…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

หลี่ฮงจี้นั้นคิดว่าการที่สามารถเชิญถังซิ่วมาได้นั้นเป็นอะไรที่เป็นผลดีมากและหลังจากที่ได้ยินคำตอบจากถังซิ่วนั้นก็ทำให้เขารู้สึกพอใจเป็นอย่างมากก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดว่า

“ฉันได้สั่งให้คนไปจัดเตรียมที่ทำงานไว้ให้คุณแล้ว ถ้าคุณมาเมื่อไหร่ก็สามารถที่จะใช้มันได้ทันที”

“เยี่ยม!”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไป

หลี่ฮงจี้พูดด้วยรอยยิ้มว่า

“งั้นฉันจะไม่กวนคุณอีกต่อไป ขอตัว”

หลังจากที่ถังซิ่วได้ไปส่งหลี่ฮงจี้แล้วนั้น เขาก็แม่ขณะที่กำลังถือเอกสารอยู่ว่า

“คุณแม่ บั่นโฉวและคนอื่นหละ ? ทำไมผมถึงไม่เห็นพวกเขา ? ”

ซูหลิงหยุนพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“แม่ได้ให้พวกเขากลับไปแล้ว ให้คนหนุ่มๆมาเสียเวลาอยู่กับหญิงแก่ๆที่นี่นั้นมันไม่ใช่เรื่องและอีกอย่างคือทางโรงพยาบาลเองก็ได้ส่งนางพยาบาลมาคอยดูแลแม่ถึงสองคนแล้วด้วย แม่คิดว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”

ถังซิ่วนั้นได้ใช้จิตสัมผัสทางวิญญาณแล้วก็สามารถบอกได้ว่าบั่นโฉวและดิ่งซี่ยังคงเฝ้าอยู่แถวๆนี้และนั่นทำให้เขารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากพร้อมกับพูดออกมาว่า

“โอเคผมเข้าใจแล้ว ในเมื่อแม่เองก็ไม่เป็นไรถ้าอย่างงั้นผมขอกลับไปที่โรงเรียนก่อนนะ”

“อื้ม อื้ม อื้ม ! ซิ่วน้อยของแม่ ลูกจะต้องตั้งใจทบทวนหนังสือนะรู้ไหม ลูกจะได้เข้าเรียนในมหาลัยชั้นนำได้หนะลูก”

เรื่องเกี่ยวกับการเรียนของถังซิ่วนั้นเป็นอะไรที่เธอเป็นห่วงอยากมากพร้อมกับพูดเตือนออกมา

“คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเลย”

ถังซิ่วตอบกลับด้วยรอยยิ้มพร้อมกับออกจากโรงพยาบาลไปอย่างรวดเร็ว

โรงเรียนมัธยมสตาร์ซิตี้

ฮั่นชิงหวูกำลังนั่งอยู่ในสำนักงานด้วยใบหน้าบูดบึ้งก่อนที่จะนึกถึงคำพูดของถังซิ่วที่ขอลาหยุดแล้วได้สัญญาว่าจะมาเข้าเรียนในคาบเช้าของวันนี้แต่เขากลับผิดสัญญาซะงั้น เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมเขาถึงได้ไม่ชอบมาที่โรงเรียนนักและชอบผัดวันประกันพรุ่งอย่างนี้

“เอิ่ม ? อาจารย์ฮั่น คุณไม่ไปทานข้าว ? ”

อาจารย์ของห้องอื่นได้เดินกลับมาเพื่อหยิบกุญแจของเขาแต่กลับพบว่าฮั่นชิงหวูนั้นยังคงอยู่ในสำนักงานจึงได้ถามออกมาด้วยรอยยิ้ม

“อิ่มทิพย์แล้ว!”

ฮั่นชิงหวูตอบด้วยท่าทางอารมณ์เสีย

“อื้ม ? เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ ? ”

อาจารย์คนนั้นได้ถามออกมาด้วยความสงสัย

ฮั่นชิงหวูเพิ่งตระหนักได้ว่าสิ่งที่เพิ่งพูดไปนั้นหยาบคายจึงได้พูดอย่างรวดเร็วว่า

“ไม่มีอะไรสำคัญนักหรอกมันแค่เป็นเรื่องเกี่ยวกับนักเรียนของฉันหนะ อาจารย์หลี่คุณไปทานข้าวเถอะ! เดี๋ยวฉันค่อยตามไปที่โรงอาหาร”

“เยี่ยม!”

