…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
คิ้วของกู่เสี่ยวเสวี่ยได้ขมวดอย่างรวดเร็วแม้ว่าเธอจะมีความสุขมากที่ได้พบกับโอหยางลูลู่แต่เรื่องที่เธอต้องปรึกษากับถังซิ่วในวันนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง นอกจากนี้เธอรู้สึกแปลกมากว่าทำไมโอหยางลูลู่และถังซิ่วถึงได้อยู่ด้วยกัน เธอมองไปที่ถังซิ่วด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามทันที
“เธอเป็นคนขับรถที่ฉันยืมตัวมาครู่หนึ่งและฉันไม่สามารถไล่เธอกลับไปได้ เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเธอแล้วกัน ”
ถังซิ่วได้เดินมาตรงหน้าของกู่เสี่ยวเสวี่ยก่อนที่จะพูดออกมาเบาๆ
กู่เสี่ยวเสวี่ยได้มองไปที่โอหยางลูลู่ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึขอโทษแล้วพูดว่า
“ลูลู่ ฉันมีความสุขมากที่ได้พบเธอในเมืองนี้ แต่ถังซิ่วและฉันมีเรื่องที่สำคัญมากที่จะต้องพูดกัน เธอจะช่วยให้ความส่วนตัวกับพวกเราหน่อยได้ไหม? ใช่ หลังจากที่ฉันกลับไปที่เกาะจิงเหมินแล้วจะรีบติดต่อเธอทันที ”
“อะไรนะ?”
สมองของโอหยางลูลู่เหมือนกำลังลัดวลจร เธอไม่เคยคาดคิดว่ากู่เสี่ยวเสวี่ยจะเชื่อฟังและปฏิบัติตามสิ่งที่ถังซิ่วได้พูดออกมา! นี่ใช่เพื่อนรักของเธองั้นหรอ?
เป็นไปได้ไหมว่า …กู่เสี่ยวเสวี่ยนั้นได้ตกหลุมรักถังซิ่วจริงๆ?
โอหยางลูลู่มองไปที่ถังซิ่วและกู่เสี่ยวเสวี่ยด้วยท่าทางที่อ่อนแอและหมดหวังเป็นอย่างมาก เธอพยักหน้าและพูดว่า
“พวกเธอก็ทำธุระไปแล้วกัน ฉันจะกลับละ”
ผู้ชมที่อยู่ใกล้ๆที่ได้เห็นการมาถึงของรถ land loverนั้นรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมากและหลังจากที่พวกเขาเห็นถังซิ่วกับโอหยางลูลู่นั้นก็ทำให้พวกเขาตกใจเป็นอย่างมาก
พวกเขาไม่สนใจถังซิ่วแม้แต่น้อยและ99%นั้นกำลังจดจ่อไปที่โอหยางลูลู่เพราะความงามนี้สามารถเรียกได้ว่าสูสีกับเทพธิดากระโปรงสีขาวคนนั้นเลยก็ว่าได้!
“เวรเอ๋ย! กะหล่ำปลีได้ถูกหมูคาบไปแล้ว ”
ขณะนี้นั้นผู้คนได้มองไปที่ถังซิ่วด้วยท่าทางอิจฉาเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามเปลวไฟได้ถูกจุดขึ้นในดวงตาของทุกคนเมื่อพวกเขาได้เห็นโอหยางลูลู่ได้เดินกลับไปที่รถและขับออกไปนั้นและเห็นว่าถังวซิ่วกับกู่เสี่ยวเสวี่ยกำลังเดินคู่กับเขาไปที่ด้านหลังของอาคาร
“ฉันตาบอด? หรือเทพธิดาทั้งสองนั้นตาบอด? พวกเธอมีความสัมพันธ์อะไรกับไอเด็กนั่น? ”
“เวรเอ้ย! ไอเด็กนั้นมันมีพื้นหลังอะไรกันแน่?มันถึงได้มีเทพธิดาเดินตามต้อยๆ? ”
“โอ้พระเจ้า ฉันเสียใจจริงๆ! คนรักของฉันได้ไปกับผู้ชายคนอื่นแล้ว ”
“ฉันต้องการถลกหนังและกินไอเด็กนี่ ทำไมเขาถึงได้มีโชคเรื่องผู้หญิงขนาดนี้? ”
“…”
ถังซิ่วได้เดินไปคู่กับกู่เสี่ยวเสวี่ยเหมือนพวกเขาเข้าใจกันและกันอย่างมากและตรงไปที่ชั้นสี่ของตึก ที่นั้นมีคาเฟ่ที่มีชื่อเสียงมากในการดูวิวเป็นอย่างมากและการที่นั่งที่ริมหน้าต่างนั้นจะสามารถมองเห็นทัศนียภาพทั้งหมดของเมืองนี้ได้เลย
“คุณทั้งสองต้องการจะสั่งอะไร?”
