ย้อนกลับไปที่เวลาก่อนหน้านี้ – โลกปัจจุบัน

ในช่วงพักกลางวันของโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ทาเคดะ จุนเปย์ กำลังนั้งกินอาหารอยู่ในห้องน้ำเล็กๆเหมือนเช่นเคย

เมื่อเวลาผ่านไปใบหน้าของเขาเริ่มบึ้งตึงจากกลิ่นเหม็นเน่าที่มาจากห้องข้างๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้สึกดีมากกว่า เมื่อเทียบกับการต้องนั้งกินข้าวคนเดียวในห้องเรียน

ーーอายุ 17 ปี ม.ปลาย ปี2 ความสูง 162 ซม. น้ำหนัก 82 กก.

ตั้งแต่สมัยประถม ผมจะต้องเป็นคนที่โดดเด่นและมีเสน่ห์…..นั่นคือสิ่งที่ผมคิด

แต่ในความเป็นจริง…

ทุกอย่างกลับกลายเป็นเลวร้าย กว่าจะรู้ตัวรูปร่างของผมก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นโรงเรียนมัธยมที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องแหล่งรวมตัวของพวกเกเร ดังนั้นมันจึงไม่แปลกเลยที่คนอย่างผมจะเป็นได้เพียงของเล่นของเพื่อนร่วมชั้น

“โยชชช ……” เขาตะโกนเบาๆ หลังจากเก็บข้าวกล่องที่กินเสร็จแล้วใส่ลงในกระเป๋าและเดินออกจากห้องน้ำชาย

ขณะที่กำลังเดินไปตามทางเดิน เขาถูกเรียกด้วยเสียงดังที่มาจากข้างหลัง ซึ่งมันทำให้เขาตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนทันที

「เห้ ? ที่ฉันเห็นนายหอบกระเป๋าออกไปคนเดียวเวลาพักกลางวันทุกครั้ง อย่าบอกนะว่านายแอบไปกินข้าวในห้องน้ำ ?」

ใบหน้าของเด็กสาวที่มีดวงตาเปล่งประกายเต็มไปด้วยความไม่พอใจ และนั่นคือคนที่เรียกเขา

ผมกึ่งยาวกึ่งสั้นสีน้ำตาล มีปลอกป้าย“กรรมการนักเรียน” สวมอยู่ที่แขน นอกจากนั้นเธอยังสวมสร้อยคอ และเครื่องประดับทั้งหมดที่ถูกสร้างขึ้นจากแถบเอเชีย

ตอนนี้เธอสวมชุดกะลาสีแขนยาว และปกติชอบสวมเสื้อผ้าสไตล์วินเทจเป็นชุดลำลอง กล่าวได้ว่าเธอเป็นคนที่ทันสมัยมากเลยทีเดียว

「……」

「 เฮ้, จุนเปย์? ทำไมพอพักเที่ยงทีไรนายต้องรีบหายตัวไปทุกที วันนี้ฉันบอกว่าให้มากินข้าวด้วยกันใช่มั้ย? จนถึงป่านนี้ นายยังเข้ากับเพื่อนในห้องไม่ได้เลย….เพราะงั้น…ฉันเลยพยายามชวนทุกคนมากินข้าวกับนาย ฉันยังช่วยนายไม่พอหรอ ? นายถึงตอบแทนความพยายามของฉันโดยการแอบไปกินข้าวคนเดียวในห้องน้ำ หยุดทำแบบนี้สักที! 」

「…… หุ หุบปาก……」

「……?」

「โนริโกะ! เธอเงียบเดี๋ยวนี้นะ! ฉันอายุ 17แล้วเธอรู้มั้ย? แค่บ้านเราอยู่ข้างกัน และเป็นเพื่อนกันสมัยเด็กๆ…… ไม่ได้จะแปลว่าเธอจะทำตัวเป็นพ่อแม่ของฉันได้นะ! ยัยหนวดปลาหมึก! 」

ขณะที่เธอกำลังอ้าปากค้าง ทัตสึมิยะ โนริโกะก็แสดงสีหน้าประหลาดใจก่อนที่เส้นเลือดจะปูดขึ้นบนหน้าผากของเธอในวินาทีต่อมา

「นายบอกว่า..มันเป็นไปไม่ได้เพราะเพื่อนฉันดูดีเกินไป ครั้งนี้ฉันเลยตั้งใจรวบรวมผู้ชายและผู้หญิงที่ดูธรรมดาเหมือนนายมารู้ไหม !? แค่เปิดใจพูดคุยนายจะต้องเข้ากับทุกคนได้แน่ ……พยายามหน่อย …… อย่ามัวแต่อคติอยู่แบบนี้สิ !! 」

「ฉันถึงได้พูดแล้วพูดอีกไง …… ว่ามันน่ารำคาญ ทำไมเธอชอบคิดเองเออเองตลอด? ฉันเคยบอกเธอหรอว่าฉันต้องการมัน ทำไมเธอต้องมาวุ่นวายกับชีวิตฉันด้วย! เลิกยุ่งกับฉันสักที! 」

หลังจากพูดจบ จุนเปย์ก็วิ่งหนีออกไป

ในขณะที่มองจากด้านหลัง โนริโกะได้แต่ลอบถอนหายใจ

「ทำไมฉันถึงชอบไปวุ่นวาย ? …… ก็ใช่นะสิ …… นั่นเป็นเพราะฉันปล่อยนายไว้คนเดียวไม่ได้ไง …… ทำไมนายถึงไม่เข้าใจ …… เจ้าบ้าเอ้ย…..」

