เมื่อได้ยินเสียงของหยวนชูหลิงนั้นทำให้ฮั่นชิงหวูได้พบการมีอยู่ของเขาในที่สุด

เมื่อเห็นหยวนชูหลิงเป็นคนยกโต๊ะเรียนมาเองก็ทำให้เธอถึงกับเผยยิ้มออกมาระหว่างที่หน้าอกกระเพื่อมทำให้สายตาของหยวนชูหลิงนั้นจดจ่ออยู่ที่เธอ

“ตราบได้ที่อาจารย์ฮูไม่ห้ามนั้นฉันยินดีอยู่แล้ว ”

จ้องมองไปที่หยวนชูหลิงซักพักหนึ่งก็หันกลับไปมองที่ถังซิ่วอีกครั้งพร้อมกับยิ้มออกมาและกล่าวว่า

“เธอไปนั่งที่ท้ายห้องก่อน เดี๋ยวฉันจะแนะนำพวกเธอให้เพื่อๆในห้องรู้จัก ”

เมื่อเห็นว่าฮั่นชิงหวูนั้นต้องการจะให้ที่พักพิงกับเขาแล้วหยวนชูหลิงถึงได้ดีใจเป็นอย่างมากพร้อมรีบเดินเข้าไปในห้องเรียน

ถังซิ่วและหยวนชูหลิงพากันเดินเข้าไปและเมื่อพวกเขาประจำที่นั่งแล้วฮั่นชิงหวูก็ได้เริ่มแนะนำพวกเขา

เมื่อฮั่นชิงหวูแนะนำถังซิ่วกับนักเรียนคนอื่นนั้นห้องก็ได้เต็มไปด้วยเสียง ”ฮิสส ” ตามมาด้วยเสียงปรึกษากัน

ถังซิ่วที่สามารถได้ยินสิ่งที่พวกเขากำลังคุยกันนั้นทำเป็นไม่สนใจในคำพูดของพวกเขา

ส่วนหยวนชูหลิงนั้นโกรธจัดจนแทบบ้าขณะที่ใบหน้าซีดเผือดและถ้าถังซิ่วไม่ได้ห้ามเขาไว้ก็คงจะกระโจนเข้าใส่พวกนักเรียนในห้องแล้ว

ความสามารถในการคุมห้องของฮั่นชิงหวูดีมากๆเพราะเพียงแค่เธอส่งเสียง “กระแอ๊ม” แค่ครั้งเดียว นักเรียนทั้งหมดก็เงียบลงโดยทันทีก่อนที่จะมองไปทางถังซิ่วด้วยสายตาขอโทษ ฮั่นชิงหวูนั้นก็ได้เอากระดาษข้อสอบออกมาและอธิบายแต่ละข้อ

สิ่งที่ทำให้ถังซิ่วประหลาดใจก็เพราะว่าฮั่นชิงหวูนั้นสอนวิชาภาษาอังกฤษนั่นเอง ,ในการสอนเธอไม่ได้พูดจีนแม้แต่คำเดียวและหลังจากที่เธออธิบายอยู่ครู่หนึ่งนั้นถังซิ่วกลับไม่สามารถเข้าใจได้แม้แต่คำเดียว

ไม่ใช่เพราะว่าถังซิ่วไม่เก่งภาษาอังกฤษและไม่ใช่เพราะหูเขาไม่ดีแต่เขาแค่ไม่คุ้นเคย เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะมีอาจารย์มาสอนโดยใช้ภาษาอังกฤษในช่วงระดับชั้นนี้

หยวนชูหลิงเองก็ได้ยินเหมือนกันพร้อมกำลังจะหันไปถามเพื่อนในห้องว่านี้มันเรื่องอะไรกันแน่แต่เมื่อเห็นท่าทางที่จริงจังของเพื่อนในห้องแล้วเขาก็หยุดความคิดนั้นไปทันที

หลังจากนั้นเพียงแค่สามนาทีถังซิ่วได้ถอดใจที่จะฟังพร้อมทั้งหยิบพจนานุกรมขึ้นมาอ่านแทน

