…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ความรู้ทางการแพทย์แบบดั้งเดิมของจีนเป็นความรู้สำคัญที่ถูกสืบทอดมานับพันปี ตลาดสมุนไพรในแต่ละเมืองเป็นสถานที่ที่แพทย์ชาวจีนผู้รักความสันโดษมักชื่นชอบอยู่เสมอ
มู่ขวินปิงเชื่อมั่นในประเด็นนี้ ดังนั้นนอกเหนือจากการไปเยี่ยมหมอที่มีชื่อเสียงทุกแห่งแล้วเธอยังพาลูกสาวมาที่ตลาดสมุนไพรของเมืองพร้อมตั้งเวทีและหวังว่าจะได้พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในกลุ่มคนนับไม่ถ้วนเพื่อรักษาโรคแปลกๆของลูกสาว
ดั่งเช่นคำพูดว่า จะต้องมีคนที่มีฝีมือภายใต้การดึงดูดของรางวัล
ทุกครั้งที่มู่ขวินปิงได้มาที่ตลาดสมุนไพรแห่งนี้ สำนักงานบริหารของตลาดจะส่งคนมาช่วยเธอในการจัดเวทีและเพื่อหาคนที่จะมาดูอาการลูกสาวของเธอ
“ฉันจะลองดู!”
หลังจากที่ถังซิ่วมาถึง เขาก็ได้เบียดตัวเองออกไปจากฝูงชนที่ข้างหน้าและเตรียมที่จะก้าวไปบนเวที
“เฮ้ฉันจะดูก่อน! แกมันเด็กน้อยเกินไป! อย่าใช้งานนี้เพื่อสร้างชื่อให้กับตัวเอง เงินรางวัลบางอย่างแกไม่สามารถที่จะรับมันได้ ”
ชายวัยกลางคนสวมสูทของจีนเหลือบมองไปที่ถังซิ่วอย่างรวดเร็วขณะที่เขาก้าวลงขึ้นไปบนเวที
คิ้วของถังซิ่วเหี่ยวย่นลง ขณะที่เขายืนรออยู่แถวหน้าของฝูงชนและไม่ได้ตอบโต้กลับไป
บนเวที
มู่ขวิงปิงถามออกมาด้วยความเคารพว่า
“คุณชื่ออะไร?”
“ชู…ชูเก่าซอง ”
“สวัสดีดร.ชู ขอบคุณที่คุณออกมา,อาการของลูกสาวฉัน,คุณต้องการจะดู? นี่เป็นรายงานการตรวจสอบลูกสาวของฉันตลอดหลายปีที่ผ่านมารวมถึงคำอธิบายของอาการ ”
“ไหนเอามาดูหน่อยสิ!”
ชูเก่าซองพยักหน้า เขาหยิบรายงานการตรวจสอบอย่างละเอียดที่หนามาก หลังจากที่เขาอ่านอย่างระมัดระวังสักสองสามนาที คิ้วของเขาก็เหี่ยวย่นลง จากนั้นเขาก็เข้ามานั่งข้างเตียงและจับข้อมือของเด็กผู้หญิงคนนั้น
เป็นเทคนิคในการตรวจสอบชีพจรโดยการสังเกตสภาพของผู้ป่วย
ชูเก่าซอง ได้ตรวจชีพจรเด็กหญิงมานานกว่าหนึ่งนาที จากนั้นเขาก็ส่ายหัวและปล่อยรอยยิ้มที่ฝืนๆออกมาแล้วพูดขึ้นว่า
“แปลกจริงๆฉันเคยอยู่ในวงการแพทย์มานานกว่า10 ปีแล้วและได้เห็นกรณีมากมายแต่ไม่เคยเจอสถานการณ์แปลกๆแบบนี้มาก่อนเลย ภายในร่างกายของเธอหนาวเกินไปกับเส้นพลังก็พันกันยุ่งเหยิงซึ่งแตกต่างจากคนธรรมดาเล็กน้อย จุดสำคัญที่สุดคือหลอดเลือดของเธอ เมื่อฉันตรวจสอบชีพจรและแขนของเธอ มี5จุดบนแขนของเธอที่มีเส้นเลือดใหญ่ซึ่งครอบคลุมหลอดเลือดหลายรอบ ฉันรู้สึกได้ว่าเรื่องนี้เป็นเหตุที่ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง นี่แสดงให้เห็นว่าปัญหาอยู่ภายในเส้นพลังและเส้นเลือดในร่างกายของเธอ ”
หลังจากที่เขาพูดแล้วเขาก็พูดต่อด้วยรอยยิ้มฝืนๆว่า
“ฉันไม่รู้ว่าจะเริ่มจากไหนดี ฉันไม่มีวิธีรักษาเธอ!
