…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
หลังจากที่โอหยางลูลู่ได้ยินคำพูดของถังซิ่วนั้นเธอก็มองไปที่เขาอย่างรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากพร้อมกับนำกู่เสี่ยวเสวี่ยไปเยี่ยมชมเครื่องของเธอ เครื่องลำนี้นี้ไม่ได้เพียงแค่มีห้องรับแขก, ห้องนอน, ห้องครัว, ห้องน้ำ, ห้องแต่งตัวเท่านั้น มันยังมีห้องอาบน้ำที่หรูหราเป็นอย่างมากเช่นกัน
กู่เสี่ยวเสวี่ยนั้นก็ยังคงมีท่าทางที่สุขุมเช่นเคย ต่อให้เครื่องบินลำนี้จะหรูหราแค่ไหนก็ยังไม่สามารถทำให้เธอหวั่นไหวได้แม้แต่เล็กน้อยแต่เธอกลับหันไปมองที่ถังซิ่วเป็นบางครั้งด้วยสายตาที่มีแต่ ความสงสัย
จริงๆแล้วโอหยางลูลู่เองก็รู้สึกสงสัยเกี่ยวกับถังซิ่ว,ส่วนกู่เสี่ยวเสวี่ยเองก็คิดเหมือนเธอเช่นกันเพราะเธอรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากว่าชายที่สามารถยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเผ่าพันธุ์นับหลายพันล้านในฐานะนิรันด์สูงสุดนั้นจะแตกต่างจากคนธรรมดาอย่างไร?
ที่สนามบินของเกาะจิงเหมิน
ขณะที่เครื่องบินลำสีเงินได้ลงจอดที่สนามบินของเกาะตอนเวลาช่วงบ่ายพร้อมชายและหญิงที่กำลังเดินออกมาก็ได้เห็นชายสองคนที่ยืนรอพวกเขาอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว
“นายหญิงน้อย!”
กู่เสี่ยวเสวี่ยพยักหน้าเล็กน้อยและชี้ไปที่ถังซิ่วพร้อมเอ่ยออกมาว่า
“ลุงอาเหวินและลุงอาหวู เขาคือถังซิ่วและคือนายใหญ่ของห้องอาหารร้อยงานฉลองของเรา พวกคุณปฏิบัติกับนายหญิงใหญ่ยังไงก็ขอให้ทำกับเขาเช่นนั้น เข้าใจไหม?”
“คุณถัง?”
โม่อาเหวินและโม่อาหวูมองไปที่ถังซิ่วด้วยความประหลาดใจ พวกเขารู้จักถังซิ่วดีเพราะเรื่องที่ห้องอาหารเมื่อไม่กี่วันมาก่อนนี้ที่ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่และรู้สึกว่าถังซิ่วนั้นเป็ฯคนที่น่าเกรงขามเป็นอย่างมาก หลังจากที่ได้ยินคำพูดของนายหญิงน้อยแล้วนั้น พวกเขาก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดโดยไม่ถามถึงเหตุผลแม้แต่น้อยพร้อมกับพูดออกมาด้วบความเคารพว่า
“สวัสดีครับ นายใหญ่ “
ถังซิ่วหันศรีษะไปมองที่กู่เสี่ยวเสวี่ยพร้อมพูดขึ้นว่า
“นี่มันหมายความว่ายังไง?”
กู่เสี่ยวเสวี่ยได้ตอบกลับไปว่า
“ท่านอาจารย์ปู่ นี่เป็นสิ่งที่ท่านอาจารย์ของศิษย์ได้สั่งการเอาไว้และศิษย์เพียงแค่ปฏิบัติตามคำสั่งของท่านเท่านั้น “
ถังซิ่วได้มองไปที่พวกเขาทั้งสองพร้อมพยักหน้าแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
โม่อาเหวินได้พูดอย่างสุภาพว่า
“นายใหญ่และนายหญิงน้อย รถของเราได้ถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เราจะกลับไปที่ห้องอาหารเลย ? หรือ…………. “
กู่เสี่ยวเสวี่ยได้ตอบกลับไปว่า
“กลับไปที่ห้องอาหารของเรากัน”
โอหยางลูลู่ได้มองไปที่กู่เสี่ยวเสวี่ยและถังซิ่วอยู่ครู่หนึ่ง เธอเองนั้นก็ต้องการที่จะไปที่ห้องอาหารร้อยงานฉลองเช่นกันแต่เธอเองก็ตระหนักดีว่าพวกเขานั้นมีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงแค่ระงับความอยากรู้อยากเห็นของเธอเอาไว้พร้อมกับพูดออกมาว่า
“ฉันกลับไปที่พาราไดซ์คลับ”
กู่เสี่ยวเสวี่ยพยักหน้าแล้วพูดตอบไปว่า
“หากว่าเธอมีเวลาว่างก็มาหาฉันที่ห้องอาหารบ้างแล้วกัน “
“แน่นอนอยู่แล้ว!”
