…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ถ้าเป็นเรื่องธุรกิจการทำเงินนั้นถังซิ่วอ้าแขนรับเสมอ ในยุคแห่งวัตถุนิยมแบบนี้ การวัดความสำเร็จและความล้มเหลวนั้นมีเงินเป็นปัจจัยสำคัญ ถ้าไม่มีเงินจะไม่สามารถเดินทางไปทั่วโลกได้ ดังนั้นเขาจึงรู้ได้ดีถึงความสำคัญของเงินดี หากไม่มีเงินแล้วหลายๆเรื่องจะต้องเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากอย่างเช่นการบ่มเพาะพลังของเขา เขาต้องการทรัพยากรและวัสดุเป็นจำนวนมากแม้ว่าเขาจะถูกล่ามโซ่อยู่กับการศึกษาของเขาก็ตามแต่ถังซิ่วก็คิดเกี่ยวกับวิธีทำเงินอยู่ตลอดเวลา

เขาเป็นคนที่ได้รับการศึกษาในด้านการประดิษฐ์อักษรและภาพวาด!

เขาสามารถพูดได้ว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์และมีความชำนาญในทุกด้าน เมื่อเขาอาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนิรันด์เป็นเวลากว่า10,000 ปีนั้น การออกแบบสถาปัตยกรรมสำหรับเขาเป็นเรื่องง่ายและเขาก็มีความมั่นใจว่าถ้าเขาได้ออกแบบสถาปัตยกรรมบนโลกนี้ ผลงานการออกแบบของเขาจะกลายเป็นสถานที่สำคัญซึ่งจะทำให้ดวงตาของทุกคนเปล่งประกาย

“ฉันมีเพื่อนสองคนจากเมืองหลวงและพวกเขากำลังเตรียมที่จะลงทุนก่อสร้างอาคารในเมืองสตาร์ซิตี้นี้แต่ชนิดของอาคารที่พวกเขาต้องการจะต้องมีลักษณะที่งดงามที่สุดและโดดเด่นเป็นพิเศษ ตระกูลหลงของเราได้ตัดสินใจที่จะร่วมมือกับพวกเขาแล้วเงินลงทุนทั้งหมดกว่า5พันล้านหยวนและแน่นอนว่าเราจะพิจารณาเพิ่มเงินอีกถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับเงินลงทุนในภายหลังสำหรับหุ้น 10% ที่จะมอบให้นายก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้ว่าเราจะเพิ่มเงินลงทุนในภายหลัง ”

5 พันล้าน?

ถังซิ่วจ้องมองอย่างไม่เต็มใจในขณะที่เขามองไปที่การแสดงออกอย่างจริงจังบนใบหน้าของหลงเซ้งหยู มันต้องใช้เวลาสักครู่ก่อนที่เขาจะกลับมาสงบ เขาไม่ได้ตกใจกับเงินลงทุน5พันล้านหยวนแม้แต่น้อยแต่กลับเป็นหุ้น 10%

หุ้นนั้น … ไม่ได้เหมือนกับการมอบให้เขาฟรีๆ?!

ถังซิ่วค่อยๆรวบรวมสติขณะที่เขาพูดว่า

“ลูกคนรวยคนไหนกันที่จะซื้อแบบแปลนในราคา500 ล้านหยวนกัน? ”

หลงเซ้งหยูพูดด้วยเสียงหัวเราะว่า

“การจะซื้อแบบแปลนในราคา500ล้านนั้นถือเป็นเรื่องเหนือจินตนาการไปหน่อยแต่ฉันเองก็คิดว่าพวกเขาคงคิดว่ามันคุ้มค่า ต้องรู้ว่า500ล้านนั่นไม่ใช่แค่ซื้อแบบแปลนเท่านั้นแต่เป็นการซื้อมิตรภาพไปในตัวและสร้างความสัมพันธ์กับนายได้ด้วย! เพื่อนทั้งสองคนที่ได้ยินเกี่ยวกับนายจากฉันนั้นต้องการเป็นเพื่อนกับนาย! ”

เพื่อน?