“ฮื้อ!”
มู่ขวินปิงถอนหายใจลึกๆความรู้สึกหนาวและขมขื่นในหัวใจของเธอเริ่มเพิ่มมากขึ้น เธอเคยคาดหวังอย่างหนักและต้องรู้สึกผิดหวังอีกครั้งและอีกครั้ง หัวใจของเธอตอนนี้ได้รับการกระตุ้นจนถึงจุดสิ้นหวังแล้ว
ผู้ชมหลายร้อยคนในบริเวณรอบๆได้แต่ส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง ครึ่งหนึ่งของคนเหล่านี้ได้เห็นฉากนี้อย่างน้อยหนึ่งครั้งและแม้แต่ผู้คนจำนวนมากก็ได้เห็นมู่ขวินปิงตั้งเวทีนี้มา มากกว่า10ครั้งแล้ว
พวกเขารู้สึกเสียใจและสงสารเด็กน้อยคนนี้อย่างแท้จริง!
พวกเขาก็หวังว่าจะมีหมอเทพเจ้าออกมาเพื่อรักษาและปัดเป่าความเจ็บปวดที่เด็กน้อยคนนี้ได้รับดั่งเช่นที่มู่ขวินปิงหวังไว้เหมือนกัน
ชูเก่าซองมองไปที่มู่ขวินปิงด้วยความรู้สึกผิดหวัง หลังจากเงียบไปชั่วครู่แล้วเขาก็พูดช้าๆว่า
“อาจจะมีคนๆหนึ่งที่สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างชัดเจนสำหรับอาการป่วยของลูกสาวเธอ เขามีความเป็นไปได้สูงที่จะสามารถรักษาเธอได้ ”
ดวงตาของคนในเมืองจางเบาขึ้นขณะที่เธอรีบถามว่า
“เขาคือหมอศักดิ์สิทธิ์คนไหนกัน?”
ชูเก่าซองได้ตอบว่า
“เขาเป็นอาจารย์ของฉัน กุยเจียนเฉา ”
“ว้าว …”
ครึ่งหนึ่งของคนในบริเวณใกล้เคียงเริ่มฮือฮาขึ้น ทุกคนมองไปที่ชูเก่าซองด้วยความรู้สึกตกใจและไม่เชื่อในสายตาของพวกเขา ในประเทศนี้ใครจะไม่รู้จักชื่อของหมอศักดิ์สิทธิ์ กุยเจียนเฉาบ้าง?และชายวัยกลางคนข้างหน้าชื่อชูเก่าซองนั้นกลับกลายเป็นศิษย์ของกุยเจียนเฉา!
“มีคำพูดอยู่ว่า ครูที่มีชื่อเสียงมักจะมีศิษย์ที่โดดเด่น ถึงแม้ว่าจะไม่มีวิธีที่จะรักษาเด็กหญิงคนนี้ แต่ทักษะทางการแพทย์ของเขาจะต้องดีมาก ”
“ผู้สืบทอดตำแหน่งหมอศักดิ์สิทธิ์!? สวรรค์ ช่างโชคดีจริงๆที่ในวันนี้สามารถเห็นผู้สืบทอดตำแหน่งของหมอศักดิ์สิทธิ์ได้ ”
“หมอศักดิ์สิทธิ์กุยเจียนเฉาไม่เคยปรากฏตัวมาเกือบสองทศวรรษแล้ว ท่านผู้อาวุโสคนนั้นอยู่ที่ไหนกัน?”
“ถ้าแม้แต่ศิษย์ของเทพเจ้าหมอยังไม่สามารถรักษาเด็กหญิงคนนั้นได้ บางทีเธออาจจะไม่มีความหวังอีกต่อไป”
“เวรเอ๋ย ได้เจอเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่!”
“…”
มู่ขวินปิงเคยได้ยินชื่อเสียงของเทพเจ้าหมอกุยเจียนเฉามานับครั้งไม่ถ้วน ในขณะที่เวลานี้ ความหวังเริ่มเอ่อล้นออกมาจากจิตใจของเธออีกครั้ง จากนั้นเธอก็ถามด้วยความหวังว่า
“หมอชู อาจารย์ของคุณเขาอยู่ที่ไหนในตอนนี้?”
