…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใกล้ๆกับสถานที่พัฒนาของเมืองสตาร์ซิตี้นั้นมีที่ดินรกร้างว่างเปล่าอยู่ผืนหนึ่ง มันได้รับการประมูลจากเมืองและขายออกในราคาที่ดีมาก แต่นักธุรกิจที่ซื้อที่ดินนี้ได้รับผลกระทบจากปัญหาด้านการจัดการของบริษัทและในที่สุดก็ได้ล้มละลายและในที่สุกก็ถูกยึดคืนโดยภาครัฐ
หลังจากนั้น
บางคนก็อยากซื้อที่ดินแห่งนี้ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาเชิญเหล่าบรรดาคนที่เรียกตัวเองว่าผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ยเพื่อช่วยให้พวกเขามาสำรวจดูความเป็นสิริมงคลของแผ่นดิน คนเหล่านั้นก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าฮวงจุ้ยของที่ผืนนี้นั้นแย่เป็นอย่างมาก
เนื่องจากนักธุรกิจนั้นเชื่อในฮวงจุ้ย!
นั่นทำให้ผู้คนจำนวนมากที่ต้องการซื้อที่ดินแห่งนี้ได้ละมือไปจากมัน
ในตอนเช้า
ขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังส่องแสง คถsuvสองคันได้ขับเข้ามาใกล้ๆที่ดินแห่งนี้ ผู้โดนสารบนรถนั้นมีชายหญิงทั้งหมดสามคน
“ฉันจัดการเรื่องนี้เอง พวกนายสบายใจได้แม้ว่าที่ดินแห่งนี้จะมีฮวงจุ้ยที่ไม่ดีแต่ฉันไม่เคยเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามทางภาครัฐต้องการจะขายที่ดินแห่งนี้และฉันเองก็ได้ใช้เส้นสายเพื่อให้ได้มันมาในราคาที่ค่อนข้างจะถูกเอามากๆ ที่ดินแห่งนี้นั้นกว้างเป็นอย่างมากแม้ว่าเราจะสร้างตึกสักสิบหลังก็ยังมีพื้นที่พออย่างแน่นอน ”
หลงเซ้งหยูที่ยืนอยู่ตรงกลางได้ชี้ไปที่ที่ดินรกร้างด้านหน้าและพูดได้พูดออกมา
ชูยี่ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ในเมื่อนายพูดมาแบบนี้ฉันก็สบายใจ แต่ฉันได้ยินข่าวมาว่า เมื่อวานนี้นายได้ไปกินดื่มอยู่กับผู้บริหารของภาครัฐจนถึงตีสองเลยไม่ใช่หรอ? ”
หลงเซ้งหยูยิ้มและพูดออกมาพลางหัวเราะว่า
“การกินดื่มนั้นก็เพื่อที่จะให้ได้รับการอนุมัติรวดเร็วขึ้นในขณะเดียวกันก็ได้รับความเห็นชอบในขั้นตอนการทำธุรกรรมเท่านั้น อย่างไรก็ตามฉันได้มอบหมายให้ใครบางคนจัดการมันแล้วและอย่างมากสุดก็ประมาณหนึ่งสัปดาห์แล้วที่ดินผืนนี้ก็จะเป็นของเรา ”
ใบเต่าได้พูดต่อว่า
“สิ่งที่ฉันกังวลมากที่สุดคือเมื่อไหร่ถังซิ่วจะมาถึง ? สำหรับการลงทุนทางธุรกิจขนาดใหญ่นี้ฉันได้ใช้เงินทุนสำรองเกือบทั้งหมดจากครอบครัวของฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อของฉันรู้ว่าได้ร่วมมือกับนายแล้วละก็ เขาจะปฏิเสธที่จะให้เงินฉันทันที ”
การแสดงออกที่ยิ้มแย้มแจ่มใสได้ปรากฏอยู่บนใบหน้าของโอหยางลูลู่ขณะที่เธอพูดออกมาว่า
“ใบเต่า ก่อนที่ฉันจะยังไม่ได้ร่วมลงทุนนี่ดูเหมือนว่านายจะลงเงินได้มากกว่านี้ไม่ใช่หรอ? ฮัมเฟม … ก่อนหน้านี้นายดูระมัดระวังและรอบคอบมากเกินไป ฉันไม่คิดเลยว่านายจะเป็นแบบนี้ ”
“ฮึ……”
ท่าทางของใบเต่าได้เปลี่ยนไปในทันทีขณะที่ฝืนยิ้มและพูดออกมาว่า
“เพื่อนเก่า เธอสามารถทุบตีคนได้แต่ห้ามทุบตีที่ใบหน้าของเขาและสามารถสาปแช่งใครก็ได้แต่ไม่ต้องเปิดเผยข้อบกพร่องของพวกเขา สิ่งที่เธอพูดออกมาทำให้ฉันเสียใจนะ อ๊า ”
“ฮ่าฮ่า … ”
คนอื่นๆอีกสามคนก็หัวเราะออกมา
หลงเซ้งหยูพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“ฉันได้โทรหาถังซิ่วแล้วในตอนเช้าและเขาบอกว่าเขากำลังมาที่นี่ ทุกๆคนก็เอาตามข้อตกลงที่เราได้พูดคุยกันก่อนหน้านี้ หุ้นร้อยละ10ของถังซิ่วนั้นต่อให้จะมีการเพิ่มเงินทุนในภายหลังเราก็ไม่สามารถลดสัดส่วนการถือหุ้นของเขาได้ ”
“เข้าใจแล้ว!”
