…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
หลังจากที่ได้ฟังรายงานความคืบหน้าของบริษัทจากคังเซี่ยนแล้ว มันทำให้เขารู้สึกพึงพอใจเพราะความสามารถของเธอนั้นน่าทึ่งเป็นอย่างมากที่สามารถจัดการเรื่องต่างๆได้ในเวลาอันสั้นเพียงเท่านี้
“ดี งั้นเธอก็ทำงานต่อไป!”
หลังจากที่พูดจบนั้นเขาก็ได้มองไปที่เหว่ยซ่งเฟิง
คังเซี่ยนรีบพูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า
“บอส ที่เขามาอยู่ที่นี่นั้นเพราะฉันมีบางอย่างที่ต้องใช้ความสามารถของเขาก่อนแล้วกลับจากนั้นจะย้ายเขากลับไปยังตำแหน่งเดิม”
ถังซิ่วพูดออกมาว่า
“เหว่ยซ่งเฟิง นายเข้าใจถึงสิ่งที่ฉันได้หวังไว้ไหม ? หากว่านายสามารถเข้าใจถึงมันได้แล้วละก็ ฉันเองก็จะเปลี่ยนให้นายมาอยู่ตำแหน่งสูงๆของบริษัทโดยทันที”
เหว่ยซ่งเฟิงนั้นเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“แน่นอนครับผม!”
ถังซิ่วพูดพลางพยักหน้าแล้วบอกว่า
“ดี ฉันพึงพอใจกับคำตอบของนาย ก่อนจะเป็นเหล็กได้นั้นก็ต้องผ่านการทุบตีนับครั้งไม่ถ้วนและดูเหมือนว่าคังเซี่ยนจะพูดไม่ผิดไปแม้แต่น้อยว่านายนั้นเป็นคนที่มีพรสวรรค์ส่วน เรื่องตำแหน่งของนายนั้นก็ฝากเธอจัดการแล้วกัน! ”
เหว่ยซ่งเฟิงได้ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขพร้อมกับพูดว่า
“ขอบคุณมากครับบอส”
ถังซิ่วได้โบกมือเป็นนัยๆว่าให้เขานั้นออกไปได้แล้วก่อนที่จะไปนั่งที่โซฟาและโบกมือให้เฉิงเยี่ยนหนานและหยวนชูหลิงที่กำลังเหวออยู่นั้นตามมา เขานั่งอยู่ตรงกันข้ามกับคังเซี่ยนพร้อมพูดออกมาว่า
“การที่ฉันชวนเธอมาทำงานนั้นฉันเองก็จะทำให้คำขอของเธอเป็นจริงแต่ฉันเองก็มีคำขอของฉันเช่นกันและหากว่าเธอสามารถทำมันได้นั้นก็แปลว่าฉันมองคนไม่ผิดแต่หากว่าไม่นั้นก็แสดงว่าเธอมีความสามารถไม่พอ”
ท่าทางของคังเซี่ยนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วพร้อมพูดออกมาว่า
“ได้โปรดบอกมา”
ถังซิ่วพูดต่อว่า
“ฉันจะให้เวลาเธอ3-4เดือนก่อนวันที่1กันยายนนั้นเฟสแรกของบริษัทนั้นต้องเรียบร้อยแล้ว สายการผลิตต้องมีพร้อมสำหรับการผลิตเป็นจำนวนมากและนี่คือคำขอข้อแรกของฉัน”
“ทำไมถึงเร่งรีบขนาดนั้น ?”
คังเซี่ยนจ้องมองอย่างประหลาดใจพร้อมรีบพูดออกมา
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“ตอนนี้ฉันกำลังขาดเงินและต้องการมันเป็นอย่างมาก”
คังเซี่ยนได้ใช้ความคิดอยู่สองนาทีก่อนที่จะเกิดประกายแห่งความแน่วแน่ในดวงตาของเธอพร้อมพูดออกมาว่า
“ฉันสามารถทำตามความต้องการของคุณได้”
ถังซิ่วพูดต่อว่า
“คำขอข้อที่สองคือภายในหกเดือนนั้นฉันหวังว่าโรงงานของเราจะเป็นโรงงานใหญ่ที่ไม่ได้ผลิตเพียงแค่ผลิตภัณฑ์เสริมความงามหรือสุขภาพเท่านั้น”
“ฉันสามารถทำได้!”
คังเซี่ยนตอบออกมาทันที
ถังซิ่วพยักหน้าแล้วพูดต่อว่า
“คำขอข้อที่สามของฉันคือภายในสองปีนี้ บริษัทของเราจะต้องย้ายออกจากที่นี่แล้วไปอยู่ในสถานที่ของเราจริงๆพร้อมกับก่อตั้งศูนย์ใหญ่ของบริษัทและสินทรัพย์โดยรวมจะต้องไม่น้อยว่าตัวเลขสิบหลัก”
“ไม่มีปัญหา !”