เมื่ออาจารย์คนนั้นเห็นว่าฮั่นชิงหวูไม่อยากที่จะพูดถึงเรื่องนี้แล้วนั้น เขาจึงได้แต่พยักหน้าแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

“ก๊อกๆๆ ก๊อกกๆๆ”

หลังจากนั้นไม่กี่นาที ประตูห้องก็ได้ถูกเคาะ

เมื่อฮั่นชิงหวูเห็นรูปลักษณ์ของคนที่ยืนอยู่อีกด้านของประตูนั้นเป็นถังซิ่ว เธอก็รีบกระโดดขึ้นจากเก้าอี้และพุ่งไปหาเขาพร้อมคำรามออกมาว่า

“ถังซิ่ว เธอยังคิดว่าตัวเองเป็นนักเรียนอยู่หรือเปล่า ? เราได้ตกลงกันไว้แล้วไม่ใช่หรือว่าเธอจะต้องมาเข้าเรียนในช่วงเช้าของวันนี้ ? เธอมาทำอะไรตอนนี้ ? เธอรู้ไหมว่าเธอกำลังหนีเรียนอยู่ในช่วงเช้า ?”

ถังซิ่วรีบพูดอย่างรวดเร็วว่า

“อาจารย์ฮั่น ใจเย็นๆก่อนค่อยพูดค่อยจากันก็ได้ไม่เห็นจะต้องอารมณ์เสียไปเลยเดี๋ยวผมจะอธิบายให้คุณฟังทีละเรื่องเลยโอเคไหม?”

ฮั่นชิงหวูยังคำรามออกมาว่า

“ยังอยากจะพูดอะไรอีกห๊ะ ? หนีเรียนแล้วยังต้องมีเหตุผลอีกหรอ ? ก่อนหน้านี้ก็ไปที่โรงพยาบาลมาแล้วนี่ยังจะมีเหตุผลอะไรอีกห๊ะ ? ”

ถังซิ่วส่ายศนีษะขณะที่พูดออกมาว่า

“อาจารย์ฮั่น คุณให้ผมมาที่ห้องสิบนี้ก็เพราะคุณเชื่อมั่นใจตัวของผมและแน่นอนว่าความสัมพันธ์ของเราก็ด้วย ตั้งแต่ที่ผมได้มาอยู่ที่ห้องนี้ผมเคยทำให้คุณอับอายขายหน้าไหม ? เหตุผลที่ผมไม่ได้มาเข้าเรียนก็เพราะผมมีบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญที่ต้องทำและผมรู้ว่าการทดสอบก็ใกล้เข้ามาแล้วแต่ผมเองก็สามารถแยกแยะได้ว่าอันไหนสำคัญกว่ากันดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องวิตกกังวลอะไรแม้แต่น้อยเพราะผมไม่หนีไปไหนอยู่แล้ว ”

ฮั่นชิงหวูก็ยังตะโกนออกมาว่า

“เธอใช้ความเชื่อใจของฉันเพื่อให้ฉันยอมสินะ”

ถังซิ่วตอบอย่างมีน้ำหนักด้วยเหตุผลที่ว่า

“หากว่าผมจะใช้ผลประโยชน์จากความเชื่อใจของคุณจริงๆ ผมสามารถที่จะไปขอลาหยุดจากโรงเรียนเองเลยก็ได้ด้วยซ้ำยิ่งไปกว่านั้นเหตุผลของการลาของผมนั้นโรงเรียนจะต้องอนุญาตอย่างแน่นอน ผมรู้ตอนนี้คุณมีแต่ความโมโหอยู่ภายในใจและผมเข้าใจมันแต่ผมขอร้องให้คุณใจเย็นๆและรับฟังเหตุผลก่อน คุณนั้นเป็นถึงอาจารย์ประจำชั้นก็ควรต้องมีสปิริตใช้ไหม ? ”

ฮั่นชิวหวูได้ยิ้มออกมาทั้งที่ยังโกรธพร้อมชี้ไปที่ถังซิ่วแล้วพูดว่า

“ดี ดี ดี ในเมื่อเธอพูดว่าเธอมีเหตุผล มา มา ฉันจะฟังมัน เธอพูดมาสิ !”