เพราะว่าถังซิ่วสามารถได้ยินทุกคำที่ฮั่นชิงหวูพูดแต่เขาไม่สามารถที่จะเข้าใจมันได้เลยจึงตระหนักได้ว่าเขานั้นไม่เก่งเรื่องศัพท์เป็นอย่างมากเลยต้องพัฒนาเรื่องนี้ก่อน

เมื่อเห็นว่าถังซิ่วเลิกที่จะสนใจการสอนแต่หันไปอ่านพจนานุกรมแทนถึงได้ทำให้หยวนชูหลิงดีใจขึ้นมาและทำตามโดยการหยิบพจนานุกรมอ๊อคฟอร์ดขึ้นมาอ่านทันที

แม้ว่าฮั่นชิงหวูจะอธิบายการสอนอยู่นั้นแต่ความสนใจของเธอกลับตกอยู่ที่ตัวของถังซิ่วและเมื่อเธอพบว่าถังซิ่วไม่สามารถที่จะทนพังได้เพียงแค่สิบนาทีและยอมแพ้ไปจึงทำให้เธอรู้สึกเศร้าใจอย่างมาก

จนถึงเมื่อจนคาบแล้วถังซิ่วก็ยังนั่งจ้องพจนานุกรมอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่เงยหน้ามามองเธอด้วยซ้ำและนี่มันทำให้เธอผิดหวังเป็นอย่างมาก

หลังจากเสียงกระดิ่งเลิกคาบดังขึ้น ฮั่นชิงหวูก็ได้รีบเดินออกนอกห้องไป

ห้องที่กำลังเงียบอยู่นั้น ได้มีเสียงเอะอะขึ้นพร้อมการจากไปของฮั่นชิงหวู

“ได้ยินอาจารย์ ฮั่น สอนนี่มันรู้สึกมีความสุขและเจ็บปวดในเวลาเดียวกันจริงๆ ไม่เข้าใจที่เธอพูดซักกะคำแต่เราจะต้องไม่ให้เธอผิดหวัง ต้องทำเป็นเหมือนว่าเข้าใจ ”

“พูดอะไรอย่างนั้นเล่า , ต่อให้ไม่เข้าใจก็เถอะแต่แค่ได้ยินเสียงของอาจารย์ฮั่นแค่นั้นก็รู้สึกดีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังได้เห็นอาจารย์ที่สวยแบบนี้อีก”

“จะว่ายังไงดีหละ , ไอ้สองคนที่มาใหม่นี้มีท่าทางแปลกๆนะ , ตอนที่อาจารย์ฮั่นสอนอยู่ก็นั่งทำอะไรไม่รู้ ”

ตั้งแต่แรกที่เริ่มการสอนแล้วเห็นถังซิ่วและหยวนชูหลิงหยิบเอาพจนานุกรมออกมาอ่านแทนนั้นทำให้พวกเขาโกรธกันเป็นอย่างมาก

“ไอพวกมาใหม่ ,พวกเราพูดกับพวกนายอยู่หนะ แกล้งหูหนวก ? ”

หลังจากที่พึ่งจะได้ย้ายห้องมาหยวนชูหลิงก็ยังไม่อยากที่จะสร้างปัญหาเลยได้แต่ยอมทนฟังไป แต่ที่ไหนได้เขายังไม่ทันจะได้ทำอะไร พจนานุกรมในมือก็ได้ถูกปัดตกลงไปบนพื้น

“แกกก!!!!!”