คังเซี่ยนก็ยังคงพยักหน้าต่อไป
ถังซิ่วได้พูดต่อว่า
“คำขอข้อที่สี่และเป็นข้อสุดท้ายก็คือ ภายในสี่ปีนั้น บริษัทของเราจะต้องเติบโตขึ้นกว่าเดิมอย่างน้อย50เท่าสำหรับธุรกิจภายในประเทศและพร้อมที่จะส่งออกไปยังต่างประเทศ”
สี่ปี ?
คังเซี่ยนเงียบอยู่ครู่หนึ่ง
เธอนั้นรู้ดีว่าแทบจะไม่เคยมีบริษัทไหนเลยที่สามารถเติบโตขึ้นกว่าเดิมได้ถึง50เท่าภายในเวลาสี่ปีแต่อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ที่ถังซิ่วได้ให้เธอมานั้นเป็นอะไรที่ท้าทายสวรรค์เป็นอย่างมากและเธอไม่แน่ใจว่าภายในสี่ปีนั้นมันจะเติบโตได้ถึงไหนกัน
“เป็นอะไรไป ? ไม่สามารถทำได้ ? ”
ถังซิ่วถามออกมาอย่างใจเย็น
คังเซี่ยนพูดขณะที่ส่ายศีรษะว่า
“ฉันไม่สามารถรับประกันได้ถึง100%แต่ฉันจะพยายามทำมันอย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องการส่งออกนั้นฉันไม่ค่อยกังวลนักเพราะหากว่าสินค้าของเราได้ถูกปล่อยออกสู่ท้องตลาดแล้วนั้นมันจะต้องสร้างแรงสั่นสะเทือนที่มหาศาลอย่างแน่นอนและฉันคิดว่าบริษัทใหญ่ๆด้านความงามของต่างประเทศจะต้องบินกันเขามาเหมือนฝูงแมลงอย่างแน่นอน พวกเขาจะไม่ใช่แค่ทำทุกวิธีทางเพื่อที่จะซื้อหุ้นของบริษัทเราเท่านั้นแต่พวกเขาจะพยายามทำทุกวิธีทางเพื่อยึดบริษัทเราอย่างแน่นอน”
ถังซิ่วพ่นลงหายใจออกมาพร้อมพูดว่า
“หากว่าพวกมันมีความสามารถจริงก็ลองดูสิ”
คังเซี่ยนพูดให้คำแนะนำออกมาว่า
“บอส หากว่าบริษัทของเรานั้นไม่ยินยอมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้วละก็ พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะถือหุ้นของบริษัทเราได้และไม่มีทางที่จะสามารถทำอะไรบริษัทเราได้อย่างแน่นอน”
ถังซิ่วพูดอย่างรวดเร็วว่า
“เราจะไม่เข้าตลาดหลักทรัพย์”
“เยี่ยม!”
หยวนชูหลิงที่เมื่อครู่กำลังหลงไปกับความงามของแอนดี้นั้นได้เปลี่ยนมาจ้องไปที่คังเซี่ยนอย่างไม่ละสายตา เขาคิดว่าที่นี้เป็นแดนสวรรค์จริงๆ แอนดี้คนเมื่อกี้นั้นเป็นโลลิที่สวยระดับสุดยอดพร้อมด้วยอกคู่โตของเธอแต่คังเซี่ยนนั้นสวยยิ่งกว่าเธอมากนักและเขาเองที่เคยได้เห็นผู้หญิงที่สวยอันดับหนึ่งของเมืองหลวงแล้วก็ยังดูสูสีกับคังเซี่ยนเช่นกัน
“เพล้ง”
เฉิงเยี่ยนหนานที่นั่งอยู่ด้านข้างหยวนชูหลิงได้ทำถ้วยชาในมือของเธอตกแตกอยู่ที่พื้นขณะที่ใบหน้าที่สวยงามของเธอยังคงแสดงออกถึงความไม่อยากจะเชื่อไปที่คังเซี่ยน ขณะที่ปากของเธอกระตุกไม่กี่ครั้ง
ถังซิ่วขมวดคิ้วขณะที่ถามออกมาว่า
“เฉิงเยี่ยนหนาน เธอเป็นอะไรงั้นหรอ ? ”
เฉินเยี่ยนหนานได้หันไปมองถังซิ่วด้วยความยากลำบากก่อนที่จะพูดติดๆขัดๆว่า
“ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงได้รู้สึกคุ้นเคยกับชื่อคังเซี่ยนจริงๆ เธอคือคนที่มากด้วยความสามารถในโลกธุรกิจ ? คนที่เพิ่งกลับมาจากตลาดหลักทรัพย์ของโลก ? ”
“ใช่”
ถังซิ่วพยักหน้า
คังเซี่ยนมองไปที่เฉิงเยี่ยนหนานด้วยความรู้สึกสนใจแล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ไม่คิดเลยว่าชื่อของฉันจะโด่งดังขนาดนี้ ! ฉันรู้สึกเป็นเกียรติจริงๆที่ขนาดสาวน้อยที่น่ารักคนนี้ยังรู้จักฉัน ”
เฉิงเยี่ยนหนานยืนขึ้นแล้วพูดออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า
“มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน ? ทำไมคุณถึงมาเป็นลูกน้องของถังซิ่ว ? บริษัทยักษ์ใหณ่ภายในประเทศตั้งมากมายที่อยากจะเสนองานให้คุณแต่…………………….”
