…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของกู่เสี่ยวเสวี่ยในขณะนี้นั้นเหมือนดั่งภาพของความงามที่เย็นชาดั่งภูเขาน้ำแข็งของเธอได้พังทลายลงในขณะที่มันถูกแทนที่ด้วยความงามอันอ่อนโยนที่สามารถทำให้ประเทศล่มสลายได้

“โอหยางลูลู่นั้นเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยและสิ่งที่เธอไม่ชอบมากที่สุดคือการนั่งรถของคนอื่นและใช้เงินเพื่อซื้อตั๋วเครื่องบินสาธารณะ ถ้าศิษย์เดาไม่ผิดแล้วละก็ การที่เธอมาถึงที่นี่ได้นั้นเธอไม่ได้ขับรถมาที่นี่เองแต่นั่งเครื่องบินส่วนตัวมาแน่นอน ”

ถังซิ่วจ้องมองอย่างว่างเปล่าแล้วพูดออกมาว่า

“เธอไม่ได้ขับมารถมาเองงั้นหรอ?แต่วันนี้เธอเพิ่งให้ฉันนั่งรถของเธอและรถนั้นก็ดูเหมือนจะเป็นรถของเธอด้วย”

กู่เสี่ยวเสวี่ยตอบว่า

“ไม่ใช่ค่ะ รถของเธอนั้นมีป้ายทะเบียนแต่ไม่ใช่ป้ายอนุญาตชั่วคราวและรถที่เธอขับมาในวันนี้นั้นเป็นป้ายอนุญาตชั่วคราว ”

ถังซิ่วพูดด้วยความประหลาดใจว่า

“เจ้าเห็นได้งั้นหรอ?”

กู่เสี่ยวเสวี่ยยิ้มออกมาแล้วพูดว่า

“ทักษะการสังเกตของศิษย์นั้นดีเสมอ”

เพราะเธอนั้นได้รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของถังซิ่วแล้วนั่นทำให้เธอค่อนข้างใกล้ชิดกับเขาเพราะกู่หยานเอ๋อนั้นเป็นคนเลี้ยงเธอมาตั้งแต่ยังเด็กและยังเป็นอาจารย์ของเธอด้วย เธอนั้นมีความรู้สึกมากมายลึกๆอยู่ข้างในเพราะเธอรู้ดีว่าหากถังซิ่วไม่ได้รับอาจารย์ของเธอไปเลี้ยงแล้วก็จะไม่มีวันมีอาจารย์ของเธอและจะไม่มีวันที่เธอได้เจอกับอาจารย์อย่างแน่นอน

ถังซิ่วรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาโอหยางลูลู่ทันที

“มีอะไร?”

เสียงที่ไม่มีความสุขของโอหยางลูลู่ได้ถูกส่งออกมาทางโทรศัพท์

ถังซิ่วรู้สึกอึดอัดมากเพราะเขาคิดว่าตอนนี้เขานั้นเหมือนเป็นคนที่ “เรียกใครสักคนในยามจำเป็นและโยนมันทิ้งเมื่อไม่ต้องการ” ดังนั้นท่าทีของเขาจึงเป็นมิตรมากขึ้นกว่าเดิมพร้อมพูดออกมาด้วยเสียงอ่อนโยนว่า

“ลูลู่ ฉันต้องการจะถามอะไรบางอย่าง เรื่องที่เมืองนี้ของเธอนั้นยุ่งมากหรือเปล่า? ”

ลูลู่?

ความโกรธบนใบหน้าของโอหยางลูลู่นั้นแข็งตัวอย่างรวดเร็วเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ถังซิ่วเรียกเธอแบบนี้ เธอกอดโทรศัพท์ไว้ด้วยสายตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อและถามออกมาว่า

“นายมีแผนการร้ายแบบไหนกัน ฉันจะบอกนายนะ ฉันคนนี้ไม่มีทางเป็นคนขับรถของนายอีกแล้ว! ”

เธอได้เน้นตรงคำว่า “คนขับรถ”

ถังซิ่วพูดด้วยเสียงหัวเราะว่า

“ฉันมีบางอย่างที่ต้องการความช่วยเหลือจากเธอ ถ้าเธอสามารถช่วยฉันแล้วก็ถือว่าเราเป็นเพื่อนกัน ”

“จริงๆหรอ ?”