กริ๊งงง

เมื่อกริ่งเลิกเรียนดัง จุนเปย์รีบเก็บหนังสือใส่กระเป๋า

จากท่าทางที่กำลังรีบร้อน บังเกิดแรงกระแทกอย่างฉับพลัน

โครม!ーแรงถีบจากเท้าใครบางคนเกิดขึ้นที่ด้านหลังของเข

ทั้งโต๊ะทั้งคนกลิ้งหงายไปมาราวกับลูกบอล หน้ากระแทกพื้น

หนังสือเรียนกระจัดกระจายไปรอบทิศทาง และเพราะชนเข้ากับขอบโต๊ะจึงทำให้ไหล่ของเขาเจ็บ

ในขณะที่จุนเปย์พยายามหาวิธีลุกขึ้น ที่ด้านหน้าของเขามีชายผมยาวสีบลอนด์ เจาะหู กำลังยืนมองด้วยท่าทางคุกคามอยู่

ーー คิโดะ โชวตะ

ฟันหน้าที่หายไป 2ซี่ คงเป็นเพราะว่ามันไปก่อเรื่องที่ไหนมาสักแห่ง

กางเกงขายาวสีดำเครื่องแบบโรงเรียนーーเสื้อกล้ามสีม่วง เหมือนพยายามจะโชว์พาวเวอร์ ไม่สิ มันคงตั้งใจจะสร้างบุคลิคของตัวเองให้เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วーーเพียงแค่มองท่อนแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของมันก็สามารถก่อให้เกิดความรู้สึกกดดันได้

「 เฮ้ เฮ้, ไอ่หมูตอน? แกจะรีบไปไหน? 」

ใบหน้าของจุนเปย์ขาวซีด ทำให้คิโดะหัวเราะเสียงดังมากกว่าเดิม

「เอ่อ …… คือ ……」

จุนเปย์ได้แต่พึมพำตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับไปไหน

「เอาเหอะ อะไรก็ช่าง …… ไปเอาไอ่นั้นมาให้ฉัน」

ดูเหมือนว่าคิโดะจะเอาถุงมือที่ทำด้วยไนลอนมาสวม ในขณะที่มันที่สั่งลูกน้อง

หลังจากนั้น ผ้าเปียกที่ดูสกปรกก็ถูกนำมา

จุนเปย์กับคิโดะอยู่ห่างกันประมาณ 3 เมตร

กลิ่นเน่าเหม็นที่โชยมาตามระยะทาง ทำให้จุนเปย์รู้สึกหวาดระแวง

「ดีใจซะสิ, ทาเคดะ …… นี้คืออะไร …..นายรู้ไหม อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ……นี่สำหรับใบหน้าที่หล่อเหลาของนายเลยนะ หมักด้วยนม ขยะสด และผ้าอนามัยที่ใช้ไม่ได้แล้วจากห้องน้ำหญิง ตั้ง 3 วันเชียวนะที่ฉันหมักให้นาย」

แล้วคนทั้งห้องก็หัวเราะออกมา

นี่คือชีวิตประจำวันของจุนเปย์

ーーสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอ เมื่อเจอกับภัยคุกคามจากสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่ง……พวกมันย่อมไร้ทางสู้

ผ้าสกปรกที่ส่งกลิ่นเหม็นรุนแรงเข้ามาใกล้ใบหน้าของจุนเปย์

เขากำหมัดแน่น จ้องไปที่คิโดะ

「หือ อะไรไอ่อ้วน? มีอะไรอยากพูดกับฉันงั้นหรอ? 」

เขาเงยหน้าขึ้น ในขณะที่คิโดะทำเสียงกร๊อบแกร๊บด้วยการดัดข้อมือ

「…… เปล่า ไม่มีอะไร」

แค่โดนคิโดะขู่นิดหน่อยความกล้าหาญก็หายไปจากจิตวิญาณของจุนเปย์จนหมดสิ้น

คิโดะพยักหน้าอย่างพอใจ และเริ่มเรียกทุกคนในชั้นเรียน

「เอาล่ะ~ สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษทั้งหลาย! คิโดะ โชวตะคนนี้ขอนำเสนอ! การนวดหน้าของไอ้หมูตอน! 」

เสียงหัวเราะระเบิดดังออกไปทั่วทั้งห้อง

ผ้าสกปรกอยู่แทบจะอยู่ติดหน้าเขาแล้วตอนนี้

ผ้าที่เต็มไปด้วยความสกปรก อยู่ห่างออกไปไม่ถึง 10 เซนติเมตร

「โอ๊ะ ฉันนึกอะไรดีๆออกแล้ว….อะแฮ่ม เฮ้ แม่สาวน้อย…… ? ดูเหมือนว่า……เธอกำลังมีปัญญาเกี่ยวกับกลิ่นปากใช่หรือไม่? ได้เลย งั้นผมจะแปรงฟันให้คุณเอง ไหนลองพูดคำว่า…..“อ้าาาา” สิ 」

และเป็นอีกครั้ง ที่ทั้งห้องเรียนหัวเราะกันท้องแข็ง

ทุกคนรู้ว่า……คิโดะเป็นคนที่พูดจริงทำจริง

และไม่มีใครคิดจะหยุดการกระทำที่ป่าเถื่อนคิโดะแม้สักคน

เพราะถ้ามีใครกล้าพูดอะไรขึ้นมาที่นี่ตอนนี้ เป้าหมายต่อไปอาจจะกลายเป็นตัวเอง

「เร็วๆ ไอ่หมูตอน? พูดว่า“อ๊าา~”? ไม่ต้องเกรงใจ? 」

การถูกต่อย หรือการถูกแปรงฟันด้วยผ้าเน่าๆ

จุนเปย์กำลังคิดว่าแบบไหนดีกว่ากัน

ถ้าเขาไม่ยอมอ้าปากตอนนี้…..แน่นอนเขาจะต้องโดนซ้อม และหลังจากนั้นผ้าสกปรกก็จะถูกยัดใส่ปากของเขา

