…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ตัวของถังซิ่วเองนั้นยังมีท่าทางที่สงบหลังจากที่ได้เห็นพวกเขาทั้งสองก่อนที่จะกวาดสายตาไปมาและเลิกสนใจพวกเขา เขาคิดว่าการที่ได้ให้บทเรียนที่ใหญ่หลวงแก่ซางหยงจินไปก่อนหน้านี้จะเพียงพอแล้วและหากว่าเขานั้นไม่ได้มาล่วงเกินเขาอีก ถังซิ่วเองก็จะไม่ตอบโต้นายน้อยเจ้าชู้คนนี้

“ถังซิ่ว ? เราเจอกันอีกแล้ว”

ซางดี่ขวินมองไปที่ถังซิ่วก่อนที่จะเดินไปขวางทางพวกเขาไว้

คิ้วของถังซิ่วนั้นขมวดเขาหากันทันทีพร้อมพูดว่า

“มีอะไรงั้นหรอ ? ”

ซางดี่ขวินได้พูดออกมาว่า

“ฉันได้ส่งคนไปสืบสวนเรื่องของนายมาอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว นายเองก็พอจะมีน้ำยาอยู่บ้างที่ทำให้สองพี่น้องหลงนั่นให้ความสำคัญกับนายแต่ยังไงก็ตามฉันได้รู้มาว่านายได้รังแกน้องชายของฉัน ? ”

ถังซิ่วมองไปที่ซางหยงจินก่อนที่จะหันกับมาพูดกับเธอว่า

“ก็ในเมื่อพ่อแม่ของเขาไม่ได้สั่งสอนมา ฉันเลยสั่งสอนแทนพวกเขาเท่านั้น”

“นายยยย”

ซางหยงจินโกรธเป็นอย่างมากก่อนที่จะวิ่งมาชี้หน้าถังซิ่วแล้วสาปแช่งออกมาโดยทันที

“แกคิดว่านายเป็นใครกัน ? เพียงแค่มีพลังต่อสู้แค่นี้ ? แกถึงได้ตำตัวยโสโอหังแบบนี้ ? ฉันเองก็มีพ่อแม่ที่คอยสั่งสอนอยู่แล้ว แกไม่จำเป็นต้องมาเสือก”

ถังซิ่วส่ายหัวขณะที่ตอบกลับไปว่า

“ถ้าพูดตรงๆแล้วฉันเองก็ไม่ได้อยากจะตอบโต้นายเลยแม้แต่น้อยตราบใดที่นายไม่ได้มาล่วงเกินฉัน ดังนั้นฉันจะให้คำแนะนำนายอย่างสุภาพว่า ฉันเดินบนสะพานไม้เก่าๆของฉันส่วนนายเดินบนถนนไฮเวย์ของนาย อย่าได้คิดที่จะมาขวางทางฉันอีกไม่เช่นนั้นต่อให้นายพอมีภูมิหลังอยู่บ้างแต่ฉันก็จะทำให้นายเสียใจอย่างสุดซึ้ง”

ซางดี่ขวินพูดออกมากด้วยความโกรธว่า

“ปากดีหนิ ต่อให้เป็นหลงเซ้งหยูเองก็ไม่กล้าที่จะพูดคำนี้กับเรา ฉันล่ะอยากจะรู้จริงๆว่านายไปเอาความกล้าบ้าบิ่นมาจากไหน ? ”

หยวนชูหลงิเดินขึ้นมาข้างหน้าพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชาและพูดว่า

“ว้าวว พี่สาวจากตระกูลซางเองก็ปากดีหนิ ! ถังซิ่วนั้นเป็นพี่ของฉันและหากว่าเธอยังจะมาล่วงเกินเขาอีกละก็ ระวังให้ดีว่าพ่อคนนี้จะทุบตีเธอให้พ่อแม่จำไม่ได้เลยคอยดูสิ!”

ก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งสองนั้นมุ่งเน้นความสนใจไปที่ถังซิ่วจนลืมมองหยวนชูหลิงที่อยู่ด้านหลังเขาและเมื่อสามารถยืนยันได้ถึงสภานะของหยวนชูหลิงแล้วก็ทำให้พวกเขาหวั่นๆเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ไม่ได้กลัวเพราะยังไงตระกูลซางและตระกูลหยวนนั้นถือว่าสูสีกัน

“ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมถึงได้กล้าปากดีและยโสโอหังเช่นนี้ ที่แท้นอกจากพี่น้องหลงแล้วนายเองก็ยังมีนายน้อยจากตระกูลหยวนคอยถือหางนี่เอง ! ถังซิ่ว บอกฉันมาสิว่านายเป็นเตาที่กำลังหัวหดงั้นหรอ ? นายถึงได้ยืนหลบอยู่ข้างหลังคนอื่นหนะห๊า ? ”