ถังซิ่วถามออกมาอย่างเบาๆว่า
“มีอะไรงั้นหรอ ? เธอคิดว่าฉันไม่มีคุณสมบัติพอที่จะจ้างเธอ ?”
เฉิงเยี่ยนหนานตระหนักได้ทันทีว่าเธอเพิ่งพูดอะไรที่ไม่สุภาพออกไปก่อนที่จะแก้ไขมันอย่างรวดเร็วว่า
“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น ฉันแค่รู้สึกตกใจที่คังเซี่ยนมายังเมืองนี้และยิ่งไปกว่านั้นคือมาทำงานให้กับนาย ถังซิ่ว นายไม่รู้หรอกว่าลุงสองของฉันนั้นส่งคำเชิญไปหาเธอไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแต่ก็ถูกปฏิเสธกลับมาทั้งหมด”
ถังซิ่วถามออกมาด้วยความสงสัยว่า
“ลุงสองของเธอคือใคร? ”
เฉิงเยี่ยนหนานตอบกลับว่า
“เฉิงเจียนเก่า”
คังเซี่ยนพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“โอ้ ที่แท้เธอก็เป็นหลานของเขานั่นเอง ลุงของเธอนั้นไม่มาหาฉันถึงสามครั้งและขอให้ฉันไปเป็นผู้จัดการของเฉิงกรุ๊ปของตระกูลเธอแต่อย่างไรก็ตามมันรู้สึกผูกมัดเกินไปและฉันไม่ต้องการที่จะทำ”
ถังซิ่วได้ถามออกมาว่า
“ตระกูลเฉิงนั้นดังมาก ? ”
คังเซี่ยนได้พูดออกมาว่า
“ดังมากๆ ในเมืองหลวงนั้นในตระกูลใหญ่ๆหลายตระกูลนั้นก็มีของเธออยู่ด้วย พวกเขาไม่ได้มีเฉพาะอำนาจในด้านการเมืองเท่านั้นแต่ก็ยังมีสถานะที่ไม่ธรรมดาในโลกของธุรกิจเช่นกัน หากว่าความจำของฉันไม่ผิดพลาด ลุงของเธอนั้นกำลังดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานบริษัทหอการค้าทางเหนือ”
ถังซิ่วมองไปที่เฉิงเยี่ยนหนานอย่างปรหลาดใจพร้อมถามออกมาว่า
“ตระกูลของเธอนั้นโด่งดังอยู่ในเมืองหลงแล้วเธอมาทำอะไรที่เมืองนี้กัน ? แล้วทำไมพี่สาวของเธอถึงได้มาทำงานเป็นตำรวจ ? หากพูดถึงสถานะของพวกเธอแล้ว การอยู่ที่เมืองหลวงนั้นจะต้องดีกว่านี้แน่นอน”
เฉิงเยี่ยนหนายเงียบไปครู่หนึ่ง
เหมือนดั่งคำพูดที่ว่า ทุกๆครอบครัวย่อมมีปัญหาภายใน
มันเป็นเรื่องจริงที่ตระกูลเฉิงของเธอนั้นมีความมั่งคั่งอยากมากมายแต่หากขาดปู่ของเธอที่เป็นเสาหลักไปนั้น ตระกูลของเธอจะต้องล่มสลายอย่างแน่นอนเพราะต่างคนก็ต่างแย่งชิงอำนาจของกันและกันส่วนพี่สาวของเธอนั้นก็ไม่ต้องการที่จะเป็นเหยื่อในสงครามเหล่านี้จึงได้ปฏิเสธการแต่งงานของตระกูลแล้วหนีมาที่เมืองนี้เพื่อที่จะเลี้ยงดูตัวเอง ส่วนเธอนั้นก็ได้ตามมาพร้อมกับพี่สาวของเธอ
ถังซิ่วนั้นไม่ใช่คนที่ชอบแส่เรื่องของคนอื่นอยู่แล้วและเมื่อเห็นท่าทางที่กระอักกระอ่วนใจของเฉิงเยี่ยนหนานนั้น เขาก็เลิกสนใจที่จะหาคำตอบพร้อมกับมองไปที่คังเซี่ยนแล้วพูดว่า
“วันนี้ฉัันยังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำ ดังนั้นขอตัวลา ส่วนเรื่องของบริษัทนั้นก็ต้องฝากเธอดูแลด้วยแล้วกัน”
หลักจากนั้นไม่กี่นาที