ถ้าเขาเชื่อฟังและยอมอ้าปาก ผ้าเน่าๆก็จะถูกส่งเข้าปากเขา แต่เขาอาจจะไม่ถูกทำร้าย

ไม่ว่าทางไหน……ผลลัพธ์ก็ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ แต่เมื่อวิเคราะห์จากสิ่งที่ต้องโดนกระทำแล้ว….เขาจึงเลือกที่จะอ้าปาก

「คิโดะ คุง ทำสิ่งที่นายต้องการเถอะ ฉันยอมรับมันได้ ฉันเป็นของเล่นของนาย …… 」

「อ่า—! จริงๆฉันก็ไม่ได้เกลียดหมูที่ซื่อสัตย์หรอกรู้ไหม? มันทำให้รู้สึกดีจริงๆฮ่าๆ !! 」

เมื่อจุนเปย์กำลังยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้ยーーเสียงของใครบางคนก็ดังก้องในชั้นเรียน

「 หยุดซักทีเถอะ! ฉันทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว! 」

คิโดะหันไปมองต้นเสียง และตอบรับราวกับมันเป็นเรื่องปกติ

「 โอ้ว, นั่นโนริโกะจังไม่ใช่เหรอ? ฉันสงสัยจังว่าเธอทนดูอะไรไม่ไหว? 」

โนริโกะเมินคิโดะที่กำลังหัวเราะ จากนั้นไปยืนอยู่ตรงหน้าจุนเปย์ราวกับจะปกป้องเขา

「ไปกันเถอะ……จุนเปย์ 」

เธอคว้ามือของเขาไว้

「ไป……?」

「ไม่จำเป็นต้องทำตามเจ้าพวกนี้หรอก รีบไปกันเถอะ ……กลับบ้านกัน? บ้านของนาย…..อยู่ข้างๆบ้านฉันถูกไหม? 」

「เอ่อ …… แต่ …… ถ้าฉันวิ่งหนีไปจากที่นี่ ……」

เสียงกระแทกดังก้องไปทั่วชั้นเรียน

มันเป็นเสียงของโนริโกะที่ตบหน้าจุนเปย์

「พูดอะไรของนาย… ตั้งแต่แรกนายก็วิ่งหนีอยู่แล้วไม่ใช่หรือไงเล่า !? ทำไม …… ทำไมถึงยอมจนมันเลยเถิดมาขนาดนี้….. ทำไมนายถึงไม่เคยตอบโต้อะไรบ้าง ?! 」

「…… เอ่อ …… แต่ว่า….」

「ฉันบอกนายตั้งหลายครั้งแล้วไม่ใช่เหรอ? ว่าให้ชกกลับไปบ้าง …… ! แต่ยังไงซะ ฉันก็รู้อยู่แล้วว่านายทำไม่ได้หรอก เพราะอย่างงั้น ……ฉันจะปกป้องนายเอง…..ไปกันเถอะ กลับบ้านด้วยกัน」

ประตูถูกเปิด

จากห้องเรียนลงบันได ไปจนถึงที่วางรองเท้า ーーภายใต้แสงอาทิตย์ ทั้งสองก็เดินออกจากประตูของรั่วโรงเรียน โดยมีโนริโกะเป็นคนนำ

หลังจากเงียบสักพัก โนริโกะก็พูดขึ้นในขณะที่กำลังหลบสายตา

「เห้……?」

「อะ…อืม?」

「ถึงจะไม่มาก แต่ นายค่อยๆพึ่งพาฉันทีละนิดก็ได้นะรู้มั้ย? 」

「……」

「…… ทำไม …… ทำไมกับคนอย่างฉัน …… ?」

「ตอนเด็กๆนายจำได้ไหม ตอนฉันถูกรังแก …… นายจะออกหน้ามาปกป้องฉันเสมอ ในตอนนั้นฉันคิดว่า จุนเปย์เป็นอะไรที่เท่ห์มากเลยนายรู้มั้ย แต่ตอนนี้ดูนายสิ …..ฉันไม่อยากเห็นนายกลายเป็นแบบนี้」

「……」

เมื่อเห็นจุนเปย์ไม่พูดอะไร โนริโกะจึงพูดต่อ

「เฮ้ …… อย่างน้อยก็เชื่อฉันตกลงไหม? จุนเปย์ถึงใครจะมองนายยังไง…… แต่ฉันก็จะไม่ทอดทิ้งนายแน่นอน นั่นเป็นเหตุผลที่นายสามารถพึ่งพาฉันได้ ความพยายามของนายจะต้องส่งผลแน่….เพราะอย่างงั้น…..มาพยายามทำมันให้ดีที่สุดด้วยกันเถอะ 」

มือข้างหนึ่งยื่นออกมา

หัวใจของจุนเปย์รู้สึกอบอุ่นและเต้นอย่างไม่เป็นจังหวะ

ทั้งสองเกิดที่โรงพยาบาลเดียวกัน….พวกเขาอยู่ด้วยกันตลอดตั้งแต่จำความได้

‘ถึงจะเล็กน้อย มันรู้สึกเขิลที่เธอบอกว่าจะไม่มีทิ้งผมーーมันเป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน บอกตามตรงแม้แต่ตัวผมเองก็ยังตกใจ’