“เข้าใจ”
อีกสามคนพยักหน้าพร้อมเพรียง
หลังจากที่ได้รับคำตอบในเชิงบวก หลงเซ้งหยูยิ้มให้อีกครั้งแล้วพูดว่า
“โครงการของเราในเวลานี้เป็นการสร้างสิ่งปลูกสร้างเท่านั้น ถ้าเรามีเงินมากขึ้นในอนาคตเราก็สามารถเริ่มโครงการใหม่ได้ ถังซิ่วสามารถรับหุ้นจากโครงการนี้ได้ดังนั้นเขาก็จะมุ่งมั่นที่จะมีโครงการอื่น ๆ เพิ่มเติม พื้นที่ที่เราได้มานี้นั้นสามารถสร้างได้อีกหลายโครงการและถ้าผู้ชายคนนั้นต้องการสร้างรายได้ก็จะสามารถเป็นรถถังให้พวกเราได้ ”
นัยน์ตาของโอหยางลูลู่สว่างขึ้นขณะที่เธอมองหน้าของหลงเซ็งหยูแล้วยกนิ้วโป้งขึ้นมาชื่นชมเขาว่า
“ฉันได้ยินเรื่องของนายมานานแล้วว่านายน้อยหลงมีไหวพริบและเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่โดดเด่นของโลกธุรกิจ วันนี้ในที่สุดฉันก็ได้เห็นและได้สัมผัสกับตัวเอง สำหรับตระกูลของฉันนั้นหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ร่วมมือกับถังซิ่วในหลายๆเรื่อง ”
สิ่งที่โอหยางลูลู่พูดออกมานั้นเป็นความจริงทั้งหมด
ในวันที่ถังซิ่วจากไปนั้น เธอได้เดินทางกลับไปที่ตระกูลของเธอนั้น เธอได้พบกับพ่อ ปู่ หรือแม้แต่แม่ของเธอที่ไม่ค่อยปรากฏตัวของมานั้นได้มารวมกันอยู่ที่บ้านถึงแม้กระทั่งแม่และพี่ชายของเธอนั้นได้เข้าใจผิดเกี่ยวกับมีความสัมพันธ์ของเธอและถังซิ่ว
แม้กระทั่งหลังจากที่เธอได้อธิบายเรื่องนี้แล้วแม่ของเธอยังคงหวังว่าเธอและถังซิ่วจะใกล้ชิดกัน
ตัวของเธอเองนั้นตระหนักดีว่า ตระกูลของเธอนั้นอยากจะให้เธอได้ใกล้ชิดกับถังซิ่วเพราะเหตุผลที่ว่า พวกเขาอยากจะให้เธอและถังซิ่วพัฒนาความสัมพันธ์กันเพื่อที่เขาจะได้กลายเป็นลูกเขยของตระกูลเธอและประการที่สองก็คือเรื่องที่ถังซิ่วนั้นเป็นผู้บ่มเพาะพลังแห่งเซียน
ในโลกนี้ ผู้ที่บ่มเพราะพลังแห่งเซียนนั้นเป็นอะไรที่หายากยิ่งกว่าการงมเข็มในมหาสมุทรและหากว่าตระกูลไหนได้รับความช่วยเหลือจากพวกเขาแล้วละก็ ตระกูลนั้นจะต้องได้รับประโยชน์อย่างมากมาย ตอนนี้ตระกูลของเธอนั้นถือได้ว่าเป็นตระกูลที่ใหญ่มากๆบนเกาะจิงเหมินแต่ก็ไม่สามารถก้าวไปมากกว่านี้ได้ แต่หลังจากที่พวกเขาได้เห็นถังซิ่วแล้วนั้นก็เปรียบเสมือนว่าเขาเป็นดั่งความหวังที่จะทำให้ตระกูลของพวกเขาก้าวไปในระดับที่สูงขึ้น
หลงเซ้งหยูพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“ในความเป็นจริงตราบเท่าที่ถังซิ่วนั้นยังเป็นรถถังให้เรานั้นฉันเชื่อว่าจะสร้างเรื่องที่ประหลาดใจมากกว่านี้แน่นอน ยกตัวอย่างเช่นพวกคนรวยและคนที่มีอำนาจบางคนก็กำลังพิจารณาที่จะยื่นมือมาร่วมธุรกิจกับเรา ”
ชูยี่พูดออกมาอย่างสับสนว่า
“คนที่ร่ำรวยและมีอำนาจคนไหนกัน?”
