…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ถังซิ่วนั้นไม่สามารถบ่มเพาะเทคนิคอื่นนอกจากวิชาเชื่อมต่อศิลปะแห่งสวรรค์แต่กู่หยินนั้นสามารถที่จะบ่มเพาะด้วยเทคนิคอื่นได้ เพราะว่าตัวของถังซิ่วนั้นได้เข้าใจทะลุปรุโปร่งถึงวิชาบ่มเพาะเหล่านั้นและนั่นเป็นเหตุผลที่เขาสามารถถ่ายทอดมันแก่กู่หยินได้

อย่างไรก็ตามศิษย์ของเขาคนนี้นั้นมันผิดปกติเกินไปแล้ว!

ถ้าเธอยังคงรักษาความเร็วในการบ่มเพาะที่ระดับนี้ได้ละก็ ไม่นานเธอจะสามารถก้าวข้ามตัวเขาและแข็งแกร่งกว่าเขาได้?

ถังซิ่วยิ้มออกมาอย่างขมขื่นพร้อมส่ายหัวไปมา ทันใดนั้นท่าทางของเขาได้เปลี่ยนไปทันทีพร้อมคำพูดหนึ่งได้ปรากฏขึ้นมาในจิตใจของเขาอย่างฉับพลัน

ทรัพยากรการบ่มเพาะ!

เขาได้รวบรวมทรัพยากรบ่มเพาะเพื่อการยกระดับของตัวเองด้วยความยากลำบาก แต่ศิษย์คนนี้ของเขามีพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะที่ท้าทายสวรรค์,ไม่สามารถชักช้าอยู่ได้แล้วเพราะด้วยความเร็วระดับนี้นั้นมันทำให้จำนวนทรัพยากรการบ่มเพาะที่เธอต้องใช้นั้นยิ่งสูงเสียดฟ้า

ถังซิ่วมองไปที่ศิษย์รักของเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสแต่เขาแอบบ่นเรื่องความยากลำบากที่เขาจะต้องเผชิญอยู่ข้างในใจ อย่างไรก็ตามเขาก็จะต้องหาทรัพยากรเหล่านั้นมาให้เธอให้ได้ ในใจของเขาตอนนี้นั้นตัดสินใจแล้วว่าจะต้องรวบรวมเงินให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะเอาทรัพยากรบ่มเพาะทุกอย่างบนโลกมาให้ได้และเมื่อเขาไปถึงระดับหนึ่งแล้ว แม้ว่าเขาจะต้องออกไปหาสิ่งเหล่านั้นอกโลกหรือดาวดวงอื่นเขาก็จะต้องหามันมาให้พอกับความต้องการของเธอและเขา

“ท่านอาจารย์ ท่านไม่มีความสุขงั้นหรอค่ะ?”

กู่หยินกำลังมองไปที่ถังซิ่วด้วยความรู้สึกกังวลเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอหรือเปล่าที่ทำให้อาจารย์ของเธอดูไม่มีความสุข

ถังซิ่วจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะระงับความรู้สึกหมดหวังไว้ในใจพร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าแล้วลูบผมอันอ่อนนุ่มของเธอและพูดด้วยเสียงหัวเราะเบาๆว่า

“ที่ข้าไม่มีความสุขนั้นเป็นเพราะข้ากำลังคิดถึงเรื่องอื่น ความเร็วการบ่มเพาะของเจ้านั้นรวดเร็วถึงเพียงนี้ มันทำให้ข้ารู้สึกประหลาดใจและมีความสุขจริงๆดังนั้นข้าจะไม่พอใจได้อย่างไรหละ? อย่างไรก็ตาม อย่าลืมสิ่งที่ข้าได้เคยบอกเจ้าว่าการเร่งรีบจะนำไปสู่ความประมาท เจ้าเพิ่งเข้าสู่เส้นทางการบ่มเพาะพลังดังนั้นเจ้าจึงต้องสร้างความมั่งคงให้กับรากฐานการบ่มเพาะของตัวเองและปรับปรุงมันทีละน้อย ”

กู่หยินพยักหน้าอย่างชาญฉลาดและพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“ท่านอาจารย์ หนูสัญญาว่าจะจดจำคำพูดของท่านไว้ แม่เองก็ได้บอกว่าการจะสร้างอาคารสูงนั้น รากฐานเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ”

“ถูกต้อง!”