และโดยไม่ต้องพูดอะไรมากไปกว่านั้น บนเส้นทางที่ต้องเดินกลับบ้าน ทั้งสองต่างจับมือของกันและกันไว้

「เฮ้ โนริโกะ?」

「อือ ?」

「เอ่อ …… ที่เคยต่อว่าเธอเมื่อตอนกลางวัน…. ฉันขอโทษนะ ฉันมันแย่เองแหละ แต่ยังไงซะ อะไรที่ฉันไม่ชอบ ฉันก็ต้องบอกว่าฉันไม่ชอบถูกมั้ย」

เธอแยกเขี้ยวแต่ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ฉีกกว้างในขณะที่หมัดถูกชูขึ้น

จุนเปย์ถูกเธอเขกหัวเบาๆ

「อย่างน้อยคิดแบบนั้นได้ …… ก็ดีพอสำหรับตอนนี้แล้วหล่ะ! แต่คิโดะก็ทำเกินไป …… เอาะเถอะ……ไว้ค่อยเอาคืน」

「อืม」

และในตอนนั้นเอง คิโดะที่มากับพวกลูกน้องก็เดินตามมาจากข้างหลัง

「เฮ้ย รอเดี๋ยวทาเคดะーแกกล้าเดินกลับบ้านกับผู้หญิงเหรอーใครอนุญาตให้แกไป」

ทันทีที่ทั้งสองหันกลับไปมอง และในขณะที่ทุกคนในบริเวณนั้นยังไม่ทันได้ทำอะไร พื้นที่รอบๆก็ถูกห่อหุ้มไปด้วยแสงประหลาด

ตัวรู้สึกเบาหวิวราวกับปุยนุ่น

ความรู้สึกเหมือนสามารถลอยได้ มวลอากาศและร่างกายกำลังผสมรวมเข้าด้วยกัน

หลังจากนั้นไม่นานーーพวกเขาทั้งหมดก็หายไปจากที่นั่น

พวกเขาถูกดึงเข้าไปในโลกอีกมิติหนึ่ง

จากการสังเกต พวกเขาทั้ง 6 รวมทั้งคิโดะและลูกสมุนกำลังยืนอยู่ในพื้นที่ลึกลับสีขาวโพลน

『เอาหล่ะ ฉันจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้ฟัง』

เสียงเล็กแหลมเป็นของผู้ที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาทุกคน

เด็กผมสีบลอนด์ อายุประมาณ 12-13 ปี

โครงสร้างใบหน้าจิ้มลิ้ม ม่านตาสีฟ้าใส สวมกางเกงหนังเข้ารูปที่ยาวไม่ถึงเข่า มาพร้อมกับแจ็คเก็ตหนังแขกกุดสีดำเงางาม

เครื่องประดับที่ทำมาจากเงินสามารถมองเห็นได้จากคอเสื้อกล้ามของเขา เด็กคนนี้แต่งตัวเหมือนวงวิชวลเค

คิโดะทำสีหน้าประหลาดใจและเอ่ยปากถาม

“… แกเป็นตัวบ้าอะไร?”

เด็กน้อยส่งยิ้มให้

『อ่า ฉันว่าเราควรทักทายกันก่อนสินะ? ฉันคือผู้สร้างโลก ……หรือถ้าจะพูดให้พวกนายเข้าใจง่ายๆ นายจะคิดซะว่าฉันเป็นพระเจ้าก็ได้ 』

「…พระเจ้า? ฮ่าๆ? แกพล่ามอะไรของแก? 」

『อืม จริงๆฉัน  ก็เข้าใจความรู้สึกนั้นอยู่หรอกนะ  แต่รู้มั้ยว่าฉันไม่ชอบให้ใครมาแทรกระหว่างฉันพูด 』

ด้วยการเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติ เด็กน้อยดีดนิ้วมือของเขา

「 อ๊ะ …… ? นี่มันอะไรกัน…..!?”

หัวของคิโดะเริ่มขยายใหญ่

มันมีขนาดใหญ่กว่าปกติถึง 1.5 เท่าーーและราวกับว่ามันเป็นลูกโป่งน้ำ หัวของคิโดะขยายออกอย่างรวดเร็ว

ผิวหนังของเขาพองขึ้น ขณะที่เนื้อเริ่มปริออกจากกัน เส้นเลือดค่อยๆปูดขึ้นมาและมีเลือดไหลพุ่งออกมาจากรูจมูก

เกิดเสียงที่ไม่น่าฟังจากการที่ผิวหนังและกล้ามเนื้อเริ่มฉีกขาด

ดูเหมือนว่าอวัยวะต่างๆที่อยู่ในหัวของเขาก็พองขึ้นเช่นกัน

เมื่อทนต่อแรงดันไม่ไหว ลูกตาของคิโดะก็ถลนออกมา

และเมื่อมันโผล่ออกมาได้ครึ่งหนึ่ง มองดูเหมือนกับลูกปิงปองーーมันก็แตกกระจุย

จากเบ้าตาดำที่ควรมีลูกตาอยู่ ของเหลวหนืดสีแดงที่ผสมกับเนื้อเยื่อไหลเยิ้มออกมา

เลือดที่จมูกของคิโดะเริ่มแข็งตัวーーบางส่วนของสมองเริ่มโผล่ออกมาให้เห็นโดยปะปนไปกับส่วนอื่น