โอหยางลูลู่ตอบด้วยเสียงที่รู้สึกแปลกใจ

ถังซิ่วพูดด้วยท่าทางรรับประกันของเขาว่า

“มันจริงแท้! จริงๆอย่างแน่นอน ! ”

โอหยางลูลู่พูดออกมาอย่างมีความสุขว่า

“พูดมาสิว่านายต้องการให้ฉันช่วยอะไร? ”

ถังซิ่วพูดด้วยเสียงหัวเราะว่า

“จริงๆแล้วมันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย! ฉันมีเรื่องเร่งด่วนและต้องไปที่เกาะจิงเหมินแต่เที่ยวบินสุดท้ายของสนามบินได้ออกไปแล้วในวันนี้ ฉันได้ยินจากกู่เสี่ยวเสวี่ยว่าเธอมีเครื่องบินส่วนตัวและฉันต้องการยืมเครื่องบินส่วนตัวของเธอเพื่อไปที่เกาะนั่น เธอช่วยฉันหน่อยได้ไหม?”

“เสี่ยวเสวี่ย? ไม่มีทาง!”

ร่องรอยแห่งความเสียใจและความเศร้าโศกโผล่ขึ้นมาในหัวใจของโอหยางลูลู่ขณะที่เธอแกล้งทำเป็นเสียงร้ายแต่หลักจากที่เธอตระหนักว่าความคิดของเธอไม่ถูกต้องจึงพูดเสริมทันทีว่า

“แต่ถ้าหากนายเรียกฉันแบบเพราะๆแล้วละก็ ฉันจะรีบไปที่สนามบินโดยทันที ! พร้อมกับไปส่งนายที่เกาะนั่น เป็นไงหละ ?”

ถังซิ่วกระพริบตาปริบๆเพราะจิตใจของเขาตอนนี้นั้นเต็มไปด้วยความสับสน

ไอ้ผู้หญิงคนนี้มันป่วยหรือเปล่า?

เธอต้องการให้เขาเรียกเธอแบบรื่นหูงั้นหรอ?

ไม่ใช่เธอมีชื่อว่าโอหยางลูลู่? เขาเรียกเธอว่าลูลู่ครั้งแล้วครั้งเล่าและสนิทสนมกับเธอ มันยังไม่น่าพอใจอีกงั้นหรอ? เขาต้องพูดอะไรบางอย่างที่น่าฟัง?

“โอหยางลูลู่ได้บอกให้ฉันพูดอะไรบางอย่างที่น่าฟังแล้วรื่นหู! ฉันควรจะบอกอะไรเธอบ้าง? ”

ถังซิ่วหันไปมองที่กู่เสี่ยวเสวี่ยขณะที่เขาถามด้วยท่าทางที่งงงวย

ในความเป็นจริงนั่น กู่เสี่ยวเสวี่ยก็สามารถได้ยินบทสนทนาของพวกเขาทั้งคู่อยู่แล้วแต่เมื่อเห็นการแสดงออกของถังซิ่วนั้น เธอก็เดาไม่ออกว่าตัวเขานั้นแกล้งโง่หรือโง่จริงๆ ว่าโอหยางลูลู่นั้นกำลังหยอดเขาอยู่แต่เขาไม่รู้จริงๆหรอ ?

อย่างไรก็ตาม

ทำไมโอหยางลูลู่นั้นถึงต้องสร้างความลำบากใจให้แก่อาจารย์ปู่ของเธอ ? หรือว่าเธอยังโกรธเรื่องที่เขาได้ใช้ให้เธอเป็นคนขับรถอยู่ ?

ความคิดของกู่เสี่ยวเสวี่ยนั้นว่างเปล่าไปครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบด้วยเสียงต่ำว่า

“ท่านอาจารย์ปู่, พูดชมเธอว่าเธอสวยและน่าดึงดูดแถมมีรูปร่างที่สง่างามและบอกว่าเธอนั้นเป็นที่รักของชายทุกคน ดอกไม้เห็นก็จะต้องเบ่งบาน… ”

“ฮึ……”

ถังซิ่วมองไปที่กู่เสี่ยวเสี่ยก่อนที่เขาจะพูดตามคำแนะนำที่ได้รับมาว่า

“ลูลู่ เธอเป็นคนที่สวยงามและน่าดึงดูดแถมมีรูปร่างที่สง่างามและบอกว่าเธอนั้นเป็นที่รักของชายทุกคน ดอกไม้เห็นก็จะต้องเบ่งบาน เธอ … เธอเป็นคนใจดีและจะต้องพาเราไปที่เกาะจิงเหมินใช่ไหม? ”