หลงเซ้งหยูพูดด้วยรอยยิ้มว่า
” นายใหญ่ของบริษัทร้อยคุณธรรม เฉินซีซ่งและแน่นอนว่าเขาเองก็ยังเป็นลูกศิษย์ของถังซิ่วด้วย ”
“พูดว่าอะไรนะ?”
ท่าทางของชูยี่และใบเต่าได้เปลี่ยนไปทันที พวกเขาเคยได้ส่งคนไปสืบสวนเกี่ยวกับถังซิ่วมาก่อนและได้ยินข่าวลือว่าเขาและเฉินซีซ่งนั้นมีความสัมพันธ์กันอย่างผิดปกติและตัวของเฉินซีซ่งเองก็ได้พูดต่อสาธารณชนว่าเขานั้นเคารพบูชาถังซิ่วเป็นอาจารย์ แต่ว่าข่าวลือนี้นั้นเป็ฯจริงงั้นหรอ?
โอหยางลูลู่กลอกตาไปมาทันทีขณะที่เธอพยักหน้าและพูดว่า
“ไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาจริงๆถึงสามารถทำเรื่องที่น่าทึ่งแบบนี้ได้! สำหรับฉันแล้วนั้นถังซิ่วเป็นคนที่ไม่อาจจะหยั่งถึงได้ ฉันเชื่อว่าเขาจะสามารถสร้างความประหลาดใจให้เราได้ต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอน ”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา …
รถแท็กซี่ได้แล่นเข้ามา หลังจากที่ถังซิ่วได้ลงมาจากรถถแล้วนั้น เขาก็ได้เห็นหลงเซ้งหยูกับคนอื่นๆที่กำลังยืนอยู่ไม่ไกล แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจนั้นก็เป็นเพราะว่าเขาเคยพบกับคนเหล่านี้แล้ว
“เป็นพวกนายงั้นหรอ?”
ดวงตาของถังซิ่วกวาดไปตั้งแต่โอหยางลูลู่และล๊อคไปที่ร่างของชูยี่และใบเต่าในทันที
ชูยี่ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“สวัสดีถังซิ่ว ก่อนหน้านี้เรามีปัญหาเล็กๆน้อยๆกันแต่ฉันหวังว่านายจะไม่เก็บมันมาคิด จริงๆแล้วก่อนที่เราจะไปเกาะจิงเหมินนั้นเราได้ยินเรื่องเกี่ยวกับนายจากหลงเซ้งหยูก่อนแล้ว พวกฉันอยากจะเจอนายเป็นอย่างมากแต่ไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะไปบังเอิญเจอกันที่เกาะนั่น ”
ใบเต่าพูดด้วยความตรงไปตรงมาขณะที่ยิ้มว่า
“ใช่! ในเวลานั้นหากเรารู้ว่านายคือถังซิ่วจากปากของหลงเซ้งหยูแล้วละก็ พวกเราคงจะคืนจี้หยกนั่นให้นายทันที ”
ถังซิ่วได้แต่พยักหน้าเพราะเขาตระหนักถึงเรื่องนั้นดีและในความเป็นจริงนั้นชูยี่และใบเต่าเองก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องมากนักเพราะศัตรูที่แท้จริงก็คือเฉินไกและเย่ไทฟู นอกจากนี้เพื่อที่จะได้มีความสัมพันธ์กับเขา ชูยี่และใบเต่าถึงกับส่งมอบของขวัญชิ้นใหญ่นี้ให้เขาด้วยความลำบาก ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการคิดมากเกี่ยวกับเรื่องเล็กน้อยเหล่านั้น
ในที่สุดดวงตาของเขาก็หยุดลงที่โอหยางลูลู่และพูดออกมาด้วยร้อยยิ้มฝืนๆว่า
“แล้วเธอหละ มาที่นี่ได้ยังไง? หลงเซ้งหยูได้บอกว่าโครงการนี้เป็นการร่วมมือกับเพื่อแค่สองคนเท่านั้น แล้วเธอมาโผล่อยู่ที่นี่ทำไม? ”
ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของโอหยางลูลู่ได้เปลี่ยนเป็นดุร้ายทันทีพร้อมพูดออกมาด้วยความไม่พอใจว่า
“ฉันจะมาอยู่ที่นี้แล้วมันยังไงหละ ห๊า ? พวกเขาเป็นคนชวนฉันมาร่วมลงทุนเองไม่อย่างงั้นคิดหรือว่าฉันอยากจะมาเจอผู้ชายที่ไร้มโนธรรมแบบนายหนะห๊ะ? ”
ผู้ชายที่ไม่มีมโนธรรม?!