หยวน ชูหลิง เป็นคนที่อารมณ์ร้อนเป็นอย่างมาก เขารีบยืนขึ้นพร้อมกับลมหายใจถี่

“เจ้าอ้วน , อย่าลืมคำพูดที่ฉันบอกนายที่ทางเดินหละ ”

หลังจากที่เขาคิดว่าจะอัดนักเรียนในห้องก็ได้ยินนเสียงของถังซิ่วดังเข้ามาในหูของเขา

“ขี้ขลาด ขนาดมาหาเรื่องถึงที่แล้วก็ยังหัวหดแน่จริงก็ลุกขึ้นมาสู้สิ ”

เมื่อหยวนชูหลิงกำลังจะใจเย็นลงนั้นได้มีเสียงดังก้องขึ้นพร้อมกับทำให้ความโกรธในใจเขาปะทุขึ้นยิ่งกว่าเดิม

อย่างไรก็ตามเมื่อมองไปที่ต้นทางของเสียงนั้นกลับทำให้เขาต้องประหลาดใจและได้มองไปที่ถังซิ่ว

เพราะคนที่กำลังยั่วยุเขาอยู่นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกซะจากญาติของเขาซูเชียงเฟย

ถ้าเป็นคนอื่นนั้นหยวนชูหลิงคงจะกระโจนเข้าใส่ไปแล้วแต่นี่เป็นญาติของถังซิ่วเขาเลยต้องถามความคิดเห็นจากถังซิ่วก่อน

หลังจากนั้นถังซิ่วก็มองกลับไปที่ซูเชียงเฟยด้วยรอยยิ้มขบขันพร้อมกล่าวว่า

“ซูเชียงเฟย , คิดดีแล้วใช่ไหมที่ยังอยากจะเล่นเกมนี้อยู่ ? , ถ้าคิดอย่างนั้นจริงมันก็น่าสนใจมาก , ฉันไม่ถือสานะถ้าจะเล่นไปกันนาย !”

เมื่อได้ยินคำพวกนี้ , ซูเชียงเฟยสามารถรับรู้ได้ถึงบางสิ่งทันที เขาจำได้ถึงเหตุการณ์เมื่อวันก่อนที่ต้องโดนสอบสวนโดยตำรวจ

ตอนนั้นถังซิ่วเองก็ได้พูดคำนี้เป๊ะๆและหลังจากนั้นสถานการณ์ในตอนนั้นก็ไม่สามารถควบคุมได้ในทันที ครอบครัวของเขากลับต้องไปให้ปากคำที่โรงพัก

ซูเชียงเฟยนั้นอยากจะตอบโต้คำพูดของถังซิ่วเป็นอย่างมากแต่เมื่อตกอยู่ภายใต้สายตาน่ากลัวของถังซิ่วนั้นก็ทำลายความกล้าที่จะเปิดปากอีกเลย

“อะไรกันเยอะแยะนักหนา อยากโดนอัดเหรอ ?”

ระหว่างที่ซูเชียงเฟยตั้งใจจะเถียงกับถังซิ่วต่อก็ได้มีเสียงดังชัดเจนมาจากหลังของเขา

“เฉิงเยี่ยนหนาน ,พ่อคนนี้ไม่เคยไปหาเรื่องอะไรกับเธอ อย่ามายุ่งเรื่องของคนอื่นได้หรือเปล่า !”

เมื่อได้ยินเสียงมาจากหลังของซูเชียงเฟยนั้นเขารีบหันหลังกลับไปและตอบโต้ทันที

“ไม่เคยหาเรื่องงั้นหรอ ? แล้วไอก่อนหน้านี้ไม้กวาดและที่โกยขยะนั่นหละคืออะไร คิดว่าฉันไม่รู้งั้นหรอว่าแกเป็นคนทำ ? ”

เฉิงเยี่ยนหนานกระชากซูเชียงเฟยพร้อมตะโกนใส่ทันที

ซูเชียงเฟยไม่คิดเลยว่าเฉิงเยี่ยนหนานจะลงมือกับเขาโดยไม่ลังเลแบบนี้ถึงได้รีบตะโกนออกกไปว่า

“เฉิงเยี่ยนหนาน , ถ้ายังเอามือมาแตะต้องฉันอีกละก็ เธอเชื่อไหมว่าชั้นจะหาคนมาจัดการ…………….”

ยังไม่ทันจะพูดจบเขาก็ได้ถูกเฉิงเยี่ยนหนานถีบลอยออกไปแล้ว

หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีร่างของเขาก็ลอยไปกระแทกกับกำแพงพร้อมฝุ่นที่ฟุ้งและตามมาด้วยเสียง “แบง!!!”