ที่ด้านข้างๆ …

กู่เสี่ยวเสวี่ยนั้นชื่นชมอาจารย์ปู่ของเธอจริงๆที่สามารถก๊อปคำพูดทั้งหมดของเธอได้ทุกคำที่เธอสอนออกไปเมื่อกี้, อย่าบอกนะว่าเขาไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ? หรือคิดจะพูดอะไรที่ดีกว่านั้น ?

เธอรู้ดีถึงบุคลิกของโอหยางลูลู่และเธอเชื่อว่าโอหยางลูลู่จะต้องไม่พอใจกับคำพูดแค่นี้แน่นอน

อีกด้านหนึ่ง

ความรู้สึกโกรธของโอหยางลูลู่ได้หายไปอย่างสิ้นเชิงพร้อมกับปรากฏรอยยิ้มกว้างที่เต็มไปด้วยความสุข เธอพูดผ่านทางโทรศัพท์ว่า

“ก็พอจะนับได้ว่านายชื่นชมฉัน! ตอนนี้ป้าคนนี้อารมณ์ดีเป็นอย่างมาก ถึงฉันจะไม่ค่อยเต็มใจแต่ก็จะช่วยนายสักครั้งแล้วกัน จำไว้ว่าตอนนี้นายได้เป็นเพื่อนกับฉันแล้วเราจะต้องไม่มีความรับต่อกันเข้าใจไหม? ”

“ได้!”

ถังซิ่วตอบกลับอย่างเรียบง่ายและชัดเจน

โอหยางลูลู่ได้พูดต่อว่า

“เดี๋ยวฉันจะรีบไปที่สนามบินโดยทันที”

ถังซิ่วได้วางสายพร้อมมองไปที่กู่เสี่ยวเสวี่ยและบอกเธอว่า

“โอหยางลูลู่กำลังรีบมาที่นี่ เธอบอกให้เรารอที่นี่ ”

เกิดอาการลัดวงจรภายในสมองของกู่เสี่ยวเสวี่ย

เธอมองไปที่ถังซิ่วด้วยท่าทางที่นึกไม่ถึง แม้ในขณะนี้เธอเองก็ยังคิดไม่ออกว่าทำไมโอหยางลูลู่ที่เป็นเจ้าหญิงที่หยิ่งทะนงถึงให้อภัยแก่ถังซิ่วอย่างงายดายและยังตอบรับคำขอของเขาด้วย เธอไม่รู้เลยว่าอาจารย์ปู่ของเธอนั้นได้ใช้มนต์อะไรใส่โอหยางลูลู่หรือปล่า?

ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น

โอหยางลูลู่ที่สวมรองเท้าหนังสีดำของเธอกำลังใกล้เข้ามา เธอสวมชุดหนังสีดำเงางามแม้กระทั่งเสื้อคลุมก็ยังเป็นสีดำเช่นกัน

ถังซิ่วมองไปที่กู่เสี่ยวเสวี่ยที่สวมชุดสีขาวและโอหยางลูลู่ที่สวมชุดสีดำนั้น เขารู้สึกว่าฉากปัจจุบันนั้นมันช่างสว่างไสวและน่าทึ่งเป็นอย่างมาก

“ฉันดูดีหรือไม่?”

โอหยางลูลู่ได้แสดงรอยยิ้มอ่อนโยนออกมาและหมุนรอบไปรอบๆถังซิ่ว เสื้อคลุมสีดำของเธอไหวพลิ้วไปมาทำให้เธอนั้นดูะสง่างามและมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก

“ดูดีมาก!”

ถังซิ่วในตอนนี้นั้นได้พูดออกมาจากใจจริงพร้อมพยักหน้าออกมา

โอหยางลูลู่ยิ้มด้วยความพึงพอใจ จากนั้นเธอก็เดินตรงไปยังกู่เสี่ยวเสวี่ยและกอดแขนของเธออย่างใกล้ชิด

“เสี่ยวเสวี่ย เธอเสร็จธุระแล้วงั้นหรอ?”

“อื้ม!”