พนักงานเสิร์ฟที่ดีและสวยงามมาพร้อมรอยยิ้มขณะที่เธอถามออกมา
“น้ำเปล่า!”
“น้ำเปล่า!”
ถังซิ่วและกู่เสี่ยวเสวี่ยนั้นพูดอย่างพร้อมเพรียงกัน
พนักงานเสิร์ฟมองหน้าพวกเขาด้วยความประหลาดใจ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขามาถึงคาเฟ่แห่งนี้แล้วสั่งแค่น้ำเปล่าเท่านั้นแต่อย่างไรก็ตามเพราะลูกค้านั้นคือพระเจ้า ดังนั้นเธอจึงต้องปฏิบัติตามคำขอทั้งหมดจากพระเจ้า จากนั้นเธอก็พูดโดยไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ
“โปรดรอสักครู่”
ดวงตาที่สวยงามของกู่เสี่ยวเสวี่ยได้มองไปที่ถังซิ่วขณะที่เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ่มต่ำว่า
“ตอนที่เราได้คุยกันก่อนหน้านี้นั้น นายได้บอกว่าค่ายกลน้ำปิดกั้นมังกรและค่ายกลพันโคจรนั้นนายเป็นคนที่คิดค้นมันขึ้นมา เรื่องที่พูดมานี้นั้นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”
ถังซิ่วได้มองไปรอบๆแล้วพบว่าไม่มีผู้บ่มเพาะพลังคนอื่นอยู่แถวๆนี้ภายในหลายร้อยเมตร เขารู้สึกโล่งใจเล็กน้อยแล้วพูดออกมาว่า
“ถูกต้องแล้ว ฉันเป็นผู้คิดค้นค่ายกลเหล่านั้น!”
ร่างกายของกู่เสี่ยวเสวี่ยสั่นสะท้านทันทีขณะที่เธอพูดออกมาอีกว่า
“เท่าที่ฉันรู้นั้น คนที่คิดค้นค่ายกลเหล่านี้นั้นเป็นนิรันด์สูงสุดในดินแดนแห่งนิรันด์ เขาใช้ชื่อเดียวกับนายเช่นกัน นายช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมว่านายเกี่ยวข้องกับเขาคนนั้นยังไง? ”
ถังซิ่วพูดพร้อมกับถอนหายใจว่า
“ดูเหมือนว่าเธอจะรู้เยอะเหมือนกันหนิ ก่อนหน้านี้ฉันเองก็ปฏิเสธความคิดที่ว่าผู้คนจากดินแดนแห่งนิรันด์นั้นจะสามารถข้ามมายังโลกแห่งนี้ได้ ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นเช่นนี้ ก่อนที่ฉันจะตอบคำถามของเธอนั้นเธอต้องตอบฉันมาก่อนว่าใครคืออาจารย์ของเธอ ? แล้วทำไมห้องอาหารร้อยงานฉลองของเธอถึงได้มีค่ายกลของฉัน ? ”
“กูหยางเอ๋อ ฉันได้เคยบอกนายไปแล้ว ”
กู่เสี่ยวเสวี่ยได้ตอบออกมา
ถังซิ่วส่ายหัวและพูดอย่างจริงจังว่า
“สิ่งที่ฉันต้องการถามไม่ใช่แค่ชื่อ ฉันอยากรู้ถึงต้นกำเนิดของเธอ ”
กู่เสี่ยวเสวี่ยมองลึกไปที่ถังซิ่วอยู่นานจากนั้นก็พูดออกมาช้าๆว่า
“ในเมื่อนายรู้เรื่องของดินแดนแห่งนิรันด์แล้วฉันก็คงไม่ต้องปิดบังอีกต่อไป อาจารย์ของฉันนั้นมาจากดินแดนแห่งนั้น ”
ถังซิ่วลุกขึ้นยืนเพราะเขาถูกกระแทกด้วยความรู้สึกตื่นเต้นจากด้านในสุดของหัวใจขณะที่ร่างกายและมือทั้งสองข้างของเขาที่อยู่บนโต๊ะได้สั่นสะท้านเล็กน้อย เขาจ้องที่ดวงตาของกู่เสี่ยวเสวี่ยและพูดคำต่อคำว่า
“อาหารนั้นสามารถกินแบบสุ่มๆได้แต่คำพูดนั้นไม่สามารถขาดความรับผิดชอบได้! มันได้มีบาเรียขั้นระหว่างโลกและดินแดนแห่งนิรันด์ไว้ นอกจากนี้ผู้คนที่ดินแดนแห่งนิรันด์นั้นไม่รู้ถึงตำแหน่งของโลกด้วยซ้ำแล้วอาจารย์ของเธอจะมายังที่แห่งนี้ได้อย่างไรกัน?”