ถังซิ่วถูจมูกของเขาก่อนที่จะพูดขึ้นว่า

“พวกเขามีความมั่นใจงั้นหรอที่จะเป็นเพื่อนกับฉันได้?”

หลงเซ้งหยูพูดด้วยเสียงหัวเราะว่า

“มีคำกล่าวที่ว่าสวรรค์จะไม่ทอดทิ้งผู้คนที่มีความทะเยอทะยาน ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนกันได้หรือไม่เราดูกันที่อนาคต ตอนนี้นายแค่ต้องตอบฉันว่าจะยอมรับธุรกิจนี้ไหม?”

“แน่นอน ทำไมฉันจะไม่หละ?!”

คิ้วของถังซิ่วยกขึ้นขณะที่ตอบด้วยท่าทางแน่วแน่

หลงเซ้งหยูเอาบุหรี่ออกมาแต่เมื่อเขากำลังจะจุดมันนั้น ราวกับว่าเขาได้ระลึกถึงบางสิ่งบางอย่างในขณะที่เขามองไปที่ถังซิ่วและถามว่า

“จะว่าอะไรไหมถ้าหากฉันจะสูบบุหรี่?”

ถังซิ่วส่ายหัวแล้วพูดว่า

“เมื่อไหร่ที่ฉันจะต้องออกแบบแปลนก่อสร้างให้กับนาย?”

หลงเซ้งหยูตอบว่า

“ยังไม่จำเป็นต้องรีบ เฟสแรกของโครงการจะต้องใช้เวลาเตรียมตัวอย่างน้อย2เดือน รอสักสองสามวันเพื่อให้เราจัดการเรื่องที่ดินสำหรับอาคารแล้วฉันจะพานายไปดูและจากนั้นก็สามารถเริ่มวาดรูปแบบสถาปัตยกรรมได้เลย น้องถัง,งานของนายนั้นเป็นกุญแจสำคัญ อย่าทำให้ฉันผิดหวังหละ ”

“ฉันจะไม่ทำให้นายผิดหวัง!”

ถังซิ่วตอบเบาๆ

ได้รับเงินจากผู้อื่นแล้วก็ต้องทำให้คุ้มค่า

ถังซิ่วจะทำให้ดีที่สุดในการออกแบบพิมพ์เขียวของสถาปัตยกรรม อย่างไรก็ตามนั้น เขายังได้คิดถึงปัญหาอื่นในใจของเขานั่นคือการวางแผนเรื่องเกาะเก้ามังกร การออกแบบของคนก่อนหน้านี้ที่พัฒนาเกาะนั้นมีข้อบกพร่องใหญ่หลวงอย่างหนึ่งเนื่องจากเขาไม่ได้รวมและใช้คุณลักษณะที่สำคัญที่สุดของเส้นชีพจรวิญญาณทั้งเก้าอย่างถูกต้อง

เกาะเก้ามังกรเป็นที่รักของฮวงจุ้ยซึ่งเขาไม่สามารถพัฒนามันอย่างประมาทและสิ้นเปลืองได้

หลังจากที่หลงเซ้งหยูคิดถึงการออกแบบที่ถังซิ่วได้วาดไว้ของหมู่บ้านเขาล้อมนั้น ความวิตกกังวลในใจของเขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีความสามารถก็คงไม่กล้าที่จะรับงานและตั้งแต่ที่ถังซิ่วไม่ได้กลัวที่จะรับงานนี้ ตัวเขาเองก็เชื่อว่าจะสามารถตอบสนองความคาดหวังทั้งหมดของเขาได้หรือแม้แต่สองคนที่เหลือก็ต้องประหลาดใจเช่นกัน

“ในเมื่อนายยอมตกลงแล้ว ฉันเองก็รู้สึกโล่งใจซักที!”

หลงเซ้งหยูได้ยืนยันอีกครั้ง

ถังซิ่วได้ถามต่อว่า

“มีอะไรอีกไหม?”