กู่เสี่ยวเสวี่ยพยักหน้าเล็กน้อย

โอหยาลูลู่พูดด้วยเสียงหัวเราะว่า

“บอกฉันมาเลยนะถ้าหากถังซิ่วนั้นกล้ารังแกเธอ! ถึงแม้ว่าผู้ชายคนนี้มักจะทำตัวเหมือนคนที่หยิ่งยโสแต่เขาก็เป็นคนที่อบอุ่นและฉันยังมีวิธีมากมายที่จะจัดการเขา”

กู่เสี่ยวเสวี่ยได้พูดออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“ลูลู่ อย่าดุท่านอาจารย์ปู่เลย”

“เธอพูดว่าอะไรนะ?”

การแสดงออกของโอหยางลูลู่นั้นกลายเป็นโง่งมในทันทีก่อนที่เธอจะแคะหูของตัวเองอย่างหนัก

หูแว่วงั้นหรอ?

ใช่ ต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน!

โอหยางลูลู่ได้พูดออกมาอีกครั้งว่า

“เสี่ยวเสวี่ย,ถังซิ่วนั้นเป็นคนที่แกล้งง่ายมากๆเลยรู้ไหม ? ตราบใดที่เขาต้องการความช่วยเหลือจากเขาแล้วละก็ เขาจะต้องมาขอความเมตตาจากฉันอย่างแน่นอน ”

กู่เสี่ยวเสวี่ยของไปที่ถังซิ่วขณะที่เธอพูดออกมาว่า

“ลูลู่ ท่านอาจารย์ปู่นั้นเป็นคนใจกว้างมาก เขาดีมากกับคนอื่นๆและเธอไม่สามารถพูดแบบนั้นอีกในภายหลังได้ ไม่อย่างนั้น … ฉันจะโกรธมาก ”

โอหยางลูลู่ชี้ไปที่ถังซิ่วและร้องตะโกนด้วยความรู้สึกตกใจว่า

“เ-เธ-เธอ …เธอเรียกถังซิ่วว่าอะไรนะ ? เธอเรียกเขาว่าอาจารย์ปู่? ฉันไม่ได้ยินผิดไป? เธอเรียกเขาว่าอาจารย์ปู่จริงๆหรือ ? เ-เข-เข เขา- เขาจะไปเป็นอาจารย์ปู่ของเธอได้อย่างไรกัน? “

กู่เสี่ยวเสวี่ยพยักหน้าแล้วพูดอย่างจริงจังว่า

“ลูลู่ เขานั้นเป็นท่านอาจารย์ของอาจารย์ฉันและถ้าเธอยังต้องการที่จะเป็นเพื่อนกับฉัน เธอต้องเคารพอาจารย์ปู่ของฉันด้วย ”

โอหยางลูลู่รู้สึกทึ่งกับคำพูดของกู่เสี่ยวเสวี่ยเพราะไม่เคยมีใครเคยฝันว่าถังซิ่วจะไปเป็นอาจารย์ปู่ของเธอได้หรือแม้แต่เรื่องที่เป็นอาจารย์ของอาจารย์เธอ

ถังซิ่วอายุเท่าไหร่?

กู่เสี่ยวเสวี่ยนั้นถูกอาจารย์ของเธอเลี้ยงมาตั้งแต่ยังเล็กและนั่นก็หมายความว่าอาจารย์ของเธอนั้นจะต้องพอมีอายุอยากน้อยกว่ามากกว่ากู่เสี่ยวเสวี่ยเป็นเท่าตัว ? แล้วผู้หญิงที่อายุอย่างน้อย40ปีจะมาเป็นลูกศิษย์ของถังซิ่วงั้นหรอ ?

นี่…

ตั้งแต่ที่กู่เสี่ยวเสวี่ยนั้นไม่ได้อธิบายเพิ่มเติม,ถังซิ่วเองก็เลือกที่จะเงียบในขณะที่กำลังดูการแสดงออกที่ตกใจของโอหยางลูลู่

“เสี่ยวเสวี่ย เธอยังไม่ได้ตอบคำถามของฉันนะ ”

หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน โอหยางลูลู่จึงได้กระตุกแขนของกู่เสี่ยวเสวี่ยอีกครั้ง

“ฉันไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้”

เธอตอบแล้วก็พูดต่อว่า

“และฉันหวังว่าเธอจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปถึงแม้ว่าจะเป็นตระกูลของเธอนะ”