กู่เสี่ยวเสวี่ยไม่ยอมน้อยหน้าการจ้องตาของถังซิ่ว เธอตอบกลับไปว่า
“แน่นอนอยู่แล้วว่าอาจารย์ของฉันเองก็มีวิธีการของเธอ ฉันได้ตอบคำถามของนายมาแล้วและนี่ก็ถึงเวลาที่นายควรจะตอบของฉันบ้าง ”
ถังซิ่วตกอยู่ในความเงียบงัน เขานั่งลงไปแล้วค่อยๆหลับตาลง
หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน…
ถังซิ่วได้เปิดตาอีกครั้งพร้อมกับแสงประกายระยิบระยับในดวงตาของเขา
“ฉันต้องการถามคำถามสุดท้าย ถ้าคำตอบของเธอทำให้ฉันพอใจนั้น ฉันจะตอบทุกคำถามที่เธออยากรู้ ”
“ถามมาสิ!”
กู่เสี่ยวเสวี่ยได้ขมวดคิ้วแต่ก็ยังตกลงที่จะตอบ
“เธอเคยได้ยินเกี่ยวกับชื่อของเทพธิดาฟาน,จักรพรรดิดันขวิงและเก้าผู้ทรงคุณวุฒิฉินโมบ้างไหม?”
เทพธิดาฟาน?
จักรพรรดิดันขวิง?
เก้าผู้ทรงคุณวุฒิฉินโม?
จิตสังหารอันรุนแรงได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของเธอทันที ขณะที่เธอพูดด้วยน้ำเสียงลึกว่า
“ฉันได้ยินชื่อของไอพวกชั่วเหล่านี้จากท่านอาจารย์ขณะที่เธอละเมอออกมานับครั้งไม่ถ้วน พวกมันทั้งหมดนั้นชั่วร้ายและต้องตาย! ”
พวกเขาต้องตาย?!
หัวใจของถังซิ่วได้สั่นสะเทือนเพราะเขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของจิตสังหารที่ถูกปล่อยออกมาจากตัวเธอ
ในพริบตานั้น !
เขามั่นใจได้ทันทีว่าศิษย์คนแรกของเขานั้นยังมีชีวิตอยู่และไม่ใช่แค่นั้นแต่เธอยังรับรู้ถึงสิ่งที่ได้เกิดขึ้นกับตัวของเขา ส่วนสิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นคงเป็นเรื่องที่เธอเกลียดไอพวกชั่วที่หักหลังเขาเป็นอย่างมากและแม้กระทั่งตั้งใจที่ฆ่าพวกมัน
“เฮื้อก …”
สิ่งที่เขาห่วงที่สุดนั้นไม่ได้เกิดขึ้นและนี่ทำให้หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกพอใจเป็นอย่างมากและคิดถึงลูกศิษย์ที่เขาเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเด็กมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม
เขามองไปที่กู่เสี่ยวเสวี่ยและพูดอย่างจริงจังว่า
“มันเป็นความผิดผลาดที่ฉันได้สามารถเข้าไปสู่ดินแดนแห่งนิรันด์ได้และเวลานับหมื่นปีนั้นเร็วเหมือนดั่งพลิกนิ้วไปมาบางทีชะตากรรมของฉันอาจจะถูกต้องแล้วที่จะต้องกลับมายังโลกแห่งนี้ ในชีวิตนี้ฉันมีคนที่เกลียดชังมากที่สุดและมีคนที่ฉันคิดถึงมากที่สุดเช่นกัน ฉันเคยได้รับศิษย์คนหนึ่งที่ชื่อว่ากู่หยานเอ๋อและชื่อของเธอนี้นั้นก็เป็นฉันเองที่ได้ตั้งให้และเป็นคนที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่ยังเล็กแต่น่าเสียดาย …”
กู่เสี่ยวเสวี่ยก็ลุกขึ้นยืน ร่างกายของเธอสั่นอย่างรุนแรงขณะที่เธอมองไปที่ถังซิ่วขณะที่กำลังรวบรวมความคิดทุกอย่างเข้าด้วยกัน เธอไม่สนใจสายตาของทุกคนในร้านกาแฟแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าถังซิ่วแล้วโห่ร้องออกมาว่า
“ศิษย์หลานขอคาราวะท่านอาจารย์ปู่”
ถังซิ่วรีบถามออกมาว่า
“อาจารย์ของเธอ……………….นั้นเป็นศิษย์ของฉันจริงๆ??”