ถังซิ่วได้ยกเอกสารขึ้นมาแล้วพูดแบบสบายๆว่า

“ไม่ต้องห่วงเรื่องเรียนเพราะผมนั้นฉลาดอยู่แล้วและนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกชิวเป็นอย่างมาก ผมได้อ่านตำราแพทย์แผนจีนเพื่อฆ่าเวลาและก่อนหน้านี้ในตอนที่ผมได้ลาหยุดไปเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์นั้นผมได้ไปที่เกาะจิงเหมินและช่วยชีวิตคนไว้จากอาการป่วยที่แปลกประหลาดอย่างบังเอิญซึ่งแม่ของเด็กน้อยคนนั้นได้พาเธอไปพบหมอที่โด่งดังทั่วประเทศแต่ก็ไม่มีใครรักษาเธอได้รวมไปถึงผู้อำนวยการของโรงพยาบาลจีนของเมืองนี้”

“ในช่วงที่แม่ของผมต้องเข้าไปพักฟื้นที่โรงพยาบาลนั้นก็บังเอิญว่าผู้อำนวยการของโรงพยาบาลได้รู้ว่าผมเป็นคนที่ได้รักษาอาการป่วยแปลกๆของเด็กน้อยคนนั้นและขอร้องให้ผมไปทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลของเขาพร้อมทั้งยังจะให้การดูแลผมอย่างดีแต่ผมนั้นไม่มีความคิดที่จะเป็นหมอดังนั้นผมจึงได้ปฏิเสธเขาไป”

ฮั่นชิงหวูได้พ่นลมหายจากจากนั้นก็พูดเยาะเย้ยว่า

“แต่งเรื่อง เธอแต่งเรื่องขึ้นมาอีกแล้ว………….”

ถังซิ่วได้ยัดเอกสารไปที่ฝ่ามือของฮั่นชิงหวูแล้วพูดว่า

“ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่นั้นก็ไม่เป็นไรเพราะผมนั้นได้พูดความจริง ผมได้ปฏิเสธเขาไปแล้วแต่เขาก็ยังไม่ถอดใจและขอร้องผม สุดท้ายแล้วผมก็สัญญากับเขาว่าหลังจากที่สอบเสร็จนั้นผมจะไปเป็นหมอรับเชิญที่โรงพยาบาลของเขา อย่างไรก็ตามคุณน่าจะรู้ว่าหมอที่โรงพยาบาลนั้นจำเป็นต้องมีใบรับรองและนี่คือเอกสารที่เขาเป็ฯคนจัดเตรียมให้ผม”

ฮั่นชิงหวูรู้สึกเชื่อครึ่งและไม่เชื่อครึ่งแต่เมื่อเธอเห็นตราประทับของสภาการแพทย์นั้นก็ทำให้เธอต้องตกตะลึง

“เธอ ……… ใบรับรองนี่เป็นของจริงงั้นหรอ?”

ถังซิ่วได้ควักโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาพร้อมเปิดไปยังเบอร์ของหลี่ฮงจี้พร้อมส่งให้ฮั่นชิงหวูจากนั้นก็พูดว่า

“นี่เป็นเบอร์โทรของผู้อำนวยการโรงพยาบาล หากว่าคุณไม่เชื่อก็สามารถโทรไปถามเขาได้เลยเพื่อให้เขายืนยันเกี่ยวกับเรื่องนี้! ยิ่งไปกว่านั้นหากคุณคิดว่านี่เป็นเบอร์ปลอมแล้วละก็ คุณก็สามารถใช้ช่องทางต่างๆเพื่อหาเบอร์เขามาได้และมาดูกันว่ามันจะเป็นเบอร์เดียวกันไหม”

ผ่านไปครู่หนึ่งหลังจากที่ฮั่นชิงหวูได้มองไปที่เบอร์นั้น ความโกรธภายในใจของเธอก็ค่อยๆจางหายไปก่อนที่จะมองไปที่ถังซิ่วแล้วพูดว่า

“ฉันไม่จำเป็นต้องโทรไปยืนยันเพราะฉันเชื่อเธอ วันนี้ฉันจะไม่เอาเรื่องที่เธอหนีเรียนแต่ห้ามมีครั้งต่อไปอีกแล้ว เธอต้องอยู่ที่โรงเรียนและตั้งใจอ่านทบทวนเข้าใจไหม ? ”

“ผมสัญญา !”

