเงินยวง สีเงินของกงจักรเริ่มแกว่งไกวเหมือนดั่งเสียงคำรามของนกยักษ์ที่อาศัยอยู่ในปราสาท แน่นอนว่าปราสาทก็คือรูปแบบของพลังเจตลักษณ์เฉพาะของวิหคปีศาจโบราณ และพระจันทร์ย่อมหมายถึงกงจักร ทั้งหมดคือที่มาของเคล็ดวิชา “วิหกยักษ์ที่อาศัยในปราสาทบนพระจันทร์” นั่นเอง
พระจันทร์สีเงินดูราวกับว่าไม่ได้มีที่มาจากพลังเจตลักษณ์แต่เหมือนว่าเป็นพระจันทร์ของจริงที่ร่วงลงมาจากท้องฟ้า

ควิ้ง!!

เสียงเสียดสีของโลหะดังออกมาอย่างต่อเนื่อง เหมือนดั่งกับอาวุธโบราณที่ได้รับสืบทอดมา ไม่นานนักด้วยแรงควงของกงจักรทำให้เกิดกลุ่มพายุของฝุ่น

จันทราเงินหมุนรอบๆหินยักษ์ที่มีความกว้างประมาณหกเมตร ตามด้วยเสียงดัง ฉับ!! หินยักษ์ถูกผ่าออกจากกัน สร้างรอยผ่าที่เรียบไร้รอยขรุขระ หลังจากนั้นก็ไม่ได้หายไปไหน ยังพุ่งไปผ่าหินขนาดยักษ์อีกสองก้อนก่อนจะหายไป

“หวา!! ครั้งที่แล้วยังผ่าได้แค่ก้อนเดียว แต่ตอนนี้ทำได้ถึงสามแล้ว แข็งแกร่งอะไรเช่นนี้” เด็กน้อยอ้าปากน้อยๆของตนด้วยความตะลึงพรึงเพริด

“เจ้าหนูช่างน่ากลัวจริงๆ ที่สามารถปล่อยกรงจักรที่ทรงพลังแบบนั้นได้ ข้าสัมผัสได้ว่าพลังของเจ้าหนูตอนนี้สามารถเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายในหุบเขามืดได้อย่างไม่มีปัญหา” หลังจากได้เห็นภาพตรงหน้า กลุ่มเด็กๆก็เกิดอาการอิจฉาตาร้อนขึ้นมาทันที
“หลังจากที่เห็นแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าพลังของวิหคโบราณช่างน่ากลัวเสียจริง ถ้าหากเราบันทึกเคล็ดวิชานี้ลงไปอย่างครบถ้วน มันจะต้องกลายเป็นเคล็ดวิชาระดับเทพเป็นแน่ อย่างไรก็ตามมันก็เป็นไปได้ยากอยู่ดี” หัวหน้าเอ่ยออกมา

การโจมตีเช่นนี้หากพิจาณาดีๆก็ไม่ต่างกับเคล็ดวิชาอันล้ำค่า และเคล็ดวิชานี้จะต้องเป็นความลับสุดยอด

หากเทียบกับยอดวิชาที่สมาคมที่แข็งแกร่งครอบครองอยู่ นับว่าไม่ด้อยกว่าแม้แต่น้อย หากไม่ได้ฉีเฮ่าช่วยส่งเสริมพวกนกเด็กและคอยค้นคว้าเคล็ดการใช้พลังอย่างใกล้ชิดแล้ว คงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้รับสุดยอดวิชาเช่นนี้มา

“พวกเรายังไม่รู้สถานการณ์ที่เกี่ยวกับซุนหนี่เลยแม้แต่น้อย ถ้าหากมันใกล้จะตายเพราะความชราจริงๆ เราก็ควรเตรียมการสำหรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น”

“ยิ่งเป็นทายาทที่มีเผ่าพันธุ์โบราณมากความแข็งแกร่งก็ยิ่งมีมากและยิ่งต้องการปกป้องความลับของตนมากเท่านั้น โดยเฉพาะบันทึกเคล็ดการใช้พลัง อาจถึงขั้นทำลายทิ้งก่อนตายก็เป็นได้” ฉีหยุ่นเฟิงนิ่วหน้าพลางเอ่ยออกมา

“ข้าหวังว่าซุนหนี่จะไม่ได้ทำลายดวงธาตุของตนเองไปเสียก่อน เพื่อบรรดาลูกหลานของมันเอง และเคล็ดพลังที่บันทึกจะต้องเป็นสุดยอดวิชาอย่างแน่นอน” ฉีหลิงหู่พูดอย่างมีความหวัง
หัวหน้าหมู่บ้านสั่นหัวเบาๆแล้วกล่าวออกมา “อย่าได้โลภมากจนเกินไป สำหรับพวกเราหากได้รับเคล็ดพลังนั่นมาก็นับว่าโชคดีมากๆแล้ว”

หลายวันถัดมา เสียงคำรามราวกับจะสั่นสะเทือนโลกดังออกมา เขย่าภูเขาและหุบเหวในแถบทั้งหมดอย่างรุนแรง สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต่างสั่นไปด้วยความหวาดกลัวและหมอบไปกับพื้นในทันทีรวมถึงนกทุกชนิดที่บินอยู่บนท้องฟ้าด้วย เกิดเหตุการณ์ดินถล่มไปทั่วทุกหุบเขา ต้นไม้กว่าพันต้นไหวไปมาอย่างน่ากลัว