ถังซิ่วพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นและพูดว่า

“หยินหยิน เนื่องด้วยร่ายกายของเจ้านั้นหายเป็นปกติแล้ว เจ้าอยากกลับไปโรงเรียนหรือเปล่า ? ในขั้นต้นนั้นข้าวางแผนที่จะให้แม่ของเจ้าเข้าเรียนหลักสูตรแม่บ้านของเธอและข้าจะพาเจ้าตรงไปยังเกาะเก้ามังกรแต่เนื่องจากหลักสูตรจะใช้เวลาถึงสองเดือนและควบคู่กับสิ่งอื่นๆ สรุปแล้วก็น่าจะประมาณเดือนกันยายน ข้าได้วางแผนไว้ว่าจะให้เจ้าไปโรงเรียนครึ่งปีแล้วรอจนกว่าจะถึงปีหน้าก่อนที่เจ้าจะย้ายไปที่เกาะเก้ามังกร เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”

กู่หยินลังเล เธอส่ายหัวและพูดว่า

“ท่านอาจารย์ หนูไม่ได้ไปโรงเรียนมากว่าสองปีแล้วและมีหลายวิชาที่หนูตามไม่ทัน ดังนั้นหนูจึงไม่สามารถตามบทเรียนได้มากมาย ท่านช่วยสอนหนูได้ไหม? แม่ซื้อหนังสือเรียนให้หนูเป็นจำนวนมากเมื่อไม่กี่วันก่อนดังนั้นหนูจึงพร้อมที่จะเรียนหลักสูตรเหล่านั้นและทบทวนมันใหม่ทั้งหมดและจะไม่ให้มันส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะพลังของหนู ”

ถังซิ่วงงงันกับคำพูดอยู่ครู่หนึ่ง

จากนั้นเขาก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า

“ถ้างั้นเอางี้แล้วกัน! เนื่องจากเจ้าไม่สามารถตามบทเรียนได้ทัน ข้าจะไปจ้างครูสอนพิเศษให้เจ้าในช่วงวันหยุดฤดูร้อนนี้และหากว่าเจ้าสามารถตามบทเรียนทันก่อนช่วงเดือนกันยายนนั้น ข้าก็จะส่งเจ้าไปเรียนที่โรงเรียนเป็นเวลาครึ่งปี ถ้าเจ้าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ก็ลืมเรื่องนั้นไป ”

“ค่ะ ค่ะ!”

กู่หยินพยักหน้าออกมาด้วยความประหลาดใจ

ถังซิ่วพูดด้วยเสียงหัวเราะว่า

“ไปหาอะไรเล่นซะไป! ข้ามีอะไรบางอย่างต้องจัดการและต้องออกไปข้างนอกในวันนี้ ”

กู่หยินพูดด้วยความสับสนว่า

“ท่านต้องการไปที่ไหน? หยินหยินสามารถตามท่านไปเล่นด้วยได้ไหม? แม่ของหนูไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าดังนั้นหนูคิดว่ามันน่าจะเป็นเวลานานกว่าที่แม่จะกลับมา ”

ถังซิ่วได้พูดต่อว่า

“ข้ามีสิ่งสำคัญที่ต้องทำดังนั้นหยินหยินต้องเป็นเด็กดีและรออยู่ที่บ้านอย่างเชื่อฟัง รอให้การสอบเข้ามหาวิทยาลัยเสร็จสิ้นซะก่อนแล้วข้าจะพาเจ้าออกไปเล่นข้างนอก ข้าสัญญา ”

กู่หยินพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ท่านอาจารย์ ท่านจะต้องผ่านการทดสอบเข้าได้อย่างแน่นอนและจะต้องได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ดีมากแน่ๆ ”

มหาวิทยาลัย?