“เปรี้ยยยยยย”

ถังซิ่งเคลื่อนไหวในทันทีพร้อมกับปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าซางดี่ขวินและเหวี่ยงฝ่ามือใส่ใบหน้าที่สวยงามของเธอทันที

ตัวของซางดี่ขวินเองนั้นได้รีบก้าวถอยหลังโดยทันทีก่อนที่จะเอามือขึ้นมากุมแก้มของเธอด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เธอไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าถังซิ่วจะป่าเถื่อนขนาดนี้ ไม่พูดสักคำแต่กลับตบเธอทันที ตอนนี้เธอรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ไม่ได้พาผู้คุ้มกันของเธอมา

อย่างไรก็ตามเธอเองก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วพร้อมกับตะโกนไปยังป้อมของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ไม่ไกลว่า

“เจ้าหน้าที่ ! ฉันคือผู้จัดการของซางกรุ๊ป ซางดี่ขวิน ตอนนี้ได้มีคนก่อเหตุอาชญากรรมแต่พวกนายไม่คิดจะทำอะไรกันหรือไง ? ”

เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ยินดังนั้นจึงรีบวิ่งมาที่นี่โดยทันทีเพราะเขารู้ถึงสถานะของเธอดี ก่อนที่จะวิ่งมาล้อมรอบถังซิ่วและคนอื่นๆ

“แกเป็นใคร ? อย่าบอกนะว่าไม่รู้กฎของที่นี่ ? หมอบลงไปไม่อย่างนั้นก็อย่างหาว่าฉันหยาบคาย!”

หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยได้ขี้ไปที่ถังซิ่วพร้อมตะโกนออกมาด้วยความโกรธ

ถังซิ่วยิ้มออกมาอย่างเย็นชาและพูดว่า

“แกนั้นไม่มีคุณสมบัติพอที่จะรู้สถานะของเรา หากว่าแกยังไม่อยากพบกับหายนะแล้วละก็ ไสหัวไปซะ !”

“แกกก”

หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยนั้นตกใจเป็นอย่างมาก เขาไม่คิดเลยว่าถังซิ่วนั้นจะเหิมเกริมถึงขนาดนี้ แต่เขานั้นได้ทำงานอยู่ที่นี่ถึง5-6ปีแล้วและรู้ว่าใครบางคนนั้นเป็นคนที่ไม่สามารถล่วงเกินได้และตอนนี้เขาเองก็ยังไม่รู้ถึงสถานะของถังซิ่ว มันส่งผลให้เขาทำอะไรไม่ถูก

ซางดี่ขวินตะโกนออกมาด้วยความโกรธว่า

“แล้วพวกแกจะยืนนิ่งกันอยู่ทำไม ไม่เห็นหรือว่าไอ้เวรนี่มันก่ออาชญากรรม พวกแกเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยแล้วจะไม่ทำอะไรเลยงั้นหรอ ? หักหาไอเด็กนี่ซะแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”

หน่วยรักษาความปลอดภัยหลายคนได้มองไปที่กันและกันก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่ถังซิ่ว

“พวกแกประเมินความสามารถของตัวเองสูงไป ! ”

ถังซิ่วได้พุ่งออกไปก่อนที่หยวนชูหลิงจะทันได้ลงมือพร้อมกับเหวี่ยงหมัดใส่พวกเขา ถึงแม้ว่าเขาจะใช้พลังยังไม่ถึง1/10ส่วนด้วยซ้ำพร้อมอัดเข้าใส่แก้มของหัวหน้าหน่วยในทันที ตัวของเขานั้นลอยเคว้งอยู่ในอากาศพร้อมตกลงมากระแทกกับพื้นในขณะที่เขาได้ยกขาขึ้นเพื่อฟาดใส่คนอื่นๆคนโอดครวญออกมาอย่างโหยหวนและสลบไป

“พั๊ว เพลี้ย”

ในตอนนี้เหลือหน่วยรักษาความปลอดภัยอยู่เพียงแค่สองคนเท่านั้น

“แก…..”