「อะ …… ……อั๊ก …… ……… อ๊ากกกกกกกกส์ ーーー !!」

และーーทั้งหัวของเขาก็ระเบิด

เลือดแตกกระเซ็นไปทั่วอากาศ ราวกับดอกไม้ที่ผลิบาน

คิโดะล้มลง ร่างกายที่เสียหัวไปยังคงสั่นไม่หยุด

คลื่นสัญญาณไฟฟ้าจากร่างกายที่สูญเสียศูนย์สั่งการวิ่งพล่านไปทั่ว ส่งผลให้กล้ามของเขาชักกระตุกอย่างต่อเนื่อง

มือและขาทั้งสองดิ้นไปมาราวกับว่ามันไม่ใช่อวัยวะของมนุษย์

และーーใบหน้าของอีกห้าคนที่เหลือต่างเปรอะเปื้อนไปเลือดและชิ้นเนื้อของมัน

「…………」

พื้นที่ถูกปกคลุมได้ด้วยความเงียบ

พวกเขาพูดอะไรไม่ออกจากสิ่งที่เกิดขึ้น

แต่ละคนตัวแข็งทื่อ ……ไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้

ไม่แปลกที่จะเป็นอย่างนั้น

เมื่อห้านาทีที่ผ่านมาพวกเขายังเดินกลับบ้านตามปกติอยู่เลย ……แต่จู่ๆมันก็กลายเป็นฉากการนองเลือดไปซะอย่างนั้น

ในสถานการณ์ที่มีแต่กลิ่นคาวเลือดและความป่าเถื่อน ไม่มีทางที่เด็ก ม.ปลายปกติจะสามารถทนได้

เมื่อจุนเปย์จับแก้มของตัวเองก็ต้องรู้สึกตกใจ

เศษชิ้นเนื้อเหนียวเหนอะติดอยู่ที่แก้มของเขายังกับกาว อุณหภูมิจากเนื้อดิบๆยังคงสามารถสัมผัสได้ーช่วยไม่ได้ที่เขาจะทรุดตัวลงและอ้วกออกมา

อ้วกที่ผสมกับน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร กระจัดกระจายไปทั่ว

แม้จะสูญเสียหัวไปแล้ว ร่างของคิโดะก็ยังคงกระตุกอยู่

เมื่อพระเจ้าเห็นทุกคนกลัวจนตัวสั่น ก็พยักหน้าอย่างพึ่งพอใจ จากนั้นปรบมือของเขา

เกิดเสียงบางอย่างสะท้อนไปทั่วบริเวณ

จากนั้นーーปรากฏการณ์ประหลาดก็เกิดขึ้น

กองเลือดเนื้อที่กระจายไปทั่วเริ่มท้าทายความรู้ด้านกฎฟิสิกส์

ราวกับว่าพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถคิดเองได้ ……พวกมันเริ่มลอยพุ่งกลับไปที่เดิมบนร่างของคิโดะ

ไม่ต่างกับการกรอวิดิโอกลับ หัวของคิโดะกลับมาเป็นปกติ!

เขายืนขึ้น ท่าทีเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

「เฮ้ย …… แก …… เมื่อกี่นี้ …… แกทำอะไรกับฉัน?」

『กลับเข้ามาต่อกันที่การแนะนำตัวของฉัน เดิมทีฉันเองก็เป็นมนุษย์มาก่อนรู้ไหม? และ ……ตอนนี้ฉันเป็นพระเจ้าที่สามารถทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง 』

ดูเหมือนมันไม่คิดจะตอบคำถามของคิโดะ

ทางด้านจุนเปย์เองก็อุทานออกมาอย่างไม่รู้ตัว

「ทำได้ทุกอย่าง …… ?」

จากนั้น พระเจ้าก็เริ่มพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย

『ฉันกลายเป็นพระเจ้า ……มากว่า 300 ล้านปีแล้ว บอกได้คำเดียว….ฉันเบื่อ 』

「300 ล้านปี …… ?」

『สามร้อยล้านเท่าของ 1ปี, สามล้านเท่าของ 100ปี หรือ สามแสนเท่าของ 1,000 ปี …… ถ้าฉันบอกแบบนี้พวกนายอาจจะพอนึกภาพออก? 』

「สามล้านเท่าของ 100ปี …… ?」

「ฮ่าๆ !.. อะไรประมาณนั้นแหละ ตายก็ไม่ได้ อะไรให้ทำก็ไม่มี หาอะไรฆ่าเวลายังยากเลยーーตอนนี้แทนที่จะเรียกว่าพระเจ้า …… เรียกว่าเป็นนักโทษที่ติดอยู่ในคุกของเวลายังจะเหมาะกว่า」

พระเจ้าพยักหน้าราวกับเป็นคนโง่

『ก็นั่นแหละ สิ่งที่ฉันต้องการคือความบันเทิง บางทีพวกนายอาจจะรู้มันมาบ้างจากเกมส์หนึ่ง มันวางขายเมื่อนานมาแล้ว เป็นเกมพวกแฟนตาซี…… พระเจ้าในนั้นก็มีลักษณะเหมือนเดียวกันนี้ ถ้าคิดแบบนั้น พวกนายอาจจะทำความเข้าใจได้ง่ายกว่า 』