ถังซิ่วได้ยิ้มออกมาเล็กน้อยเพราะว่าเขาได้วางแผนไว้หมดแล้วว่าเขาจะเข้าเรียนที่ใกล้กับเมืองๆนี้ที่สุด มหาวิทยาลัยบลูซิตี้ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในจังหวัดนี้และจัดเป็นมหาวิทยาลัยระดับปริญญาตรี เมื่อเขาได้เข้าเรียนที่นี่นั้นเขาก็สามารถกลับบ้านได้บ่อยๆเพื่อพบกับแม่ของเขา

แน่นอนถ้าแม่ของเขาเต็มใจที่จะเดินทางไปกับเขาและอาศัยอยู่ในเมืองอื่นเขาอาจเลือกที่จะสอบเข้าที่จังหวัดอื่นๆและเลือกมหาวิทยาลัยชั้นนำของแต่ละที่ การที่เขาเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยไปก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรแต่มันเป็นความปรารถนาของแม่ของเขาและเขาเองก็ไม่อยากทำให้เธอผิดหวัง

หลังจากออกจากวิลล่าแล้ว ถังซิ่วก็ค้นหาศูนย์เรียนดีๆผ่านอินเทอร์เน็ตโดยเฉพาะหลักสูตรสำหรับการปูพื้นฐานตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่1-6 เพื่อที่จะจ้างมาสอนให้กับกู่หยิน เขาพร้อมที่จะใช้เงินเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเขาต้องจ้างครูสอนพิเศษส่วนตัวสำหรับสามวิชาที่สำคัญนอกเหนือจากวิชาภาษา

ถสตาร์ซิตี้ ภายในอาคารสำนักงานใกล้ศูนย์การค้า ถังซิ่วได้พบกับโรงเรียนสอนพิเศษซึ่งเขาได้ค้นเจอผ่านทางอินเทอร์เน็ต สภาพแวดล้อมภายในนั้นถือว่าดีและมีหลักสูตรการฝึกอบรมแบบๆและคุณภาพของมันก็สามารถเห็นได้จากการตกแต่งภายใน

“ยินดีต้อนรับ”

หลังจากผ่านประตูทางเข้า พนักงานต้อนรับในแผนกต้อนรับได้ทักทายเขาด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น

ถังซิ่วสังเกตรอบๆอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า

“ขอดูตารางเรียนอัดฉีดหน่อยได้ไหม ”

“ได้โปรดรอสักครู่!”

พนักงานฝ่ายต้อนรับได้ยิ้มและพยักหน้า เธอเอากระดาษออกจากลิ้นชักอย่างรวดเร็วและมอบมันให้กับถังซิ่วพร้อมพูดว่า

“คุณต้องการที่จะส่งลูกมาเรียนที่โรงเรียนของเราหรือเปล่า? ครูของเราที่นี่มีคุณสมบัติครบถ้วน ระดับการศึกษาของพวกเขาหากเปรียบเทียบกับมหาวิทยาลัยต่างๆและโรงเรียนในเมืองสตาร์ซิตี้จะถือว่าเป็นยอดคน ครูส่วนใหญ่ของเรามีคุณวุฒิใบรับรองครูและพวกเขายินดีที่จะมาทำงานที่นี่ ”

ถังซิ่วเปิดดูตาราง หลังจากที่ได้อ่านแล้วเขาก็เห็นว่าราคาสำหรับการเรียนนั้นมีราคาแพงมาก ครูผู้สอนยิ่งดีมากราคาก็ยิ่งมากขึ้น และสุดท้ายแล้วถังซิ่วก็พบว่าครูเหล่านี้นั้นสามารถที่จะจ้างไปสอนนอกสถานที่ได้แต่ราคานั้นก็ยิ่งสูงเสียยิ่งกว่าเดิม

“ฉันต้องการหาครูสอนพิเศษจากชั้นประถมศึกษาปีที่2-6และฉันต้องการทั้ง3วิชาที่สำคัญ ถ้าเป็นไปได้ฉันหวังว่าวันพรุ่งนี้จะสามารถเริ่มสอนหลักสูตรสำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่2ได้เลย เรื่องวิธีการสอนนั้นเป็นสิทธิ์ของครูของคุณ ”