โอหยางลูลู่ได้ตอบตกลงอย่างรวดเร็ว
เธอกำลังยืนอยู่กับที่ขณะที่มองไปที่หลังของถังซิ่วและกู่เสี่ยวเสวี่ยที่กำลังเดินจากไปอย่างช้าๆด้วยความรู้สึกที่ไร้กำลังจะต่อต้านเพราะก่อนหน้านี้เธอได้พูดไว้ว่าจะไม่ยอมเป็นคนขับรถของถังซิ่วอีกต่อไปอย่างแน่นอนแต่เมื่อเธอได้ยินคำสรรเสริญของถังซิ่วนั้น สุดท้ายแล้วเธอก็ค้นพบว่าตัวเองก็ได้ตกเป็นคนขับรถของเขาอีกครั้ง
ห้องอาหารร้อยงานฉลอง
หลังจากรถสองคันได้มาถึงที่ลานจอดรถ ถังซิ่วได้เดินคู่กันไปกับกู่เสี่ยวเสวี่ยและพบว่าเส้นทางที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปนั้นคือชายหาด
บนชายหาด
กู่เสี่ยวเสวี่ยได้แก้มัดเชือกของเรือพร้อมกับรอยมันลงไปบนน้ำ
ถังซิ่วได้ถามออกมาอย่างสับสนขณะที่ขึ้นไปบนเรือว่า
“เรากำลังมุ่งหน้าไปในทะเลงั้นหรอ ? หยานเอ๋ออยู่กลางทะเล? “
กู่เสี่ยวเสวี่ยได้พยักหน้าพร้อมตอบว่า
“ท่านอาจารย์ปู่ ท่านมากับศิษย์แล้วท่านจะรู้เอง “
เรือลำเล็กนี้ไม่ได้มีไม้พายแต่เมื่อขึ้นไปนั่งบนมันแล้วก็สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยตัวของมันเอง หลังจากที่พวกเขาได้ออกห่างจากฝั่งไปหลายกิโลเมตรแล้วนั้น พวกเขาก็ได้ไปหยุดอยู่กลางทะเล
ปลายเท้าของกู่เสี่ยวเสวี่ยได้ยืนอยู่บนน้ำทะเลขณะที่เธอกำลังลอยตัวอยู่บนนั้น หลังจากที่เธอโบกแขนไปมาแล้วบรรยากาศโดยรอบก็เปลี่ยนเป็นหนาวเย็นโดยทันที
“หืออ? ค่ายกลงั้นหรอ? “
ท่าทางของถังซิ่วได้เปลี่ยนไปทันทีขณะที่เขาได้ปลดปล่อยจิตสัมผัสออกมา
“วิ้สสสสสสสสส……”
ทะเลที่กว้างใหญ่ในตอนนี้นั้นกำลังแยกออกจากกันเหมือนดั่งมีดาบยักษ์ได้ผ่ามันออกจากกันขณะที่จิตสัมผัสของถังซิ่วก็รับรู้ได้ถึงค่ายกลที่ถูกวางเอาไว้ที่ก้นทะเล
“ค่ายกลทะเลสีครามและพื้นพิภพ?!”
ถังซิ่วได้ถอนหายใจออกมาเพราะค่ายกลชิ้นนี้นั้นก็เป็นหนึ่งในของสะสมของเขาเอง
กู่เสี่ยวเสวี่ยได้ลอยอยู่เคียงคู่กับถังซิ่วพร้อมพูดออกมาด้วยความตื่นเต้นและเคารพว่า
“ท่านอาจารย์ปู่ นี่คือค่ายกลทะเลสีครามและพื้นพิภพที่อาจารย์ของศิษย์ได้วางเอาไว้ อาจารย์ของศิษย์ได้อยู่ลึกลงไปร้อยเมตรจากตรงนี้ ขอให้ท่านตามศิษย์มา “
“ดี!”