“เฉิงเยี่ยนหนานไอดอกทอง , กล้าทำพ่อคนนี้อย่างงั้นเรอะ !!!!!”

“ถ้าปากแกยังหมาแบบนี้ , ฉันไม่ถือสานะถ้าครั้งหน้าจะโยนแกลงไปในถังขยะ !”

เฉิงเยี่ยนหนานมองไปที่ซูเชียงเฟยด้วยแววตาที่เย็นชา

เมื่อได้ยินคำพูดของเฉิงเยี่ยนหนานนั้นทำให้เขาถึงกับรู้สึกเหมือนมีอะไรมารัดคอจนไม่สามารถเปล่งเสียงได้

เฉิงเยี่ยนหนานที่เห็นอีกฝายไม่กล้าต่อกรกับเธอก็ได้หันไปพูดกับนักเรียนคนอื่นๆว่า

“พวกนายจำไว้นะ , ถังซิ่วและหยวนชูหลิงคือเพื่อนที่ดีของฉันถ้าใครกล้าทำให้พวกเขาขายหน้าแล้วล่ะก็ ฉันนจะจัดการกับพวกมันอย่างแน่นอน ”

หลังจากพูดจบก็ได้เดินไปตบบ่าของถังซิ่วพร้อมกล่าวว่า

“เป็นผู้ชายควรรู้จักมีความกล้าและความยุติธรรม ไม่อย่างนั้นเกิดมาก็เสียเปล่า ”

“นายสามารถวางใจได้เลยว่ามีตราบเท่าที่มีฉันอยู่จะไม่ต้องกลัวว่าใครในห้องนี้จะมารังแกอีก ถ้าใครมาหาเรื่องนายก็มาบอกฉันได้เลย ฉันจะจัดการพวกมันให้นายเอง !!”

ยังไม่ทันจะรอถังซิ่วหรือหยวนชูหลิงตอบสนองทันเฉิงเยี่ยนหนานก็ได้กล่าวออกมา

คำพูดของเฉิงเยี่ยนหนานนั้นทำให้ซูเชียงเฟยถึงกับต้องกัดฟันด้ยความอิจฉา

ซูเชียงเฟยไม่เข้าใจเลยว่าทำไมทุกๆครั้งที่สถานการณ์กำลังแย่มักจะมีใครบางคนมาช่วงถังซิ่วเอาไว้เสมอๆ

เมื่อวันก่อนเรื่องที่ขโมยเงินนั้นแทบจะไม่มีทางรอดก็ดันมีตำรวจมาช่วย /เมื่อเช้านี้เมื่อพ่อของตัวเองอยากจะให้ไล่มันออกก็ยังมีอาจารย์ฮั่นมาช่วยอีก ตอนนี้ก็ยังมี เฉิงเยี่ยนหนาน

เวลาพักได้หมดลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงกระดิ่งที่ดังขึ้น นักเรียนทุกคนจึงกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง

“นี่ลูกพี่, ฉันรู้สึกว่าฉันต้องมีเสน่ห์แน่ๆเลยไม่อย่างงั้นทำไมสาวสวยอย่างเฉิงเยี่ยนหนานถึงได้ออกมาปกป้องพวกเราหละจริงไหม ? ”

หลังจากนิ่งอยู่นานหยวนชูหลิงได้กระแทกไหล่ของถังซิ่วพร้อมกล่าวออกมา

“หลังจากหมดคาบเรียนก็ลองเข้าห้องน้ำไปส่องกระจกดูสิว่านายมีเสน่ห์ไหม ”

ถังซิ่วตอบกลับพร้อมหันไปอ่านหนังสือต่อ

เมื่อได้ยินคำพูดของถังซิ่ว, รอยยิ้มของหยวนชูหลิงนั้นหุบลงทันทีและเมื่อเขากำลังจะสวนกลับถังซิ่วก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจดจ่ออยู่กับหนังสือเลยได้แต่เก็บมันเอาไว้