ถังซิ่วรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว

ฮั่นชิงหวูได้เอ่ยปากถามต่อว่า

“แล้วช่วงบ่ายเธอ……….”

“เมื่อวานซืนผมได้ทบทวนบทเรียนแก่พวกหยวนชูหลิงแล้ว หากว่าคุณไม่เชื่อก็ลองไปสอบถามดูได้แต่ผมก็เชื่อว่าพวกเขาน่าจะบอกกับคุณแล้วและหากว่าคุณคิดว่าผมไม่จำเป็นต้องทบทวนบทเรียนให้พวกเขาแล้วละก็ ผมก็จะอยู่ที่นี่ทุกวันและไม่ลาหยุดอีกต่อไป”

ฮั่นชิงหวูได้พูดออกมาว่า

“ฉันจะให้เธอลาหยุด”

เธอนั้นไม่ได้โง่เพราะว่าหลังจากที่ถังซิ่วได้ทบทวนให้กับเด็กเหล่านั้นแล้วเธอก็ได้ไปถามพวกเขาทันทีพร้อมกับต้องประหลาดใจเพราะว่าพวกเขาทั้งหมดได้แต่สรรเสริญว่าได้รับประโยชน์มากมายจากการทบทวนของถังซิ่ว ห้องสิบของเธอนั้นเต็มไปด้วยเด็กปกติและผลคะแนนโดยรวมก็ธรรมดาเป็นอย่างมากแต่หากว่าการทบทวนของถังซิ่วนั้นจะช่วยให้คะแนนของพวกเขาทั้งสี่คนดีขึ้นได้ มันก็เป็นอะไรที่เธอนั้นคาดหวังไว้

ถังซิ่วได้หยิบเอาเอกสารมาจากฮั่นชิงหวูพร้อมพูดว่า

“อาจารย์ฮั่น อะไรที่สมควรจะอธิบายก็ได้อธิบายไปหมดแล้ว ก่อนหน้านี้นั้นผู้อำนวยการโรงพยาบาลได้เชิญผมไปทานมื้อกลางวันแต่ผมได้ปฏิเสธเขาไปดังนั้นผมจึงหิวมากในตอนนี้ ! คุณก็ทำเรื่องของคุณไปแล้วกัน ผมจะไปที่โรงอาหารเพื่อหาอะไรกินก่อน”

“ฉันจะไปด้วย!”

ฮั่นชิงหวูรีบตอบโดยทันที

ถังซิ่วถามออกมาด้วยความประหลาดใจว่า

“นี่มันก็ถึงเวลาพักมาตั้งนานแล้วทำไมคุณถึงยังไม่กินอะไร ? ”

ฮั่นชิงหวูพูดออกมาด้วยท่าทางอารมณ์เสียว่า

“ก็อารมณ์เสียเพราะเธอหนะสิ ถามมาได้ ใครจะไปมีอารมณ์กินข้าวกันเล่า ! แต่หลังจากฟังคำอธิบายของเธอที่ดูมีเหตุผลแล้วลมในท้องของฉันก็ได้หายไปหมด หากว่าฉันยังไม่กินข้าวแล้วฉันจะไม่หิวได้ยังไงกันหละ ห๊า !!!!!!!! ”

“เฮื้อกกกกกก”

ถังซิ่วฝืนยิ้มออกมาขณะที่กำลังส่ายหัว

ไม่นานหลังจากนั้นถังซิ่วและฮั่นชิงหวูก็ได้มาถึงที่โรงอาหารของโรงเรียนและได้รับความสนใจจากทุกๆคนรอบข้าง

“สวรรค์! นั่นมันใช่ถังซิ่วหรอเปล่า ? เขาหนีเรียนไปตั้งหลายวันแล้วเพิ่งจะกลับมาวันนี้เนี่ยนะ ? ไอ้แอปเปิ้ลเน่าเอ๋ย ทำไมโรงเรียนถึงยังไม่ไล่เขาออกไปซักที !! ”