สายตาของพนักงานต้อนรับตื่นขึ้นลักษณะและความประทับใจของเธอต่อลูกค้ารายใหญ่รายนี้ค่อนข้างอบอุ่นพร้อมพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ท่านค่ะ คุณคิดถูกแล้วค่ะที่เลือกโรงเรียนสอนพิเศษของเรา ท่านสามารถเลือกแพ๊คเกจราคาสูงสุดของเร่าสวนเรื่องอาหารนั้นพนักงาน … ”

ถังซิ่วโบกมือเพื่อขัดจังหวะคำพูดของเธอและพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลึกว่า

“ต่อให้เป็นราคาที่สูงที่สุดก็ไม่เป็นไรเพราะลูกศิษย์ของฉันจะไม่ได้มาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ เธอจะอยู่ที่บ้านตลอดทั้งวันดังนั้นเธอจึงมีเวลาเพียงพอ ฉันหวังว่าคุณจะไม่ได้คิดตามจำนวนชั่วโมงแต่ให้คิดเป็นราคารายวันไปเลย ที่ดีที่สุดคือสามชั่วโมงในช่วงเช้าสามชั่วโมงในช่วงบ่ายและสามชั่วโมงในช่วงเย็น ”

“นี่…”

เธอเพิ่งจะเคยพบเจอคนอย่างถังซิ่วเป็นครั้งแรกและยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่คาดฝันจริงๆที่จะได้ยินคำว่า”ลูกศิษย์”ออกมาจากถังซิ่ว เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งและตอบด้วยเสียงต่ำว่า

“ได้โปรดรอสักครู่ ฉันจะรีบติดต่อเจ้านายของเราทันทีเพราะเธอเป็นคนเดียวที่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจเกี่ยวกับคำขอของคุณ ”

“ดี!”

ถังซิ่วปฏิบัติตามและหยิบเอกสารขึ้นมา จากนั้นเขาก็ไปนั่งที่โซฟาตรงมุมห้อง

ไม่กี่นาทีต่อมา …

ผู้หญิงวัยกลางคนสวมแว่นตาในเสื้อที่ดูเป็นมืออาชีพของเธอได้ออกมาจากภายใน หลังจากที่เธอกับพนักงานหญิงคนนั้นได้คุยกันพักนึงแล้ว เธอก็ได้เดินมาตรงถังซิ่วแล้วถามออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“ท่านมีชื่อว่าอะไรหรอค่ะ?”

“ถัง…”

ถังซิ่วยืนขึ้นและตอบเธอ

หญิงวัยกลางคนพูดด้วยเสียงหัวเราะว่า

“ฉันชื่อว่าหลี่หลี่ปิง คุณสามารถเรียกฉันว่าพี่สาวหลี่ พนักงานต้อนรับของเราได้บอกฉันถึงคำขอของคุณแล้วและเราเองก็สามารถยอมรับคำขอดังกล่าวได้แต่ฉันอยากถามว่าคุณเชื่อมั่นว่าลูกศิษย์ของคุณจะตามการเรียนการสอนของเราทันหรอค่ะ? ”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“ฉันเชื่อว่าเธอสามารถทำมันได้”

หลี่หลี่ปิงพูดด้วยเสียงหัวเราะ

“ตั้งแต่ที่คุณถังมั่นใจเรื่องนี้แล้วฉันก็สามารถวางใจได้ ลูกค้านั้นเปรียบเสมือนพระเจ้าดังนั้นเราจะปฏิบัติตามคำขอของลูกค้าให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้คุณลองดูเอกสารนี่ก่อนสิ ฉันได้จัดครูที่โดดเด่นทั้งสามคนให้บุตรหลานของคุณเรียบร้อยแล้ว ในช่วงเช้านั้นจะสอนภาษาอังกฤษเป็นเวลาสามชั่วโมง สอนคณิตศาสตร์ในช่วงบ่ายสามชั่วโมงและการสอนภาษาจีนและวรรณคดีในตอนเย็น นอกจากนี้เรายังมีเวลาให้คำปรึกษา…….. ”

“ดี!”