「…… ขอโทษครับ ผมไม่รู้ว่ามันคือเกมส์ไหน」

『 …… มันเป็นเกมที่ได้รับความนิยมมาก แต่บางทีมันอาจจะเก่าเกินไป ช่างมันเหอะ สมัยนี้ยกตัวอย่างด้วยเกมส์มันน่าจะง่ายกว่าใช่ไหมหละ เหมือนเกมส์ทั่วไปที่บอสตัวสุดท้าย มักจะเป็นพระเจ้าที่เบื่อหน่ายกับความสงบสุขบนโลก…. เขาเลยใช้มอนสเตอร์ทำลายโลกทิ้ง ฉันเข้าใจความรู้สึกนั้นนะ หลังจากที่ทุกอย่างบนโลกปกติและสงบสุข สำหรับฉันมันโคตรจะน่าเบื่อเลย แต่ฉันไม่ได้ชอบฆ่าผู้คนไปเรื่อยเปื่อยเหมือนพระเจ้าในเกมส์นะ…… ยังไงก็เถอะ อาชีพที่เรียกว่า“พระเจ้า” ฉันเบื่อกับมันจริงๆ มันเป็นสนุกเฉพาะช่วงพันปีแรกเท่านั้นแหละมั้ง? 』

พระเจ้าชำเลืองมองไปรอบๆกลุ่มหนึ่งครั้ง ก็เห็นว่าโนริโกะไม่ค่อยเข้าใจกับสิ่งที่เขาอธิบายสักเท่าไหร่

『เอ่อ …… ถ้าจะพูดให้ง่ายกว่านี้ก็ …… ลองอ่านไดอารี่ของเด็กประถมในช่วงวันหยุดฤดูร้อนของพวกเขาสักสิบล้านเล่ม? เธอจะเบื่อกับมันมากๆเลยถูกมั้ย แล้วเธอจะเอียนมันสุดๆ ไม่มีบทลงโทษอะไรที่เลวร้ายกว่านี้แล้วจริงมั้ย?…… อันที่จริงแล้ว …… มันทำให้เป็นบ้าได้เลย ฉันไม่ต้องการเวลาเป็นแสนปี อยู่กับโลกที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น และน่าเบื่ออย่างนี้ 』

「ฉันเข้าใจแล้ว เอ่อ…… ฉันคิดว่าเข้าใจสถานการณ์ส่วนใหญ่แล้ว …….. ขอโทษนะ …… ช่วยเข้าเรื่องเลยได้ไหม…… 」

พระเจ้าทุบมือของตัวเอง เหมือนพึ่งนึกบางอย่างออก

『อ่าา เผลอนอกเรื่องซะได้ จริงๆสถานการณ์ของฉันไม่ได้สำคัญอะไรหรอก อืม…… พอๆกับชีวิตพวกเธอนั่นแหละ…… มันเป็นสิ่งที่ไม่ได้สำคัญอะไรเลย 』

หูโนริโกะและจุนเปย์กระตุก

เด็กผู้ชายที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้าพูดว่า 『พอๆกับชีวิตของพวกเธอ…… มันเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญอะไรเลย』 ราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ

『และนี้คือคำอธิบายของสถานการณ์ตอนนี้ พวกนายมาจากโลกซึ่งเป็นมิติที่ฉันสร้างขึ้น ส่วนตอนนี้พวกนายกำลังถูกอัญเชิญไปยังพื้นที่ที่ไกลออกไปสักหน่อย 』

「…… อัญเชิญ?」

『พูดง่ายๆว่า…. มันเหมือนวิดีโอเกมที่ฉันชื่นชอบมาก อ๊า โลกที่จะส่งพวกนายออกไปสร้างสิ่งที่ดีงาม จริงๆนะ พวกนายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลย…ในที่สุด ……มนุษย์ก็สามารถเป็นเครื่องมือที่เป็นประโยชน์สำหรับฉัน …… ความมุ่งมั่นแน่วแน่ตลอด …… สามร้อยล้านปีที่ผ่านมา 』

พระเจ้าทรุดตัวลงราวกับว่าเขาประทับใจจนเข่าอ่อน เขาหลับตาเหมือนพยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหล ตัวเริ่มสั่นเทา

ดูเหมือนจะประทับใจมาก น้ำตาที่กลั้นไว้เริ่มไหลออกมาจากดวงตาจริงๆแล้ว

「ขอโทษที่ขัดจังหวะนะ…เอ่อ…พระเจ้า …ประเด็นมัน..」

『อ่าา อีกแล้วๆ นอกเรื่องอีกจนได้? จริงๆเรื่องราวแบบนี้มีเยอะแยะใช่มั้ยหละ? เรื่องราวเกี่ยวกับโลกแฟนตาซีช่วงยุคกลาง และเพื่อเอาชนะราชาปีศาจ พระเอกก็ถูกอัญเชิญมาจากต่างโลก……มันเป็นเนื้อเรื่องที่พบเจอได้บ่อยมาก 』

「อัญเชิญ …… ?」

“………อือฮึ อัญเชิญผู้กล้า ไปสู่โลกอีกมิติหนึ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของชั้น ดูเหมือนมันจะมีราชาปีศาจโผล่ออกมาที่นั่น ราชาจากโลกนั้น …… ดูเหมือนเขาต้องการพวกนาย และด้วยที่ว่า……ชีวิตพวกนายเป็นของฉัน คิดว่านะ……ในทางปฏิบัติมันเป็นเช่นนั้น และ….. มันขึ้นอยู่กับฉันว่าจะส่งพวกนายออกไปเมื่อไหร่? 』

โนริโกะพูดขัดจังหวะอีกครั้ง ดูเหมือนว่าฉากการฆาตกรรมของคิโดะก่อนหน้า ยังคงทำให้เธอมีอาการช็อก ใบหน้าของเธอซีดขาวราวกับผี