“ไอ้คนนี้มันน่าโดนยำจริงๆถึงได้มานั่งทานอาหารพร้อมกับอาจารย์ฮั่นที่เป็นเทพธิดาในหัวใจฉัน ทำไมเธอถึงได้มาทานข้าวพร้อมกับไอ้ถังซิ่วกัน ? ”

“แม้ว่าหยวนชูหลิงและเฉิงเยี่ยนหนานจะสรรเสริญเขายังไงแต่ฉันก็คิดว่าเขาเป็นคนไม่ดี ทำไมอาจารย์ฮั่นถึงต้องมาทานข้าวด้วยกันกับเขานะ เธอช่างตาบอดเหลือเกิน”

“นี่มันน่าเกลียดมาก ! อาจารย์ฮั่นนั้นไม่เคยมาทานอาหารพร้อมผู้ชายคนไหนเลยด้วยซ้ำ ไอ้เจ้านี้มันโชคดีจริงๆถึงได้มีโอกาสเช่นนั้น”

“………………….”

ถังซิ่วนั้นผ่านร้อนผ่านหนาวมามากจึงไม่ได้สนใจกับความสงสัย,ประหลาดใจหรือแววตาอาฆาตเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อยก่อนที่จะเลือกอาหารไปตั้งบนโต๊ะขณะที่ฮั่นชิงหวูรีบจ่ายเงินแทนเขาอย่างรวดเร็ว แน่นอนอยู่แล้วว่าเขาต้องรับน้ำใจนี้ไว้

เธอถือว่าเป็นค่าชดใช้สำหรับเรื่องก่อนหน้านี้

ถังซิ่วได้นั่งตรงกันข้ามฮั่นชิงหวูอย่างสบายใจก่อนที่จะหยิบตะเกียบขึ้นมาเพื่อทานอาหารพร้อมกับกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ

อาหารนั้นได้ถูกทานไปครึ่งหนึ่งก่อนที่หยวนชูหลิง,เฉิงเยี่ยนหนาน,เซี่ยหวานเฟิงและหลี่เสี่ยวเขวียนได้รีบวิ่งมายังโรงอาหาร

“ว้าวว ! ฉันหละอยากจะรู้จริงๆว่าใครมันจะโชคดีที่ได้นั่งทานอาหารกับอาจารย์ฮั่น!ที่แท้ก็เป็นพี่ชายนี่เอง อ๊า! ในที่สุดนายก็กลับมาแล้ว เมื่อวานนี้พวกเราได้ไปหานายที่วิลล่าแต่ก็น่าเสียดายที่นายไม่อยู่ที่นั่นและแม้กระทั่งไม่สามารถติดต่อนายได้เลย วันนี้นายคงไม่ทิ้งพวกเราหรอกใช่ไหม ? ”

หยวนชูหลิงได้วิ่งมานั่งข้างๆเขาพร้อมกอดไหล่เขาอย่างรวดเร็ว

ถังซิ่วรีบเอาแขนเขาออกแล้วพูดสบายๆว่า

“เราจะทบทวนกันต่อในช่วงเย็น”

แววตาของเฉิงเยี่ยนหนานนั้นเป็นประกายพร้อมกับพูดออกมาว่า

“ไม่มีปัญหา พวกเราจะรีบไปโดยทันทีส่วนเรื่องของหนังสือคู่มีระดับสามนั้นพวกเราได้เตรียมไว้แล้ว”

ถังซิ่วพยักหน้าพร้อมพูดออกมาว่า

“ฉันเข้าใจแล้ว ถ้าหากว่าไม่มีอะไรแล้วพูดเธอก็กลับไปที่ห้องได้แล้ว ! ฉันจะกลับไปทันทีหลังจากที่ทานเสร็จเรียบร้อย”

“เยี่ยม!”

เฉิงเยี่ยนหนานพยักหน้าทันทีพร้อมกับลากหยวนชูหลิงที่ดูเหมือนว่าอยากจะพูดอะไรออกมานั้นออกจากโรงอาหารทันที

ฮั่นชิงหวูกรอกตาทันทีพร้อมพูดออกอย่างสบายๆว่า

“ไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นที่นิยมชมชอบขนาดนี้! ฉันหวังว่าการทบทวนของนายจะมีผลลัพธ์ดีอย่างที่ได้พูดไว้นะ !”