ชูเก่าซองยิ้มแบบฝืนๆและพูดว่า
“อันที่จริงฉันเองก็ไม่ทราบว่าอาจารย์ที่น่าเคารพนับถืออยู่ไหนในขณะนี้ เขามักจะเดินจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง แม้จะไม่ได้พบเขามากว่า4 ปีแล้วก็ตาม แต่ทุกๆ5ปี อาจารย์ของฉันจะมาพบฉันครั้งหนึ่ง ถ้าฉันเห็นอาจารย์ที่น่าเคารพนับถือของฉันอีกครั้ง ฉันจะบอกเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ของคุณเอง ถ้าเขายินดีที่จะช่วย ผมจะติดต่อคุณในตอนนั้น ”
มู่ขวินปิงรีบแจ้งรายละเอียดการติดต่อของเธอกับชูเก่าซองทันที ในขณะที่เธอขอบคุณเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
ถังซิ่วยังคงยืนอยู่หน้าฝูงชน เมื่อเห็นผลการวินิจฉัยของชูเก่าซองแล้ว ใจของเขาก็ส่ายไปมาเล็กน้อยและพร้อมที่จะก้าวขึ้นไปบนเวทีนั้นเพื่อเริ่มตรวจสอบร่างกายของเด็กผู้หญิงของนั้นก็ได้มีเสียงเยาะเย้ยตะโกนออกมาจากฝูงชน
“เฮ้ ศิษย์ของหมอศักดิ์สิทธิ์อะไรกัน ? สิ่งที่ฉันเห็นคือเขามันเป็นคนขี้โกงต่ำต้อยเพียงอย่างเดียว กุยเจียนเฉานั้นเป็นหมอศักดิ์สิทธิ์ที่น่านับถือ,มีคุณธรรมทางจริยธรรมและทักษะทางการแพทย์เขาก็น่าชื่นชมอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามผู้สืบทอดของหมอศักดิ์สิทธิ์นั้น แค่รักษาเด็กคนเดียวยังทำไม่ได้ นี้มันเรื่องตลกชัดๆ! ”
ทันใดนั้น
ดวงตาทุกคู่ได้หันไปหาที่มาของเสียงนั้นทั้งหมด!
เขาเป็นชายชราผมหงอกคนหนึ่งที่มีหนวดเคราพร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยการเยาะเย้ย ดูจากรูปลักษณ์แล้วเขาน่าจะอายุประมาณ50-60ปี เขาสวมผ้าพันคอและสิ่งที่เด่นชัดที่สุดเกี่ยวกับตัวเขาคือรองเท้าที่สวมใส่คือรองเท้าที่ทำมาจากเชือก
“คุณคือใคร?”
คิ้วของชูเก่าซองเหี่ยวย่นลงอย่างมากในขณะที่เขามองชายชราคนนั้นด้วยความเกลียดชัง
ชายชราหัวเราะเยาะ
“ฮึ้ม คุณไม่มีคุณสมบัติพอที่จะรู้ว่าตาเฒ่านี่เป็นใครหรอก ถ้าเจ้าแก่กุยเจียนเฉานั่นมา เขารู้แน่นอนว่าตาเฒ่าคนนี้เป็นใคร ”
นัยน์ตาของชูเก่าซองจ้องมองและเงียบครู่หนึ่งขณะที่เขาขยับมือแล้วพูดออกมาว่า
“ฉันไม่จำเป็นต้องพูดมากเกี่ยวกับครูที่น่าเคารพนับถือของฉัน แต่เนื่องจากคุณดูถูกความสามารถของฉันแล้วละก็ ทำไมคุณถึงไม่พยายามที่จะวินิจฉัยและรักษาเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้? ถ้าคุณสามารถรักษาอาการเธอได้ มันก็จะถือว่าเป็นความดีและความเมตตากรุณาแก่เธอ ”
ชายชราคนนั้นตอบว่า
“ตั้งแต่ที่ตาเฒ่าคนนี้ก้าวออกมาแล้ว ฉันต้องรักษาเธอได้อย่างแน่นอน”
หลังจากที่พูดจบ เขาก็เดินขึ้นบันไดไปและนั่งอยู่ที่ข้างเตียง
เขาอ่านเอกสารและสังเกตสภาพของเด็กผู้หญิงพร้อมตรวจชีพจรของเธอ …
ชายชรามีทักษะในการตรวจทางการแพทย์แบบจีนอย่างเต็มรูปแบบ ขณะที่การแสดงออกที่หยิ่งยโสที่แขวนอยู่บนใบหน้าของเขาค่อยๆเปลี่ยนไปนิดหน่อยเมื่อเวลาผ่านไป เมื่อเขาปล่อยมือแล้วนั้น ใบหน้าของแปรเปลี่ยนเป็นดำคว้ำโดยทันที
“ร่างกายพันเส้นเลือดน้ำแข็ง”
หลังจากนั้น ชายชราได้พูดออกมาเงียบๆด้วยความยากลำบากทั้งหมด6คำ