「เธอเป็นพระเจ้าใช่ไหม? อย่างงั้นเธอสามารถ ……รับฟังและทำให้ความปรารถนาของเราเป็นจริง? เรา…..แค่อยากใช้ชีวิตปกติในญี่ปุ่น」

『เน่~ รู้อะไรมั้ย?』

เด็กน้อยยังคงมีรอยยิ้มที่บริสุทธิ์

『ーーพระเจ้าในโลกของเธอ หากจริงๆแล้วได้ยินความปรารถนานั้น แล้วมันยังไงหละ ? พวกนั้นก็แค่ …..ถูกสร้างมาให้รับฟัง ไม่มีปาฏิหาริย์อะไรหรอกที่จะทำให้ความปรารถนาเป็นจริง 』

「มันก็ใช่ ……ในชีวิตจริงไม่เคยมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น แต่ …… นายเป็นพระเจ้า …… ถ้านายมีตัวตนอยู่จริงๆ…… งั้นทำไมถึงเป็นแบบนั้น… ? 」

『เป็นคำถามที่ไร้สาระ สุดท้ายไม่ว่าเธอจะทำอะไร มันก็เปล่าประโยชน์อยู่ดี มันไม่มีอะไรสนุกตั้งแต่แรกแล้ว พันล้านปี ไม่สิพันพันล้านปี มากกว่าตัวเลขทางดาราศาสตร์จะสามารถกำหนดได้ด้วยซ้ำ ลองมีชีวิตอยู่โดยต้องรับฟังคำขอจากผู้คนมากมายดูสิ เธอจะจัดการกับทุกปัญหาเหล่านั้นเหรอ 』

「แต่ นายเป็นพระเจ้าก็ต้องช่วยใช่ไหม?」

『ฮ่าๆ!.. อืม …… ให้ฉันคิดก่อนนะ ความกังวลในชีวิตเด็ก ม.ปลาย ……ไดเอท, ความรัก , จัดการกับความต้องการนับล้านของแต่ละคน? เธอไม่คิดมันไร้สาระหรอ? 』

「ไม่ หรือบางทีเธออาจเมินเรื่องพวกนั้น…… แต่ยังมีคนที่มีโรคที่รักษาไม่ได้ หรือเด็กที่ทุกข์ทรมานจากความหิว …… อื~ม ยังมีอีกเยอะーー」

พระเจ้าขัดคำพูดของโนริโกะ

『ช่วยพวกนั้นแล้วไง? สักวันพวกมันก็ต้องตายกันอยู่ดี มันไม่มีอะไรสนุกแต่แรกแล้ว 』

เขายิ้มและพูดอย่างต่อเนื่อง

『เอาหละ สั้นๆนะ ในช่วงแรกๆที่ฉันได้เป็นพระเจ้า ฉันทำให้ความปราถนาเป็นจริงมากเกินไปด้วยซ้ำ และมันโคตรจะน่าเบื่อเลย ถูกต้องมันทำให้ฉันรู้สึกเบื่อหน่าย ขนาดทำมันเพื่อฆ่าเวลายังไม่สนุกเลย 』

「ไม่ แต่ …」

『อื ม…… ถึงฉันจะอธิบายต่อ เธอก็คงมีคำถามอีกเรื่อยๆ? ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่เธอกำลังพยายามอยู่』

เด็กมีใบหน้าจิงจัง ระหว่างเอามือลูบคาง

อ่า ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย กลุ่มนี้รู้สึกจะโง่เกินเยียวยา

เด็กผู้ชายที่บอกว่าเขาเคยเป็นมนุษย์มาก่อนーーคุณธรรมและวิธีคิดอย่างปกติของเขา อาจถูกทำลายจากกาลเวลาไปแล้ว

ณ ตอนนี้ สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวของเขาคือจะหาวิธีฆ่าเวลาเล่นยังไง

และเมื่อจุนเปย์คิดแบบนั้นーーจู่ๆพระเจ้าก็หัวเราะออกมาราวกับว่าเขามีความสุขจากก้นบึ้งของหัวใจ

『กลับเข้าประเด็นการเถอะ …..เกี่ยวกับการอัญเชิญ? ฉันคิดว่ามันดูน่าสนุก …… นั่นคือเหตุผลที่ฉันยอมให้มันเกิดขึ้น พวกนายคงรู้สึกแปลกๆ แต่……พวกนายไม่มีสิทธิปฏิเสธมัน 』

พวกเขาได้เห็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติมาแล้ว แต่จุนเปย์ก็ยัง…… สงสัยว่าเขาเป็นพระเจ้าจริงๆหรือเปล่า

จากวิธีการพูดของมัน……ลักษณะท่าทางที่ไม่น่าเชื่อถือ

พูดสิ่งที่ไม่น่าเชื่อโดยไม่คิด และเหมือนทำทุกอย่างตามความพอใจตัวเอง

ถึงมีหลายสิ่งอยากพูดกับเด็กผู้ชายตรงหน้า แต่จุนเปย์เลือกที่จะไม่พูดอะไรดีกว่า เพราะเขาเห็นผลลัพธ์จากการทำให้เด็กน้อยไม่พอใจแล้ว

และ มีเพียงคิโดะที่กระแทกเสียงใส่เด็กผู้ชายอีกครั้ง

「เฮ้ย แกพล่ามบ้าอะไรของแก….ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว」

พระเจ้ายักไหล่ราวกับกำลังเบื่อ

『หืม อยาากลองดีอีกครั้ง? รอบที่แล้วฉันปิดกั้นความเจ็บปวดเอาไว้ แต่ ……คราวนี้มันจะเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า 』