หลงเซ้งหยูยิ้มอย่างฝืนๆพร้อมพูดออกมาว่า

“ในเมื่อน้องชายถังได้ชี้ประตูออกขนาดนี้ เอ๊ะ!ในเมื่อนายมีสิ่งอื่นที่ต้องทำฉันก็จะไม่รบกวนนายอีกต่อไป หลังจากที่ได้เลือกที่ดินแล้วฉันจะติดต่อนายอีกครั้ง ”

“เยี่ยม!”

ถังซิ่วตอบพลางพยักหน้า

หลังจากที่ส่งหลงเซ้งหยูไปแล้วนั้น ถังซิ่วได้เข้าไปในคลังสินค้าอีกครั้ง เขากระตือรือร้นที่จะกลั่นน้ำยาระฆังทองเป็นอย่างมากเพื่อที่จะได้เพิ่มระดับการบ่มเพาะของเขา

วัสดุที่จำเป็นของเขานั้นเพียงพอเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นกระดูกสัตว์ร้ายหรือสมุนไพรก็ตามที มันสามารถจะกลั่นได้อีกเป็นโหล

ในโกดังนั้นถังซิ่วได้หยิบหม้อเหล็กออกมาก่อนที่จะเทน้ำลงไปครึ่งหม้อและเริ่มที่จะต้มมัน ในการผสมน้ำยาระฆังทองนั้นต้องใช้น้ำร้อนจำนวนมาก เขาได้ใส่กระดูก ฟัน เนื้อ เส้นเอ็นและอย่างอื่นลงไปตามลำดับ หลังจากที่น้ำเดือดได้ครึ่งหนึ่งเขาก็ใส่สมุนไพรลงไปทันที

กระดูกของสัตว์ร้ายนั้นแข็งกว่ากระดูกของสัตว์ป่าทั่วไปและการต้มมันนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก อย่างไรก็ตามหลังจากที่ถังซิ่วได้ใส่สมุนไพรไม่กี่ตัวลงไป ความสามารถในการกัดกร่อนก็เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้เขายังเสียใจมากที่อ้อยปีศาจพิษที่ได้รับมาก่อนหน้านี้นั้นถูกนำไปใช้หมดแล้วมิฉะนั้นหากเสริมด้วยอ้อยปีศาจพิษนั้น,ผลลัพธ์ที่ได้จะดีกว่ามาก

“เติมน้ำ!”

หลังจากครึ่งชั่วโมงนั้นของเหลวก็เหลิอยู่เพียงประมาณ2ชามเท่านั้นจากน้ำครึ่งหม้อก่อนหน้านี้และสีของมันได้กลายเป็นสีแดงสดใสมาก ถังซิ่วได้เทน้ำลงในหม้อและเขายังได้ใส่ผงของแก่นพลังของหินหยกมรกตลงไปด้วย

เนื่องจากไม่มีอ้อยปีศาจพิษนั้นทำให้เขาไม่สามารถที่จะกวนของเหลวได้ ดังนั้นเขาจึงได้เตรียมท่อเหล็กที่ล้างสะอาดไว้แล้ว พร้อมค่อยๆกวนของเหลวสักครู่แล้วใส่สมุนไพรที่เหลือลงในหม้อตามลำดับ ของเหลวสีแดงก่อนหน้านี้ที่ได้ผสมกับสมุนไพรนั้นได้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ม

เวลาผ่านไปอีกครั้ง …

ตอนที่ของเหลวสีน้ำเงินเข้มเหลือแค่ประมาณ2ชาม รอยยิ้มที่มีความสุขก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของถังซิ่ว เขาไม่ได้คาดหวังว่าครั้งแรกที่เขาได้กลั่นน้ำยาระฆังทองนั้นจะราบลื่นได้ขนาดนั้น ตราบเท่าที่เขาระวังตัวในขั้นตอนต่อไป เขาจะประสบความสำเร็จในการกลั่นครั้งแรก

เขาหยิบโสมป่าอายุ500 ปีเอาไว้และใส่มันลงในหม้อ หลังจากที่ของเหลวที่เหลืออยู่เพียงประมาณชามเดียวแล้วเขาก็ได้ใส่โสมที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งลงไป

กลิ่นหอมของยาได้ฟุ้งกระจายเต็มโกดัง

เพราะการผสมโสมลงไปนั้นทำให้สีของมันเริ่มเปลี่ยนจากสีฟ้ากลายเป็นสีทองขึ้นเรื่อยๆ เป็นสีทองที่เหมือนดาวระยิบระยับสะท้อนไปมา แสงสีทองสามารถมองเห็นได้ในของเหลวราวกับว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ลึกลับ.