ถังซิ่วพยักหน้าอย่างรวดเร็วด้วยความดีใจ

หลี่หลี่ปิงพูดต่ออีกว่า

“ในความหมายของคุณนั้นหมายความว่าหากบุตรหลานของคุณนั้นสามารถตามการเรียนการสอนของชั้นประถมศึกษาปีที่สองแล้วก็ให้สอนของชั้นประถมศึกษาปีที่สามต่อไปเลยจนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่หกเลยใช่ไหมค่ะ? ”

“ถูกต้อง!”

ถังซิ่วตอบกลับอีกครั้ง

หลี่หลี่ปิงถามอีกครั้งด้วยรอยยิ้มว่า

“เกี่ยวกับเรื่องเวลา? หลักสูตรเตรียมความพร้อมสำหรับนักเรียนธรรมดาห้าปี คุณพร้อมที่จะให้ให้ครูที่โดดเด่นของเราเริ่มสอนเมื่อไหร่และจนถึงตอนไหน?”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“ฉันหวังว่ามันสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้จนถึงวันที่1กันยายนปีนี้”

“อะไรนะ?”

หลี่หลี่ปิงรู้สึกทึ่ง เธอมองไปที่ถังซิ่วด้วยท่าทางที่ไม่อยากจะเชื่อและร้องออกมาว่า

“คุณหมายถึง … ตั้งแต่วันพรุ่งนี้จนถึงวันที่1กันยายนและนั่นเป็นเวลาเพียง3-4เดือนเท่านั้น ? คุณต้องการให้เด็กในครอบครัวของคุณจบหลักสูตรทั้งหมดตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2-6ในเวลาแค่นี้ ? ”

“ถูกต้องเลยหละ!”

ถังซิ่วพยักหน้าด้วยความสงบ

ความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยได้ถูกเปิดเผยบนใบหน้าหลีหลี่ปิงก่อนที่เธอจะพูดออกมาว่า

“ท่านค่ะ เราเป็นโรงเรียนสอนพิเศษ นี่ไม่ใช่สถานที่สำหรับคุณที่จะเล่นตลกอย่างนั้น ถ้าคุณต้องการจ้างครูอย่างจริงใจเรายินดีต้อนรับคุณอย่างอบอุ่นและเราพยายามที่จะตอบสนองความต้องการของคุณให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ถ้าคุณอยู่ที่นี่เพื่อล้อเล่นเราเราจะจบทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ ประตูอยู่ตรงนั้น ฉันจะไม่ไปส่งคุณ … ”

“ฮึ…”

การฟังคำพูดของหลี่หลี่ปิงทำให้ถังซิ่วตกตะลึง เขาไม่จริงใจตรงไหน?แล้วมันกลายเป็นเรื่องตลกได้อย่างไรกัน?

คำอธิบายของฉันไม่ชัดเจนเพียงพองั้นหรอ?

เจ้าของโรงเรียนสอนพิเศษนี้เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?

ถังซิ่วคิดสักครู่ก่อนที่เขาจะตอบอย่างจริงจังว่า

“ฉันไม่ได้ล้อเล่นกับคุณ คำพูดทุกคำที่ฉันพูดนั้นจริงจังมาก เด็กในครอบครัวของฉันเป็นเด็กพิเศษที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ คุณเป็นเจ้านายของที่นี่ดังนั้นคุณต้องเคยพบกับเด็กๆที่มีพรสวรรค์มากมาย ฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจสิ่งที่ฉันจะสื่อ คุณสามารถว่าราคามาได้เลย ”

หลี่หลี่ปิงได้สังเกตถังซิ่วอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะส่ายหน้าแล้วพูดว่า

“ฉันเคยเห็นเด็กที่มีพรสวรรค์และฉลาดมากมายแต่ไม่เคยมีใครได้ยินเลยว่าจะมีเด็กที่สามารถจบหลักสูตรสำหรับ5ปีได้ภายใน3-4เดือน ท่านค่ะ การเรียนการสอนจำเป็นต้องทำทีละขั้นตอนและค่อยๆพัฒนาขึ้น ความคิดของคุณอาจกล่าวได้ว่าเป็นการทำให้เสียสิ่งต่างๆเพราะเร่งรีบเกินไปและต้องการความสำเร็จทันที คุณรู้ไหมว่า…….”