“ใช่ค่ะ!”
กู่เสี่ยวเสวี่ยได้ตอบออกมาด้วยท่าทางที่แน่วแน่เป็นอย่างมาก
ถังซิ่วได้ถามต่อว่า
“ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?”
กู่เสี่ยวเสวี่ยได้ตอบกลับไปว่า
“ห้องอาหารร้อยงานฉลองค่ะ ”
นัยน์ตาของถังซิ่วหดเล็กลงพร้อมกับพูดออกมาอย่างไม่ลังเลว่า
“เราจะไปที่เกาะจิงเหมินเดี๋ยวนี้!! ”
เวลานั้นได้ผ่านไปอ่านรวดเร็ว!
อาจารย์นั้นก็เปรียบเสมือนพ่อและในที่สุดเขาก็ได้รับข่าวสารจากศิษย์ของเขา เขาหวังว่าตัวเองนั้นจะมีปีกงอกออกมาและสามารถบินไปหาลูกศิษย์ของเขาที่เกาะจิงเหมินโดยทันที เขาอยากจะถามเธอว่าทำไมเธอถึงหายไปในช่วงก่อนหน้านี้และทำไมถึงไม่ได้ข่าวอะไรจากเธอเลยในช่วงหลายพันปีที่ผ่านมา?
กู่เสี่ยวเสวี่ยยืนขึ้นมาจากพื้นแต่เธอไม่ได้ตามถังซิ่วออกไปข้างนอก ใบหน้าของเธอนั้นได้แสดงท่าทางเหมือนอยากจะพูดอะไรออกมาแต่ก็ยังลังเลอยู่แต่เมื่อเห็นว่าถังซิ่วได้เดินออกไปหลายสิบก้าวแล้ว เธอจึงฝืนพูดออกมาว่า
“ท่านอาจารย์ปู่ ท่านรอสักครู่ได้ไหมค่ะ?”
ถังซิ่วหยุดเดินขณะที่เขาหันกลับมาและถามด้วยความรู้สึกประหลาดใจว่า
“เจ้าไม่อยากจะไปอย่างงั้นหรอ?”
กู่เสี่ยวเสวี่ยเดินไปที่ถังซิ่วด้วยท่าทางที่สงบพร้อมกับพูดว่า
“ท่านอาจารย์ปู่โปรดกลับไปยังที่นั่งของท่านก่อน ศิษย์ยังมีเรื่องบางอย่างที่ยังไม่ได้แจ้งให้ท่านทราบและหวังว่าท่านจะตัดสินใจที่จะออกเดินทางหรือไม่หลังจากที่ท่านได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว”
คิ้วของถังซิ่วกระตุกเล็กน้อย เขาเหลือบมิงไปที่กู่เสี่ยวเสวี่ยสักสองสามครั้งแล้วเขาก็กลับมานั่งขณะที่กำลังมองไปที่เธอแล้วพูดว่า
“บอกมาสิ ข้ากำลังฟังอยู่”
กู่เสี่ยวเสวี่ยพยักหน้าเล็กน้อย เธอจึงจัดเรียงสิ่งที่เธอต้องอธิบายแล้วพูดว่า
“ท่านอาจารย์ปู่ ท่านเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องค่ายกลมิติปีศาจหรือไม่?”
ค่ายกลมิติปีศาจ?
นี่ไม่ใช่สิ่งที่ปีศาจหยินซูหวูโชวไม่เคยคิดที่จะถ่ายทอดมันให้ใครไม่ใช่ ? ซูหวูโชวนั้นเป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนแห่งนิรันด์ผู้ซึ่งเข้าใจถึงความลึกลับของกาลอวกาศและได้สร้างงานชิ้นเอกอันทรงพลังขึ้นมาซึ่งก็คือ”ค่ายกลมิติปีศาจ” หากจะถามว่าในดินแดนแห่งนิรันด์นั้นใครเร็วที่สุดหรือใครที่ค้นคว้าเกี่ยวกับสิ่งที่แปลกประหลาดอยู่เสมอก็ตอบได้โดยไม่จำเป็นต้องคิดเลยว่าเขาก็คือซูหวูโชวนั่นเอง
“ข้ารู้จักดี!”