“มันประสบความสำเร็จ!”

ดวงตาของถังซิ่วส่องประกาย หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นเมื่อความรู้สึกมีความสุขอย่างมากถูกปล่อยออกมาจากดวงตาของเขา หลังจากที่ของเหลวเหลือเพียงครึ่งชาม ถังซิ่วจึงถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมดและค่อยๆหยิบช้อนเพื่อตักของเหลวออกมาแล้วเทลงบนฝ่ามือ

“ฟ่อ…”

ของเหลวร้อนสีทองกำลังลวกผิวของถังซิ่วด้วยอุณหภูมิที่สูงอย่างเห็นได้ชัด โชคดีที่ถังซิ่วมีความอดทนที่เข้มแข็งและแทบจะเจ็บปวด

“ถ้าไม่สามารถอดทนได้ก็เป็นได้แค่หมาตัวหนึ่ง”

ประกายของความบ้าคลั่งถูกส่งออกมาทางสายตาของถังซิ่ว เขาเริ่มที่จะทาน้ำยาระฆังทองคำที่อยู่บนฝ่ามือของเขาไปทั่วร่ายกายอย่างไม่ลังเล ความเจ็บปวดจากการเผาไหม้ทำให้เขารู้สึกแข็งทื่อแต่เขาก็เร่งความเร็วและทามันอย่างไม่หยุดหย่อน จากข้อมือไปที่แขนแล้วถึงไหล่คอเอวขาเท้า …

น้ำยาระฆังทองคำถูกทาอย่างต่อเนื่องไปทั่วทั้งร่ายกายของเขาเนื่องจากการออกฤิทธิ์ของน้ำยานี้คือยิ่งทามากเท่าไหร่ก็จะได้ผลดีมากเท่านั้น ร่างกายทั้งหมดของเขาในตอนนี้ได้ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำยานี้ ถ้าหากว่ามีใครมาเห็นเขาในตอนนี้เข้าละก็ พวกเขาจะต้องตกใจเป็นอย่างมากแน่นอน

ร่างกายของเขาเป็นสีแดงเหมือนกุ้งที่ถูกต้มจนสุก ผิวของเขาเริ่มแตกออกและเริ่มสั่นอย่างไม่หยุดยั้ง เส้นเลือดทั้งหมดทั่วร่างกายของเขาโผล่ออกมาขณะที่น้ำภายในร่างกายของเขาแทรกซึมออกมาทางผิวหนังและเจาะทะลุออกมาจากรูขุมขนที่เปิดพร้อมผสมเข้ากับเลือด นี่ทำให้เขาดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก

“ยังเหลืออยู่อีกสองช้อน!”

เขาเริ่มข่มความเจ็บปวดในตัวเองพร้อมกับทามันลงไปที่ส่วนที่อ่อนแอที่สุดของร่างกายซึ่งนั้นก็คือพื้นที่ลับตรงหว่างขาและที่ลำคอของเขา

“อ๊ากกกกกกกกกกก…”

อาการปวดรุนแรงเสียดแทงเขามาขณะที่สายตาของถังซิ่วเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ การใช้น้ำยาระฆังทองครั้งที่สองนี้เหมือนกับการเพิ่มน้ำมันลงในกองไฟและเพิ่มความเจ็บปวดที่เขารู้สึก

“เสียงดังเอี๊ยด …”