หลงเซ้งหยู,ชูยี่และใบเต่าจ้องมองกันอย่างว่างเปล่าเป็นเวลานาน
นี้ … !
ทำไมคำพูดนี้มันเหมือนเป็นเรื่องเกี่ยวกับการชู้สาว?
หลังจากที่เธอพูดเสร็จแล้วนั้นก็เพิ่งตระหนักได้ว่าคำพูดของเธอนั้นมีปัญหา ใบหน้าที่สวยงานของเธอได้เปลี่ยนเป็นสีแดงสดในทันทีแต่เธอก็ไม่ได้อธิบายเพิ่มเติม
ตั้งแต่แรกเริ่มนั้นถังซิ่วไม่ได้สนใจคำพูดที่เธอพูดออกมาแม้แต่น้อยก่อนที่เขาจะได้เห็นหน้าตาที่ไม่พอใจจากโอหยางลูลู่แล้วจึงพูดออกมาด้วยรอยย้อมที่ขมขื่นว่า
“ช่างมันเถอะ จะร่วมมอกันยังไงก็แล้วแต่พวกนายเพราะฉันเพียงมาสำรวจพื้นที่เท่านั้น! นี่คือสถานที่ใช่หรือไม่? สถานที่นี้มีรูปแบบฮวงจุ้ยที่ดีมาก ถ้าเราสร้างอาคารขนาดใหญ่ที่นี่ไม่ว่าจะเป็นการขนส่ง การเดินทางที่สะดวกและตำแหน่งทางภูมิศาสตร์นั้นทำให้การพัฒนาสถานที่แห่งนี้ให้คึกคักนั้นง่ายมาก แต่…”
หลงเซ้งหยูถามออกมาทันทีว่า
“แต่อะไร?”
ถังซิ่วชี้ไปที่แผ่นดินที่อยู่ใกล้ๆแล้วพูดว่า
“แต่ถ้าเราต้องการสร้างเพียงสิ่งปลูกสร้างที่นี่นั้นฉันคิดว่ามันน่าเสียดายมาก ในมุมมองของฉันดีนั้น คิดว่าควรจะสร้างสิ่งปลูกสร้างที่นี่และล้อมรอบด้วยพื้นที่ค้าขายที่คึกคักและบริเวณที่อยู่อาศัยระดับสูง พวกนายลองดูที่ด้านข้างสิ แม้ว่ามันจะอยู่ไกลจากถนนแต่ถ้าเราสามารถใช้มันได้อย่างสมเหตุสมผลก็จะเพิ่มมูลค่าของสถานที่นี้ได้ ”
ทั้งสี่คนได้มองกันและกัน
พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าถังซิ่วนั้นจะมีความคิดเห็นเช่นเดียวกับพวกเขา
หลงเซ้งหยูถามออกมาด้วยความสงสัยว่า
“น้องชายถัง หากพูดถึงเรื่องที่นายบอกมานั้น นายคิดว่านายจะสามารถวาดพิมพ์เขียวของพื้นที่ทั้งหมดนี้ได้หรือไม่? ”
“ง่ายนิดเดียว!”