ซางดี่ขวินจ้องมองอย่างไม่อยากจะเชื่อเพราะว่าชายทั้งสี่คนได้ถูกถังซิ่วทุบตีอย่างทารุณจนหมดสติไปภายในพริบตา ในชั่วขณะนี้นั้นเธอกลัวถังซิ่วเป็นอย่างมาก เธอกลัวว่าเขาจะทุบตีเธอและน้องชายอย่างทารุณ

ถังซิ่วพูดออกมาอย่างไม่แยแสว่า

“เห็นแก่เธอที่ได้ล่วงเกินฉันเป็นครั้งแรก เธอจงตบหน้าของตัวเองสามครั้งและไสหัวไปซะ ไม่เช่นนั้นชาตะกรรมของเธอจะเป็นยังไง เธอก็น่าจะพอเดาได้สินะ ”

ซางหยงจินก้าวขึ้นมาข้างหน้าแล้วตะโกนด้วยความโกรธว่า

“สกุลถัง ฉันรู้ว่าแกแข็งแกร่งแต่อย่าเหิมเกริมให้มันมาก ฉันรู้ว่าเรื่องครั้งนี่นั้นเราเป็นฝ่ายผิดที่ไปล่วงเกินนายก่อนและฉันจะขอตบหน้าตัวเองแทนพี่สาวของฉัน ตกลงไหม ? ”

ถังซิ่วเยาะเย้อออกมาว่า

“นายคิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติอะไรที่จะมาต่อรองงั้นหรอ ? ”

ซางหยงจินตะโกนออกมาด้วยความโกรธว่า

“ตบหกครั้ง ฉันจะตบเอง”

“เพรี้ย เพรี้ย เพรี้ย เพรี้ย เพรี้ย เพรี้ย”

ได้ยินเสียงดังสนั่นไปทั่วทางเข้าของตึกและผู้คนโดยรอบนั้นได้เห็นฉากดังกล่าวอย่างชัดเจน

คิ้วของถังซิ่วนั้นขมวดเข้าหากันโดยทันทีก่อนที่จะมองไปที่ใบหน้าบูดเบี้ยวของซางดี่ขวินและหันไปมองซางหยงจินอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า

“ก่อนหน้านี้ฉันคิดว่านายนั้นเป็นเพียงแค่ขยะที่ไม่มีอะไรดีแต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่านายนะมีความกล้าหาญและกล้ายอมรับผิดของลูกผู้ชายโดยที่ไม่ขายพี่สาวของตัวเองแถมยังปกป้องเธอ, ก็ดี ช่างมันเถอะ เรื่องนี้ให้มันจบลงที่นี่และอย่างได้กล้ามาล่วงเกินฉันอีกไม่อย่างนั้นก็อย่างหาว่าฉันเลือดเย็นแล้วกัน”

หลังจากพูดจบ!

ถังซิ่วก็เดินออกไปที่หน้าถนน

หยวนชูหลิงกำลังมองไปที่ถังซิ่วด้วยความเคารพ เขาไม่เคยคิดเลยว่าถังซิ่วนั้นจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ เขาสามารถล้มคนที่แข็งแกร่งได้พร้อมกับถึงสี่คนภายในพริบตาก่อนที่เขาจะรีบชูนิ้วกลางไปทางซางดี่ขวินและน้องชายของเธอพร้อมกับเดินตามถังซิ่วไป

เฉิงเยี่ยนหนานเองก็ก็เงียบอยู่พักหนึ่งเพราะเธอไม่เคยคาดคิดเลยว่าถังซิ่วนั้นจะลงมือด้วยตัวเองและใช้ความป่าเถื่อนนั้นชนะพวกเขาอย่างทารุณ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้จักพวกเขาทั้งสองแต่เธอก็รู้ดีว่าพวกเขาเหล่านั้นจะไม่ยอมวางเรื่องนี้ลงอย่างแน่นอน

“โอ้ !”

เธอรีบวิ่งตามถังซิ่วไปอย่างรวดเร็ว

ใบหน้าของซางดี่ขวินนั้นกำลังซีดเผือดลงเรื่อยๆขณะที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อถังซิ่วก่อนที่เธอจะหยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรหาใครคนหนึ่ง

“เทียนเขวียน! ฉันและน้องชายถูกทุบตี ตอนนี้ฉันอยู่ที่หน้าทางเข้าบริษัท อื้ม! แล้วนาย………”

ซางหยงจินที่กำลังเต็มไปด้วยตามเกลียดชังนั้นได้มองไปที่พี่สาวของเขาขณะที่ได้ยินบทสนทนานั้นก็ทำให้เกิดประกายขึ้นในดวงตาของเขาทันที เขารีบพูดออกมาอย่างประหลาดใจว่า

“พี่สาว พี่ให้พี่เขยยื่นมือมาช่วย ? หากว่าเขาเป็นคนลงมือ ไอ้เด็กเวรถังซิ่วนั่นจะต้องกลัวจนขี้หดตดหายอย่างแน่นอน”