ตอนนี้โอหยางลูลู่ได้ตระหนักว่าระหว่างกู่เสี่ยวเสวี่ยและถังซิ่วนั้นมีความลับที่ซุกซ่อนอยู่มากมายและเธอได้ถูกกระตุ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่กำลังดิ้นอยู่ในใจของเธอ อย่างไรก็ตามเธอได้ถูกกดดันอย่างหนักเนื่องจากคำพูดของกู่เสี่ยวเสวี่ยพร้อมพยักหน้าตอบอย่างช้าๆหลังจากที่ได้เงียบอยู่เป็นเวลานาน

“ฉันสัญญาว่าฉันจะฝังเรื่องนี้ไว้ในใจฉัน”

ถังซิ่วได้พูดต่อว่า

“ไปกันเถอะ! ฉันกำลังรีบ ”

โอหยางลูลู่ได้ของไปที่เขาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งเธอรู้จักกับเขามากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่าเธอไม่สามารถหยั่งถึงเขาได้เลย ถังซิ่วสำหรับเธอนั้นเป็นเหมือนแม่เหล็กที่กำลังดึงดูดเธอเข้าไปหาเขามากขึ้นเรื่อยๆ และเธอก็ต้องการที่จะมองเขาอย่างชัดๆผ่านม่านหมอกที่ได้ปกคลุมตัวเขา

ที่สนามบินเมืองสตาร์ซิตี้ โอหยางลูลู่ได้นำถังซิ่วและกู่เสี่ยวเสวี่ยไปตามช่องทางของแขกวีไอพีพร้อมกับให้พนักงานของสนามบินขับรถพาพวกเขาไปที่ลานบิน ,เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวสีเงินขนาดเล็กได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าของถังซิ่ว มันมีเส้นสีแดงพาดผ่านเป็นรูปแบบที่งดงามของดอกโบตั๋น ปีกของมันแผ่ออกราวกับว่ามันเป็นนกตัวใหญ่ที่กำลังอยู่บนพื้น

“เจ้านาย!”

คนที่มีกลิ่นอายของผู้ใหญ่กำลังถือกองเอกสารไว้และรออยู่ใต้บันได

โอหยางลูลู่ถามออกมาว่า

“นายได้จัดการเรื่องการขึ้นบินหรือยัง? ”

เขาตอบกลับอย่างสุภาพว่า

“ผมได้ส่งคำขอไปแล้วและได้รับการอนุมัติเรียบร้อย เราสามารถขึ้นบินได้ภายใน15นาที นักบินและพนักงานต้อนรับกำลังรออยู่ในห้องเครื่อง”

“ดี!”

โอหยางลูลู่ตอบออกมาพร้อมกับพาถังซิ่วเดินขึ้นบันไดไป

ภายในนั้นตกแต่งอย่างหรูหราด้วยพรมที่นุ่ม โซฟาหนังที่กว้างขวางและเฟอร์นิเจอร์สุดหรูหราและยิ่งไปกว่านั้นคือถังซิ่วเองไม่รู้ถึงมูลค่าของเครื่องบินแม้แต่น้อยแต่เพียงแค่ได้เห็นการตกแต่งภายนี้พวกนี้เจาก็รู้ได้เลยว่ามันหรูหราเป็นอย่างมาก

“นายคิดว่าไง? เจ็ทส่วนตัวของฉันดีพอไหม? ”

โอหยางลูลู่เอ่ยปากถามออกมาพร้อมกับท่าทางที่รู้สึกพึงพอใจที่มาพร้อมกับรอยยิ้มที่แสนสง่างามของเธอก่อนที่จะกวาดสายตาไปทางถังซิ่ว

ถังซิ่วตอบอย่างสงบว่า

“ไม่เลว”

ในสายตาของเขา การประเมินว่า “ไม่เลว”นั้นเป็นเรื่องที่หาได้ยากมาก ความคิดของเขานั้นเป็นอะไรที่โอหยางลูลู่ไม่สามารถเข้าใจได้อย่างแน่นอนแต่กู่เสี่ยวเสวี่ยนั้นตระหนักถึงเรื่องนี้ดีเพราะยังไงก็ตามถังซิ่วนั้นเคยเป็นถึงผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของชีวิตนับหลายพันล้านคน ความหรูหราแค่ไหนบ้างที่เขาจะไม่เคยเห็น ?