ถังซิ่วได้เดินตามหลังกู่เสี่ยวเสวี่ยลงไปในรอยแยกกลางทะเลลึก
ลึกลงไปร้อยเมตร
หอคอยเจดีย์ล้ำค่าที่กำลังส่งแสงเปล่งประกายแวววาวจากก้นทะเลนั้นได้ถูกห้อมล้อมไปด้วยพลังวิญญาณไปทุกทิศทุกทางเหมือนกับกำลังซึมออกมาจากเจดีย์นั้น ถังซิ่วจำได้อย่างดีว่านี่เป็นหนึ่งในสมบัติที่เขาได้มอบให้แก่กู่หยานเอ๋อและมันสามารถใช้ในการโจมตีและป้องกันได้ในเวลาเดียวกัน
กู่เสี่ยวเสวี่ยได้หยุดอยู่ตรงหน้าของเจดีย์นั้นพร้อมหันไปทางถังซิ่วแล้วพูดว่า
“ท่านอาจารย์ปู่ สมบัตินี้เป็นสิ่งที่ท่านได้มอบมันให้กับอาจารย์ของศิษย์ ดังนั้นท่านควรจะรู้ถึงวิธีเปิดประตูของมัน “
ถังซิ่วพยักหน้าก่อนที่จะจิ้มไปที่ตราสัญลักษณ์รูปดอกบัวพร้อมตะโกนออกมาว่า
“สวรรค์และโลกสีเหลือง,ฉันเท่านั้นที่มีเกียรติ”
อย่างไรก็ตามเมื่อเสียงของถังซิ่วนั้นสิ้นสุดก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อย
ถังซิ่วยิ้มออกมาอย่างฝืนใจขณะที่พูดออกมาว่า
“พลังเวทมนตร์ในปัจจุบันของฉันได้สูญเสียไปอย่างสิ้นเชิงและความแข็งแกร่งก็แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีเลยด้วยซ้ำ ฉันไม่สามารถเปิดมันด้วยวิธีปกติได้”
หลังจากพูดจบแล้วเขาก็ได้เดินไปที่ประตูเจดีย์ก่อนที่จะวาดนิ้วไปตามลวดลายมังกรทองคำที่ถูกแกะสลักไว้ที่ประตูก่อนที่จะทุบไปเบาๆเก้าครั้ง เจดีย์ที่สักครู่ไม่ขยับแม้แต่น้อยนั้นได้เริ่มเปิดออกอย่างช้าๆ
“นี่คือ?”
เมื่อกู่เสี่ยวเสวี่ยได้เห็นวิธีการเปิดประตูทองคำของถังซิ่วนั้นก็ทำให้เธอสามารถยืนยันตัวตนของเขาได้แล้ว ก่อนหน้านี้นั้นเหตุผลที่เธอให้เขาเปิดประตูนี้ก็เพื่อที่จะทดสอบเขา
หลังจากที่ถังซิ่วได้พูดรหัสเพื่อเปิดประตูนั้นก็ทำให้เธอยืนยันถึงตัวตนของเขาได้ทันทีและเมื่อเห็นว่าถังซิ่วได้ใช้วิธีอื่นเพื่อทำให้ประตูเปิดขึ้นนั้นก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“ท่านอาจารย์ปู่ ท่านทำมันได้ยังไงกัน?”
ถังซิ่วพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“เจดีย์ทองคำนี้เป็นสิ่งที่ข้าได้มอบให้กับหยานเอ๋อในอดีตแต่ข้าเองก็ได้สร้างกลไกในการเปิดมันด้วยวิธีอื่นเช่นกันและตัวของหยานเอ๋อเองก็สามารถทำเช่นนี้ได้เหมือนกัน “
กู่เสี่ยวเสวี่ยพูดออกมาด้วยความเคารพว่า
“ท่านอาจารย์ปู่ เราเข้าไปกันเถอะค่ะ ! ท่านอาจารย์ ท่าน…….. ท่านอยู่ข้างใน”
ถังซิ่วพยักหย้าก่อนที่จะก้าวเข้าไปในเจดีย์ทองคำนั้น
“ฮื้มมมม?”