การหายใจของมู่ขวินปิงกระสับกระสับอีกครั้ง แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจคำพูดของชายชรา แต่ก็ดูเหมือนจะมีความหวัง ในขณะที่เธอรีบถามออกมาว่า
“ผู้อาวุโส คุณสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยแปลกๆของลูกสาวฉันได้หรือไม่”
ชายชราส่ายหัวและพูดด้วยความรู้สึกเสียดายในดวงตาของเขาว่า
“มันไม่มีประโยชน์ เธอเกิดมาพร้อมกับร่างกายพันเส้นเลือดน้ำแข็ง ภายในร่างกายของเธอนั้นเต็มไปด้วยเส้นเลือดที่เป็นน้ำแข็ง ฉันไม่สามารถรักษาเธอได้และเธอก็ไม่มีเวลาเหลือมากแล้ว ”
ใบหน้าของมู่ขวิงปิงตกใจอย่างมากและเธอรีบถามว่า
“ผู้อาวุโส คุณหมายถึงอะไร? ลูกสาวของฉันเธอ … ”
ชายชราพูดพร้อมกับถอนหายใจว่า
“ฉันเคยได้เห็นอาการแบบนี้ในตำราการแพทย์แผนจีนโบราณ เธอได้รับอาการเจ็บป่วยนี้ประมาณ2ถึง3ปีที่ผ่านมาใช่ไหม? ”
ดวงตาของมู่ขวินปิงหดเล็กลงขณะที่เธอรีบตอบว่า
“ใช่! ก่อนหน้านี้2ปีนั้นเธอยังสบายดีอยู่เลย แต่นับตั้งแต่ที่พ่อของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอก็ได้ป่วยเป็นโรคร้ายแรงนี้หลังจากได้ยินข่าวนั้นทันที เธอมีไข้สูงเป็นเวลากว่า7วันแล้ว … เธอก็กลายเป็นแบบนี้ ”
ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงที่ไร้ความหวังว่า
“ถ้าเธอได้รับการรักษาภายใน7วัน เธออาจจะยังพอมีหวัง แต่ตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว การที่เธอสามารถทนต่อสภาพความเจ็บปวดดังกล่าวได้เป็นเวลาถึง2 ปีนี้ ถือว่าเป็นเรื่อง… มหัศจรรย์จริงๆ ความเจ็บปวดที่เธอได้รับและความทุกข์ทรมานนั้นไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนสามารถจินตนาการได้ ฉันคิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะจิตใจของเธอแข็งแกร่งมาก เธอก็อาจจะ … ”
สายธารแห่งน้ำตาสองสายได้ไหลออกมาจากดวงตาของมู่ขวินปิง เธอรู้ดีว่าลูกสาวตัวน้อยของเธอต้องทนทุกข์ทรมานมากแค่ไหนในแต่ละวัน ลูกสาวของเธอต้องเป็นลมเกือบ10ครั้งต่อวันเนื่องจากความเจ็บปวดอันแสนสาหัสนี้ แต่ทุกๆ2-3ชั่วโมงนั้นเธอก็จะตื่นขึ้นมาแล้วก็ยังต้องทนทุกข์ทรมานอยู่เช่นเคย
“พัฟ … ”
มู่ขวินปิงคุกเข่าลงตรงหน้าชายชราขณะที่เลือดได้ไหลลงมาจากริมฝีปากที่เธอกัด เธอร้องไห้อย่างและพูดด้วยเสียงขอร้องอย่างจริงจังว่า
“ผู้อาวุโส ฉันขอร้องให้คุณหาวิธีรักษาเธอ ตราบเท่าที่คุณสามารถช่วยชีวิตลูกสาวของฉันให้ดีขึ้นได้ ฉันจะทำทุกอย่างและแม้กระทั่งมอบชีวิตให้กับคุณ ”
ชายชราส่ายหัวและพูดว่า
“นี่คือขีดจำกัดของสิ่งที่ชายชราคนนี้สามารถทำได้ ต่อให้ฮัวโต๋จะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง มันก็ยังยากที่จะรักษาเธอได้ และไม่ต่างอะไรไปจากเจ้าแก่กุยเจียนเฉานั่นเลย ถึงแม้ว่าชายชราคนนี้จะไม่สามารถรักษาเธอได้แต่กรุณาฟังคำแนะนำของฉัน แทนที่จะปล่อยให้เธอต้องจมอยู่กับความเจ็บปวดทุกวันนั่น มันจะดีกว่าสำหรับเธอถ้าจะหยุดความเจ็บปวดนี้ซะ…! ”
“เป็นไปไม่ได้!”