ถังซิ่วได้พาหยวนชูหลิงและเฉิงเยี่ยนหนานออกจากตึกในทันทีเพราะวันนี้นั้นเขาไม่ได้มีแค่เรื่องที่ต้องทบทวนบทเรียนให้พวกเขาเท่านั้นแต่ก็ยังต้องทดสอบผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของเขาเช่นกัน
หน้าทางเข้าของตึก
มีรถคันหนึ่งได้เขามาจอดอย่างช้าๆ ผู้หญิงรูปร่างสง่างามสวมรองเท้าส้นสูงสีดำก้นที่งอนได้รูปขณะที่สวมแว่นกันแดดสีชมพูได้ออกมาจากที่หนังด้านหลังพร้อมกับชายหนุ่ม
“พี่สาว เรามาตกลงกันอีกครั้งเถอะนะพี่ ผมไม่เหมาะที่จะมาทำงานที่บริษัทหรอกแต่หากว่าเป็นเรื่องใช้จ่ายเงินนั้นยกให้ผมได้เลยแต่การให้ผมมาบริหารบริษัทใหญ่แบบนี้มันเป็นไปไม่ได้ ! ถ้าพี่ต้องการก็เอาฮูหว่านจุนกับซูเรนเฟย์ไปทำสิ ”
ซางหยงจินได้ถูมือของเขาพร้อมกับพูดด้วยท่าทางสิ้นหวัง
ซางดี่ขวินได้หรี่ตาลงพร้อมกับพูดออกมาเบาๆว่า
“นายอยากจะไปที่ไหนก็ไปแต่เมื่อนายออกไปได้สองนาทีนั้นฉันจะระงับบัตรทั้งหมดของนายและตัดหนทางการทำเงินทั้งหมดด้วย ยิ่งไปกว่านั้นแล้วท้องของเด็กมหาวิทยาลัยคนนั้นก็ป่องขึ้นเรื่อยๆแล้ว ฉันเองก็ว่าจะไปบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่เราเช่นกัน นายเตรียมตัวไว้ได้เลย”
“อะไรนะ ?!”
ร่างกายของซางหยงจินนั้นสั่นสะท้านขณะที่แสร้งยิ้มออกมาอย่างรวดเร็ว
“พี่สาว พี่คือพี่แท้ๆของผมนะ! อย่าเล่นขี้โกงแบบนี้สิ ! ผมจะทำตามทุกๆสิ่งที่พี่พูด พี่อยากจะให้บุกน้ำลุยไฟผมก็จะไป”
รอยยิ้มของซางดีขวินได้ยกตัวขึ้นขณะที่เธอตอบกลับว่า
“นี่เป็นความต้องการของนายใช่ไหม ? ฉันไม่ได้บังคับนาย ?”
“ใช่ ใช่”
ซางหยงจินนั้นได้แอบด่าอยู่ภายในใจแต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาเพราะตั้งแต่เล็กจนโตนั้นพ่อแม่ของพวกเขายุ่งมากๆจึงไม่มีเวลามาเลี้ยงดูเขาและพี่ของเขาเป็นคนเดียวที่คอยดูแลเขาทุกเรื่อง เขาจึงไม่กล้าที่จะต่อต้านเธอแม้แต่น้อย
“ฮื้มมม ??”
ในทันใดนั้น สายตาของเขาก็จดจ่อไปที่ถังซิ่วที่กำลังเดินออกมา
“ศัตรูมักจะเดินบนเส้นทางเดียวกันเสมอ”
ซางหยงจินพ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชาขณะที่เขามีความกล้ามากขึ้นเพราะมีพี่สาวคอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง
ซางดี่ขวินเองก็สังเกตุได้ถึงท่าทางแปลกๆของน้องชาย เธอได้หันมองตามเขาไปก่อนที่ท่าทางของเธอจะเปลี่ยนไปเช่นกันเพราะเด็กหนุ่มที่สามารถสร้างความประทับให้เธอได้ในปีนี้นั้นมีเพียงไม่กี่คนเท่าและถังซิ่วเองก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น หากว่าถังซิ่วไม่ได้อยู่ตอนที่เธอพนันกับหลงเซ้งหยูแล้วละก็ เธอมั่นใจว่าเธอจะต้องเป็นผู้ชนะอย่างแน่นอน