ในพริบตานั้นถังซิ่วรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นยะเยือกที่ถูกส่งผ่านมาจากภายใน ระดับอุณหภูมิของข้างในนั้นต่ำกว่าด้านนอกกว่าสิบเท่าและที่มากไปกว่านั้นก็คือ แม้ว่าเขาจะเป็นผู้บ่มเพาะพลังก็ตามแต่ก็ยังรู้สึกหนาวสั่นเช่นกัน
“ใครกัน?”
เสียงที่รู้สึกเหมือนคนที่ผ่านมาหลายยุคสมัยได้ดังก้องขึ้นมาจากภายในก่อนที่หญิงชราที่กำลังถือไม้เท้าลายหัวมังกรและชุดคลุ่มสีทองได้ปรากฏกขึ้นตรงหน้าของถังซิ่ว
“ผู้อาวุโส จี่ อย่าทำตัวไม่สุภาพ”
กู่เสี่ยวเสวี่ยก้าวออกมาพร้อมพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำโดยทันที
ท่าทางของหญิงชรานั้นได้เปลี่ยนไปในทันทีก่อนที่จะพยักหน้าให้กู่เสี่ยวเสวี่ยพร้อมกับพูดด้วยเสียงโทนต่ำว่า
“ลอร์ดน้อย นายท่านได้สั่งไว้ว่านอกจากเจ้าแล้วห้ามให้ใครเข้ามาที่นี่โดยเด็ดขาด ครั้งนี้เจ้านำคนภายนอกเข้ามาทำไมกัน ? “
กู่เสี่ยวเสวี่ยชี้ไปที่ถังซิ่วแล้วพูดว่า
“เขาเป็นคนที่อาจารย์ต้องการตามหา!”
“อะไรนะ?”
นัยน์ตาของหญิงชราคนนั้นได้จ้องมองที่ที่ถังซิ่วอย่างรวดเร็วขณะที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ถังซิ่วจ้องไปที่ดวงตาคู่นั้นของเธอขณะที่เขาได้พูดออกมาเบาๆว่า
“สายเลือดของเผ่าพันธุ์ลุ่มหลง ?,กล้าที่จะแสดงท่าทียโสโอหังต่อหน้าข้าคนนี้ ? ในอดีตถ้าข้าไม่ได้ใจกว้างพอที่จะยื่นมือไปให้ที่กำบังและช่วยเหลือ พวกเจ้าก็คงจะโดนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไปโดยจักรพรรดิพันเนตรแล้ว? “
“ปึ้กกกกก …… “
หญิงชรารีบคุกเขาลงพร้อมร่างกายที่สั่นเทา
เป็นดั่งที่ถังซิ่วได้พูดเอาไว้ว่าหากเขาไม่ได้มีความเมตตาที่จะยื่นมือไปช่วยเหลือแล้วละก็ เผ่าพันธุ์ของเธอจะต้องถูกฆ่าล้างจนหายไปจากดินแดนแห่งนิรันด์อย่างแน่นอนและบนโลกนี้นั้นมีเพียงแค่กู่หยานเอ๋อเท่านั้นที่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เรื่องนี้
“จี่ฉีเหม่ยคาราวะท่านลอร์ดผู้สูงส่ง”
ถังซิ่วพูดออกมาเบาๆว่า
“ยืนขึ้น! บาดแผลของเจ้านั้นสาหัสเป็นอย่างมาก ถ้าไม่รักษาโดยทันทีอาจจะไม่สามารถมีชีวิตรอดถึงปีหน้าอย่างแน่นอน “
จี่ฉีเหม่ยพูดออกมาอย่างขมขื่นว่า
“ข้าน้อยตระหนักถึงเรื่องนั้นดีแต่ทรัพย์ยากรบ่มเพาะบนโลกนี้นั้นมีน้อยเป็นอย่างมากและไม่สามารถหาสมุนไพรที่ล้ำค่าได้เลย ข้าน้อยนั้นสามารถอดทนได้ถึงขนาดนี้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว การที่ลอร์ดน้อยนั้นสามารถพบท่านลอร์ดผู้สูงส่งได้นั้น หากว่านายท่านตื่นขึ้นแล้วจะต้องมีความสุขมากๆอย่างแน่นอน “
” ตื่น?”
คิ้วของถังซิ่วขมวดเขาหากันทันทีขณะที่ถามออกมาด้วยเสียงโทนต่ำ
“หยานเอ๋อเป็นอะไร?”