ซางดี่ขวินมองไปที่น้องชายของเธอก่อนที่จะลูบหน้าเขาแล้วพูดด้วยความห่วงใยว่า

“เจ็บไหมน้องพี่ ? ไปโรงพยาบาลเพื่อให้หมอดูอาการ ? ”

“พี่สาว ผมสบายดี ”

ซางดี่ขวินพยักหน้าแล้วพูดอย่างขมขื่นว่า

“ที่พี่ให้เทียนเขวียนลงมือนั้นยังเป็นแค่น้ำจิ้มเท่านั้น ต่อจากนี้พี่จะใช้เส้นสายทุกอย่างเพื่อจัดการให้มันต้องระเห็จออกไปจากเมืองนี้ รอก่อนเถอะ ! มันคิดว่ารู้จักคนนิดหน่อยแล้วจะสามารถเหิมเกริมได้งั้นหรอ ไอเด็กระยำนั้นจะต้องได้รู้ว่าการที่กล้ามาล่วงเกินเรานั้นจะต้องจบลงยังไง”

แม้ว่าซางหยงจินนั้นจะเป็นเพลย์บอยไร้สาระไปวันๆแต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่ เขารีบพูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“พี่สาว หลงเซ้งหยูนั้นได้ติดหนี้บุญคุณไอเด็กเวรนั่นอยู่นะและตอนนี้ยังมีหยวนชูหลิงมาอีกคน หากว่าตระกูลหลงและตระกูลหยวนร่วมมือกัน ……..”

ซางดี่ขวินหัวเราออกมาว่า

“นายคิดว่าพวกเขาจะทำสงครามกับตระกูลของเราเพียงเพื่อเด็กสองคนงั้นหรอ ? ฮื้มมม…… หากว่าหลงฮานเหวินและหยวนเจิ้งซวนนั้นไม่ใช่คนโง่ก็คงจะรู้ดีว่าการที่ทำสงครามกับเราไปนั้นต่อให้เขาสามารถโค่นเราได้แต่พวกเขาก็ไม่ได้อะไรมากนัก”

ซางหลงจินรีบพูดออกมาด้วยเสียงเบาว่า

“พี่สาว หรือเราควรจะส่งคนไปสืบสวนภูมิหลังของไอ้เด็กเวรนั่นอีกครั้ง ? เราจะได้เตรียมการได้ทันหากว่าเขายังมีสถานะอื่นๆอีก”

ซางดี่ขวินรีบพ้นลมหายใจออกมาพร้อมกับพูดว่า

“ไม่จำเป็น คนที่พี่ได้ส่งไปสืบมันก่อนหน้านี้นั้นเป็นคนที่มีความสามารถมากและเราสืบสวนไอ้เวรนั่นมาหมดแล้ว นายไม่ทำเป็นต้องเป็นกังวล!”

“ดีเยี่ยม”

หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้นแล้วซางหยงจินก็ได้แต่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม แต่ละครั้งที่เขาถูกถังซิ่วทำร้ายอย่างทารุณนั้นความกลัวต่อถังซิ่วที่อยู่ลึกๆภายในใจของเขานั้นได้ทวีคูณขึ้น

พี่สาวไม่ไปที่บริษัทงั้นหรอ? ยังไงพี่ก็ต้องเอาเอกสารนี่อยู่แล้วหนิ ในเมื่อเราจะจัดการไอ้เด็กเปรตนั้น เราก็น่าจะชวนฮูหว่านจุนและซู่เรนเฟย์มาด้วยเพราะพวกเขาเองก็เกลียดไอ้เด็กนั่นเข้าไส้เช่นกันและหากว่าพวกเขารู้ว่าพี่จะเป็นคนจัดการเรื่องนี้นั้น พวกเขาจะต้องให้ความช่วยเหลือเราอย่างเต็มที่แน่นอน

ซางดี่ขวินได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดอย่างเห็นด้วยว่า

“หยงจิน ที่นายพูดมานั้นก็ถูกเพราะหากว่าเราสามารถได้รับการสนับสนุนจากตระกูลของพวกเขา เมื่อถึงเวลาที่ตระกูลหลงและตระกูลหยวนได้ยื่นมือมาปกป้องมันนั้น เราก็จะไม่จำเป็นต้องกลัวพวกเขาอีกต่อไป นายไปเถอะ ! รีบๆไปหาพวกเขาแล้วบอกให้มาพบฉันทันที ”

“เยี่ยม”

ซางหยงจินรีบตอบตกลงอย่างรวดเร็วขณะที่วิ่งออกไปพร้อมกุมแก้มตัวเองเอาไว้