ถังซิ่วพยักหน้าพร้อมตอบทันที
กู่เสี่ยวเสวี่ยได้พูดอย่างช้าๆว่า
“เมื่อหลายพันปีที่ผ่านมา อาจารย์ของศิษย์ได้เสี่ยงชีวิตเพื่อที่จะเข้าไปยังเกาะแห่งกาลเวลาเพื่อทำทุกวิถีทางที่จะเป็นศิษย์สายตรงของซูหวูโชวเพราะท่านต้องการค่ายกลชิ้นนั้น หลังจากที่ได้ทำความเข้าใจกับมันเป็นเวลาหลายพันปีพร้อมกับถูกตามล่าโดยซูหวูโชวแต่ในที่สุดท่านก็สามารถเข้าใจได้ถึงความลับของค่ายกลมิติปีศาจได้ อย่างไรก็ตามครั้งสุดท้ายที่ท่านได้ใช้ค่ายกลนี้ก็ได้ถูกโจมตีโดยปีศาจหยินซูหวูโชวและได้รับบาดเจ็บรุนแรงด้วยวิชาฝันร้ายแห่งนิรันด์ของมัน”
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
ท่าทางของถังซิ่วเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงและความสงสัยทั้งหมดในใจของเขาได้กระจ่างโดยทันที
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมศิษย์ของเขาถึงสามารถเดินทางมาที่โลกได้ ในบรรดานิรันด์สูงสุดทั้งหมดในโลกดินแดนแห่งนิรันด์นั้น มีคนที่มีแววที่จะมาถึงโลกได้ก็มีเพียงแค่ซูหวูโชวเท่านั้นเพราะเขาเป็นคนที่เข้าใจความลับของกาลอวกาศและสถานที่ ถ้าเขาได้มีความสัมพันธ์กับซูหวูโชวแล้วละก็บางทีก่อนหน้านี้เขาอาจจะมีความหวังที่จะค้นพบโลกได้ อย่างไรก็ตามเมื่อตอนที่เขาอยู่ในดินแดนแห่งนิรันด์นั้น เขาแทบที่จะไม่ได้ติดต่อกับซูหวูโชวเลยแม้แต่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น!
การที่จะคำนวณทิศทางของโลกในห้วงมิตานั้นจำเป็นต้องมีทักษะที่ต้องได้รับการถ่ายทอดจากจักรพรรดิเทียนจือนั่นคือทักษะการทำนายดวงวิญญาณของเขาและนั่นเป็นเหตุให้ซูหวูโชวไม่สามารถมาถึงโลกนี้ได้
ถังซิ่วนั้นสามารถยืนยันได้แล้วว่าศิษย์รักของเขานั้นได้เรียนรู้ทักษะการทำนายดวงวิญญาณและค่ายกลมิติปีศาจมาแล้วอย่างแน่นอน
“เจ้าพูดเสร็จแล้วหรือยัง?”
ถังซิ่วมองลึกลงไปที่กู่เสี่ยวเสวี่ยขณะที่ถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ
กู่เสี่ยวเสวี่ยได้พยักหน้าแล้วตอบกลับไปว่า
“ค่ะ ศิษย์รู้เรื่องของท่านอาจารย์ไม่มากนักและนี่คือทุกอย่างที่ศิษย์รู้ ”
ถังซิ่วลุกขึ้นอีกครั้งแล้วพูดว่า
“ไปเถอะ! เราจะไปที่เกาะจิงเหมินกัน ”
เมื่อพวกเขาได้มาถึงสนามบินนั้น ถังซิ่วก็ต้องรู้สึกหดหู่เป็นอย่างมากเพราะว่ามีเที่ยวบินแค่สองรอบต่อวันเท่านั้นและเที่ยวบินสุดท้ายได้ออกไปเมื่อ20นาทีที่แล้ว ถ้าเขาต้องการที่จะไปเกาะจิงเหมินในวันนี้นั้น เขาก็จะต้องหาหนทางอื่น
อย่างไรก็ตาม
หนทางอื่นนั้นต้องใช้เวลาเป็นจำนวนมากและเขาไม่สามารถที่จะอดทนรอได้
“มีใครบางคนที่ศิษย์คิดว่าน่าจะสามารถช่วยเหลือเราได้!”
กระโปรงสีขาวของกู่เสี่ยวเสวี่ยได้ปลิวไสวขณะที่เธอยืนอยู่ข้างๆถังซิ่วพร้อมพูดออกมา
“เจ้าหมายถึงใครกัน?”
ถังซิ่วได้รีบถามออกมา