เป็นซุนหนี่นั่นเองที่ออกมาจากส่วนลุกของหุบเขามืดและตระเวนไปรอบๆพื้นที่ ดูเหมือนว่ามันใกล้จะตายเต็มทีแล้ว จึงต้องการเสาะหาพื้นที่พักผ่อนอย่างสงบ อำนาจของมันจึงปกคลุมไปทั่วสร้างความหวาดกลัวให้แก่ทุกชีวิตที่อาศัยอยู่ในแถบนี้
“มันใกล้จะตายแล้วจริงๆ ดูเหมือนจะภายในสองสามวันนี้เสียด้วย”
ภายในหมู่บ้านศิลามีแต่ความวุ่นวาย เพราะต่างเตรียมการที่จะไปล่าชิ้นส่วนจากศพของซุนหนี่หลังจากที่ตายไปแล้วที่เปรียบได้กับสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้ ทั้งคุณภาพของเลือดที่มหัศจรรย์จนน่าเหลือเชื่อและส่วนอื่นๆอีกไม่น้อย
“นับว่าเป็นเชื้อสายโบราณอย่างแท้จริง ถ้าหากว่าได้เลือดที่บริสุทธิ์และมากเพียงพอ พิธีการผลัดเปลี่ยนของเฮ่าน้อยจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน” ในตอนนี้ฉีหยุ่นเฟิงแทบไม่อาจรักษาความเยือกเย็นได้อีกต่อไป เขาต้องการที่จะไปนำมันมาซะเดี๋ยวนี้
“ส่งคนเข้าไปสอดแนมในพื้นที่อย่างระมัดระวังด้วย พวกเราต้องพร้อมที่จะถอนตัวออกมาได้ตลอดเวลา” ผู้อาวุโสบางคนแทบจะนั่งได้ไม่ติดกับที่เพราะทั้งตื่นเต้น กังวลและหงุดหงิด ช่างยากเหลือเกินที่จะสงบใจ
ในขณะที่ฉีหลิงหู่ ฉีเฟยเฉียว และชายฉกรรจ์คนอื่นๆต่างเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ดวงตาของพวกเขาค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดง
“ข้าเห็นซุนหนี่ฉีกสัตว์ร้ายมากมายเป็นชิ้นๆ เปลี่ยนพื้นที่แถมนั้นให้กลายเป็นแดนมิคสัญญี ตอนนี้ไม่มีสัตว์ร้ายหรือนกอสูรชนิดไหนเฉียดเข้าไปใกล้แม้แต่น้อย”
วันถัดมา สายสืบวิ่งกลับมาบอกเล่าฉากอันสยดสยองที่พวกเขาได้พบเห็นจากยอกเขาแห่งหนึ่งไม่ไกลออกไป
ฉีหยุ่นเฟิงหันร่างกลับมาแล้วกล่าวอย่างเร่งรีบ “ไปได้แล้ว!! พวกเราจำเป็นต้องออกไปเดี๋ยวนี้ อย่างไรก็ตามเราต้องระมัดระวังให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะพวกเราจะไม่ใช่กลุ่มเดียวที่ต้องการล่า ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นๆและหมู่บ้านอื่นๆที่มีจุดประสงค์เดียวกับพวกเรา”
“ท่านปู่ขอรับ ข้าจะไปด้วย” เฮ่าน้อยเข้าไปออดอ้อน
เหล่าชาวบ้านก็ไม่ได้คัดค้านอะไร เพราะความแข็งแกร่งที่ค่อนข้างน่ากลัวอย่างมากในตอนนี้ แม้ว่าเด็กน้อยจะยังเด็กอยู่มากแต่เด็กน้อยเองก็เข้าใจในธรรมชาติอันแสนโหดร้ายเป็นอย่างดี และเมื่อเวลาสำคัญ เด็กน้อยก็มักจะแสดงพลังอันน่าเหลือเชื่อออกมา
จิ๊บ จิ๊บ
ต้าเผิง เสี่ยวชิงกับจี้ยุนรวมตัวกันอยู่ตรงหน้าแล้วเอาหัวถูกับแขนของเฮ่าน้อยเป็นเชิงออดอ้อน โดยต้องการใช้ความสนิทสนมเพื่อให้พวกตนได้ไปด้วย

“ดีมากเด็กดี นิ่งไว้ๆ ในหุบเขามันอันตรายมากนัก พวกเจ้ายังไม่โตพอที่จะเผชิญกับอันตรายได้ รอข้ากลับมาเถอะนะ แล้วเราค่อยไปจับปลาด้วยกันนะ”
ฉีเฮ่าทั้งขู่ทั้งปลอบนกน้อย?ทั้งสามตัว แต่เด็กน้อยเองก็จำเป็นต้องให้อินทรีเกล็ดเขียวมาช่วยเหลือเขาเมื่อจำเป็นเช่นกัน เพราะการเดินทางครั้งไปล่าชิ้นส่วนของซุนหนี่ค่อนข้างอันตราย หากได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าอินทรี จะทำให้ทุกอย่างราบรื่นกว่านี้นัก
“ไปที่หุบเขากันเถอะ!!”
กลุ่มนักล่าเข้าไปในหุบเขาโดยมีทิศทางที่อาณาเขตที่ซุนหนี่อาศัยอยู่
ครืน!!….
แผ่นดินสั่นสะเทือนและภูเขาสะท้านอย่างรุนแรง ดูเหมือนจะเกิดแผ่นดินไหวโดยมีศูนย์กลางมาจากส่วนลึกในหุบเขามืด ทำให้ทั้งหุบเขาสั่นไหว ช่างเป็นภาพที่สะท้านขวัญเหลือเกิน
“ท่านหัวหน้า ซุนหนี่ใกล้จะหมดอายุไขแล้วขอรับ” สายสืบวิ่งย้อนกลับมารายงานเสียงดัง
“ไป!! พวกเราต้องไปให้เร็วกว่านี้” ฉีหยุ่นเฟิงตะโกนสั่งการ