“นี่……”
ท่าทางของจี่ฉีเหม่ยนั้นเปลี่ยนไปโดยทันทีพร้อมกับก้มหัวและไม่ได้พูดอะไรออกมา
กู่เสี่ยวเสวี่ยได้พูดออกมาอย่างขมขื่นว่า
“ท่านอาจารย์ปู่ อาการบาดเจ็บของท่านอาจารย์นั้นสาหัสเสียยิ่งกว่าของผู้อาวุโสจี่เสียอีก ในช่วงสิบปีมานี้นั้นท่านมักจะไม่ได้สติและต่อให้ท่ารตื่นขึ้นมาได้นั้นก็จะไม่สามารถทนได้นานนักพร้อมกับหมดสติไปอีกครั้ง “
ฝันร้ายแห่งนิรันด์?
ถังซิ่วจำได้ถึงคำพูดที่กู่เสี่ยวเสวี่ยพูดไว้ช่วงก่อนหน้านี้ หัวใจของเขาในตอนนี้นั้นสั่นระรัวพร้อมกับพุ่งไปทางบันไดอย่างไม่ลังเล
เจดีย์นี้มีทั้งหมดเจ็ดชั้นและทุกห้องก็ว่างเปล่าโดยสมบูรณ์ยกเว้นห้องที่มีไว้เก็บวัสดุเท่านั้น
ความเร็วของถังซิ่วนั้นรวดเร็วเป็นอย่างมากก่อนที่เขาจะปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าชั้นที่เจ็ด ,อาการที่หนาวเย็นได้ปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่พร้อมดวงตาที่กำลังจ้องไปที่นอนแข็งทื่อเหมือนดั่งก้อนหยกที่เป็นน้ำแข็ง กระโปรงสีขาว ผมสีดำ รูปลักษณ์ที่สวยงามของเด็กอายุประมาณ20ปีที่กำลังนอนอยู่ตรงนั้น
“ใช่เธอจริงๆด้วย!”
หลังจากที่ถังซิ่วได้เห็นรูปลักษณ์ของเด็กสาวคนนั้นอย่างชัดเจน หัวใจของเขาก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงแม้ว่ารูปลักษณ์ของเธอจะเปลี่ยนไปเล็กน้อยหากเทียบกับปีที่ผ่านมาแต่เขาก็คุ้นเคยกับเธอเป็นอย่างมากและไม่เคยลืมเธอเลยแม้จะผ่านมานานหลายพันปี
“ศิษย์ข้า!”
ถังซิ่วรีบวิ่งมายังแท่นน้ำแข็งพร้อมพยุงเธอขึ้นมากอดซบที่อกของเขา ใบหน้าที่คุ้นเคย กลิ่นหอมที่เคยได้สัมผัส ถังซิ่วนั้นไม่เคยคิดว่าตัวของเขาจะมีโอกาสได้พบกับเธออีกครั้ง ลูกศิษย์ที่เขาเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเด็ก
ในห้วงความคิดของเขานั้นได้เรียกคืนภาพความทรงจำกลับมา
“ท่านอาจารย์ หยานเอ๋อหิวแล้ว ท่านเก็บผลไม้หยกให้ข้าหน่อยได้ไหม?”
“ท่านอาจารย์ หยานเอ๋อได้เรียนรู้วิชาเคลื่อนที่ของการระบำผีเสื้อแห่งนิรันด์แล้ว ท่านอยากจะเห็นมันไหม?”
“ท่านอาจารย์ ระดับพลังของหยานเอ๋อกำลังจะเพิ่มขึ้นอีกแล้ว ตอนนี้ข้าจะก้าวผ่านจากเขตแดนแห่งนิรันด์ไปเป็นนิรันด์ที่แท้จริงแล้ว ถึงตอนนั้นแล้วข้าก็จะมีความสามารถพอที่จะปกป้องท่านได้”
“ท่านอาจารย์ กระโปรงนิรันด์ที่ท่านซื้อให้ข้านั้นสวยเป็นอย่างมาก หยานเอ๋อชอบเสื้อผ้าสีขาว…… “
“ท่านอาจารย์ ……”
ตาของถังซิ่วเริ่มเปียกชื้นขณะที่น้ำตากำลังจะไหลออกมาพร้อมกับลูบไปบนแก้มของเธอ ก่อนที่จะหันไปทางกู่เสี่ยวเสวี่ยและจี่ฉีเหม่นและพูดด้วยเสียงโทนต่ำว่า
“บอกข้ามาให้หมดว่ามันเกิดอะไรขึ้น”