ถังซิ่วนั้นมีประสบการณ์ที่สามารถสร้างสิ่งปลูกสร้างที่จะทำให้ทุกคนประหลาดใจอยู่มากมาย
หลงเซ้งหยูพูดด้วยความตื่นเต้นทันทีว่า
“น้องชายถัง งั้นก็เอาตามทั้งหมดที่นายว่ามาเลยแล้วกัน! แต่ว่าพวกเรานั้นมีงบที่จำกัดจึงทำได้แค่สร้างพวกสิ่งปลูกสร้างเท่านั้นและหลังจากนั้นเราจะตัดสินใจที่จะพัฒนาสถานที่แห่งนี้ร่วมกัน ”
ถังซิ่วพยักหน้าแล้วพูดว่า
“หากว่าจะอัดฉีดเม็ดเงินในภายหลังแล้วละก็ ฉันเองก็จะร่วมลงทุนด้วย อ่อใช่ ตอนนี้ฉันต้องการเงินเป็ยอย่างมาก ไอ้ไทหลงนั่นได้ส่งเงินมาให้นายหรือยัง?”
หลงเซ้งหยูได้ตอบกลับไปว่า
“ฉันได้ส่งมอบทรัพย์สินทั้งหมดของไทหลงไปประเมินและมันมีมูลค่ากว่า135ล้านหยวน ทรัพย์สินถาวรทุกอย่างของเขาจะครอบครองโดยตระกูลของรา! ฉันจะให้บริษัทโอนเงินไปให้นายทันที ”
“ดี!”
ถังซิ่วได้พยักหน้าตอบไป
ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่ถึงระดับสูงสุดของขั้นเสริมสร้างผิวหนังก็ตามแต่ในอนาคตเขาก็ต้องใช้สมุนไพร แร่และสิ่งของอย่างอื่นอยู่ดี หากว่ามีเงินอยู่ในมือแล้วละก็ ไม่ว่าจะต้องใช้เมื่อไหร่เขาก็สามารถที่จะซื้อได้ทุกเมื่อเพราะเวลาที่เขานึกถึงโสมป่าพันปีทีไรก็ทำให้เขารู้สึกเศร้าโดยทันที
ทันใดนั้นใบหน้าของถังซิ่วก็เปลี่ยนไปทันทีก่อนที่จะมองไปที่พวกเขาแล้วพูดขึ้นว่า
“พวกนายนั้นต่างก็มาจากตระกูลที่ภูมิหลังไม่ธรรมดาเพราะงั้นคงจะมีเส้นสายเป็นอย่างมากฉันจะส่งรายละเอียดของสมุนไพรและแร่ธที่ล้ำค่าไปให้และถ้าพวกนายต้องการที่จะช่วยก็ฝากหาสิ่งเหล่านี้ให้ฉันด้วยแล้วกัน ส่วนเรื่องราคานั้นฉันไม่เกี่ยงอยู่แล้ว ”
หลงเซ้งหยูพูดด้วยความรู้สึกสับสนว่า
“น้องชายถัง นายจะซื้อสมุนไพรและแร่ธาตุล้ำค่าไปทำไมกัน?”
โอหยางลูลู่พูดอย่างเร็วว่า
“ฉันรู้ว่านายนั้นเป็นแพทย์แผนจีนโบราณที่เชี่ยวชาญมาๆ ดังนั้นจึงควรใช้สมุนไพรสำหรับเรื่องนี้ใช่ไหม? แต่สำหรับแร่ที่มีค่าพวกนั้น … ฉันไม่รู้ว่าเขาจะเอาไปทำอะไรเหมือนกัน ”
ถังซิ่วได้ตอบกลับทันทีว่า
“ฉันมีวีธิใช้ของฉันเอง”
ชูยี่เองก็ได้พูดว่า
“ถังซิ่ว เกี่ยวกับคำร้องของนายนั้นเราสัญญาว่าจะทำมันให้เหมือนเป็นเรื่องของฉันเองและถ้าหากมีข่าวอะไรแล้วฉันจะแจ้งนายทันที ”
“ฉันด้วย!”
ใบเต่าเองก็พนักหน้าพร้อมพูดออกมา
รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของถังซิ่วก่อนที่เขาจะบอกว่า
“ขอบคุณ”
ระหว่างการสนทนาของพวกเขานั้นริงโทนของถังซิ่วก็ได้ดังขึ้นและเมื่อเขาเอาโทรศัพท์ออกมาและเห็นหมายเลขผู้โทร ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีและเมื่อกดปุ่มตอบรับแล้วเขาก็พูดขึ้นว่า
“กู่เสี่ยวเสวี่ย เธอมาถึงแล้วงั้นหรอ ?”