ประตูทางเข้าโกดังสินค้าได้ถูกเปิดออกโดยมู่ขวินปิงขณะที่เธออยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนและกำลังถือข้าวเย็นไว้ในมือ ตอนที่เธอเดินผ่านประตูเข้ามาและเห็นรูปลักษณ์ของถังซิ่วนั้น นัยน์ตาของเธอหดลงอย่างรุนแรงขณะที่ร่างกายของเธอกำลังสั่น ชามข้าวทั้งหมดได้ตกลงไปกระแทกกับพื้นจนแตกระเอียด

ถ้าเธอยังไม่รู้ว่าเป็นถังซิ่วแล้วเธออาจจะหันหลังและวิ่งหนีไปที่ประตู

ถึงแม้ถังซิ่วจะเปลือยเปล่าอยู่ในขณะนี้และส่วนล่างของเขาที่มีขนาดใหญ่ราวกับแท่งเหล็กกำลังแข็งอยู่นั้น มู่ขวินปิงไม่ได้รู้สึกลำบากหรืออับอายเลยแม้แต่นิดเดียว หัวใจของเธอได้เต้นเร็วขึ้นเพราะสภาพที่น่าสังเวชของถังซิ่วในตอนนี้ เธอไม่เคยเห็นใครที่อยู่ในสภาพน่าสงสารเช่นนี้มาก่อน

(*ได้ไอนี้เป็นเมียหรือเปล่าเนี้ย 5555555)

ถังซิ่วไม่ได้รู้ถึงการมาของมู่ขวินปิงหรือแม้กระทั่งได้ยินเสียงของชามที่ตกแตก สภาพจิตใจของเขามุ่งเน้นไปที่ร่างของตัวเองในขณะที่ต่อสู้และระงับความเจ็บปวดจากการเผาไหม้ ในขณะเดียวกันเขาก็ได้เร่งพลังดวงดาราในร่างกายของเขาพร้อมกับการเริ่มต้นโคจรวิชาเชื่อมต่อศิลปะแห่งสวรรค์

พลังงานที่บรรจุอยู่ภายในน้ำยาระฆังทองนั้นเปรียบเหมือนสายน้ำที่จะชำระล้างร่างกายของเขา แต่พลังดวงดาราที่กำลังโคจรอยู่ในเส้นพลังของเขานั้นกำลังหลอมรวมกับน้ำยาระฆังทองคำและก่อให้เกิดพลังงานพิเศษบางอย่างในร่างกายของเขาขึ้นพร้อมกับการซ่อมแซมและฟื้นฟูร่างกายของเขา

เลือดและของเหลวค่อยๆจับตัวเป็นก้อนและเกิดเป็นเกล็ดเลือด

พลังงานชนิดใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นและมองเห็นไม่ได้ด้วยตาเปล่านั้นกำลังฉีก,ซ่อมแซมและรักษาผิวหนังของเขาซ้ำไปซ้ำมา

ชั้นผิวหนังของถังซิ่วในตอนนี้ได้กลายเป็นดั่งอาวุธของพระเจ้าที่ถูกขัดเกลาซ้ำไปซ้ำมา หลังจากที่ผิวหนังได้ถูกฉีกโดยการขัดเกลานั้น ร่างกายของเขาก็จะรักษาและซ่อมแซมตัวเองซ้ำไปซ้ำมาทำให้ทุกครั้งที่ขัดเกลานั้น มันได้เสริมสร้างความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นของผิวให้กับเขา

ชั้นผิวแต่ละชั้นกำลังถูกตัดออก

แต่พลังงานที่เพิ่มขึ้นของพลังที่เกิดมาใหม่นั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายของถังซิ่ว

จากด้านนอกร่างกายของเขา ถังซิ่วนั้นถูกห่อด้วยเกล็ดเลือดหนาเหมือนที่เขาอยู่ในรังไหม มู่ขวินปิงแข็งทื่อราวกับเป็นประติมากรรมที่ยืนอยู่ที่ประตูโกดังสินค้าขณะที่เธอมองไปที่เขาโดยไม่กระพริบ เธอค้นพบว่าแสงสีทองอันวาววับถูกห่อหุ้มร่างกายของถังซิ่วราวกับว่าเขาเป็นพระเจ้าหรือพระพุทธรูปที่จุติลงมาซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันศักดิ์สิทธิ์