มู่ขวินปิงกรีดร้อง เธอก็ลุกขึ้นยืนจากพื้นดิน ดวงตาของเธอราวกับหมาป่าหิวโหยขณะที่เธอจ้องที่ชายชราและส่งเสียงคำรามออกมา
“เป็นไปไม่ได้! ลูกสาวของฉันต้องสามารถรักษาได้อย่างแน่นอน! จะต้องได้อย่างแน่นอน! คุณเป็นคนโกหกที่เลวทราม! เอามันออกไปจากหน้าฉัน หายไปซะ … หายไปซะ … ! ”
เสียงร้องไห้ของเธอนั้นราวกับว่า น้ำตาของเธอกำลังจะเปลี่ยนเป็นสายเลือด
ฝูงชนที่รายล้อมอยู่นั้นก็เริ่มที่จะเช็ดน้ำตาของพวกเขา พวกเขารู้สึกเศร้าและเสียใจกับเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้ และพวกเขาก็ร้องเพราะความรู้สึกที่สงสารแก่มู่ขวินปิง
“จะให้ฉันลองดูได้หรือยัง? ”
ถังซิ่วก้าวขึ้นไปบนเวที ขณะที่เขาพูดอย่างเฉยเมยและจ้องมองไปที่ชูเก่าซอนและชายชราด้วยสายตาที่หนาวเหน็บ
ก่อนหน้านี้ ชูเก่าซองก็อยากจะล้อเลียนชายชราที่หยิ่งยโสคนนี้ แต่เมื่อเห็นความโทรกเศร้าๆบนใบหน้าของมู่ขวินปิงแล้ว เขาก็รู้สึกเศร้าในเวลาเดียวกันและยอมแพ้ต่อความคิดที่โง่เขลาของเขาที่จะเยาะเย้ยชายชราคนนั้น
อย่างไรก็ตาม
เมื่อเขาได้เห็นถังซิ่วอีกครั้งและโดยเฉพาะเมื่อได้ยินคำพูดของถังซิ่วแล้ว ความโกรธของเขาก็ลุกโชนขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจของเขาในขณะที่เขาคำรามออกมาว่า
“เฮ้ ไอหนู แกไม่เข้าใจคำพูดของฉันก่อนหน้านี้หรือไง? เงินนี่เป็นเงินช่วยชีวิตของเด็กคนนี้ ไม่ใช่สิ่งที่แกจะมาหลอกเอาไปได้ แกยังอายุยังน้อยแท้ๆแต่เป็นคนโลภนี้มากขนาดนี้เลย? ฉกไม่กลัวว่าถ้าไม่สามารถรักษาเด็กคนนี้ได้ แกจะไม่รู้สึกอับอายขายหน้า?”
ถังซิ่วตอบกลับทันทีว่า
“ถ้าคุณพูดอย่างนั้น แล้วถ้าฉันสามารถรักษาเธอได้ คนที่อับอายขายหน้าก็จะเป็นคุณไม่ใช่หรือ?”
ชูเก่าซองจ้องมองด้วยสายตาที่ว่างเปล่าครู่หนึ่งแล้วรีบเยาะเย้ยทันทีว่า
“ขึ้นอยู่กับแกเนี่ยนะ? แกรักษาได้ ? อย่าพูดเรื่องตลกหน่อยเลยหน่า !ถ้าแกสามารถรักษาเด็กคนนี้ได้ ฉันจะเปลี่ยนชื่อและนามสกุลของฉันเป็นของแกและจะคุกเข่าลงต่อหน้าแกพร้อมเคารพบูชาแกในฐานะอาจารย์เลยก็ยังได้ ”
“ฉันไม่ต้องการลูกชายไม่รักดีหรือลูกศิษย์ขยะราคาถูกหรอกนะ มันทำให้ฉันค่อนข้างลำบากใจนิดหน่อยนะ… “