เพราะคำขู่นั้น ทำให้คิโดะมีท่าทีหวาดกลัวอย่างไม่พอใจ

เมื่อเห็นทั้งกลุ่มตกอยู่ในความเงียบ พระเจ้าพยักหน้าอย่างพอใจ

『ถ้างั้นฉันจะอธิบายต่อ ฉันจะส่งพวกนายไปอีกโลก แต่ ……ที่ฝั่งนั้นมีกฎอยู่มากมาย ซึ่งแตกต่างไปจากโลกใบนี้ 』

「กฎ…… ?」

『 ใช่ๆ และนี้คือแผ่นสเตตัส…. 』

แผ่นเหล็กที่เหมือนกับแท่งช็อกโกแลตถูกแจกจ่ายให้กับแต่ละคน

เมื่อเขามองไปที่มัน ก็ปรากฎชื่อของเขา จุนเปย์

『อ่าก่อนที่ฉันจะอธิบาย ที่ด้านล่างขวาของสถานะ จะมีช่องสำหรับสกิลอยู่ถูกไหม? 』

เหมือนที่เขาพูด ที่ส่วนล่างสุดด้านขวาของแผ่นสเตตัสมีรายชื่อของสกิลอยู่【ตรวจสอบ (ระดับซุปเปอร์) 】

『เฮ้อ สำหรับพวกนายที่จู่ๆก็กำลังจะถูกส่งตัวไปยังโลกที่ไม่รู้จัก ฉันรู้สึกสงสารเกี่ยวกับเรื่องนี้นิดหน่อย เพราะงั้นสกิลนั้นคือของขวัญจากฉัน  คิดซะว่า……มันคือความปราถนาดีแล้วกัน 』

『อีกเรื่อง…』 เมื่อเกริ่นเสร็จ พระเจ้าก็อธิบายลำดับสกิลต่อ

อย่างแรกเลย สกิลมีอยู่ 5 ขั้นด้วยกัน

ระดับ-เริ่มต้น-

ระดับ-กลาง-

ระดับ-มาสเตอร์-

ระดับ-ฮีโร่-

ระดับ-ซุปเปอร์-

นั่นคือทั้งหมดที่มี บางอย่างจะขึ้นอยู่กับประเภทของสกิลด้วย ในระดับกลางสามารถเทียบเท่าระดับของนักกีฬาโอลิมปิก

ยกตัวอย่างเช่น เทคนิคการใช้คาตานะของ มิยาโมะโตะ มูซาชิ คงจะเป็นระดับมาสเตอร์

『หมายความว่าสกิล【ตรวจสอบ】 ระดับซุปเปอร์ เป็นระดับที่ดีมากๆ เพียงแค่มอง พวกนายจะสามารถเห็นข้อมูลของศัตรูและทุกๆไอเทมของมันได้ มันเป็นของขวัญที่ดีมากเลยนะ สำหรับคนที่รู้คุณค่า……ถึงมันอาจจะมีข้อจำกัดอยู่บ้างก็เถอะ 』

หลังจากทำหน้างงๆเสร็จแล้ว ทุกคนก็เริ่มตรวจสอบสถานะของตัวเอง

ไม่ทันไร คิโดะ ก็ถามคำถามขึ้นอีก

「แล้ว……สเตตัสพื้นฐานของคนทั่วไปในโลกนั้น…..มีเท่าไหร่กันบ้าง?」

『ค่าเฉลี่ยสำหรับชาวบ้านเพศชาย HP อยู่ที่ประมาณ 50 สเตตัสอื่นๆส่วนใหญ่อยู่ประมาณ 20 』

คิโดะที่ได้ฟังดังนั้น ก็ยกแผ่นสเตตัสของเขาโชว์ให้คนอื่นดู

【 คิโดะ โชวตะ 】

อาชีพ : นักดาบเวทย์

เลเวล : 1

HP : 300

MP : 0

พลังโจมตี : 0

พลังป้องกัน : 50

อัตราหลบหลีก : 35

สกิล : ตรวจสอบ (ระดับ-ซุปเปอร์)

“โอ้” ทั้งกลุ่มถึงกับกลั้นหายใจ

「ถ้าอย่างงั้น ……สเตตัสฉันก็ค่อนข้างโกงเลยนะสิ?」

『อืม ดีมาก ……สเตตัสของนายค่อนข้างดีเลยทีเดียว』

ด้วยการยืนยันนั่น คิโดะพยักหน้าอย่างพอใจ

และเหล่าลูกน้องของเขาก็เช่นกัน แม้สถานะจะเทียบไม่ได้กับของดิโดะแต่ก็ถือว่ามากกว่าสเตตัสของชาวบ้านอยู่ไม่น้อย

『ยังไงก็ตาม นายจะได้รับค่าประสบการณ์ก็ต่อเมื่อฆ่ามอนสเตอร์ หรือมนุษย์นอกจากนั้นระดับเลเวลและสเตตัสจะไม่เพิ่มขึ้น และเพียงแค่สัมผัสกับมอนสเตอร์ หรือ“มนุษย์” ที่นายฆ่า ไอเทมต่างๆจากพวกมัน……จะดรอปลงอัตโนมัติ ซึ่งอาจจะเป็นอาวุธ วัตถุดิบ หรือเนื้อ 』

ขณะนี้ คิโดะและพวกที่เหลือมัวแต่สนใจสเตตัส จนไม่มีใครฟังสิ่งที่เขาพูด

「เอ่อ……เมื่อกี้นายพูดว่ามนุษย์….. ? กับ…..เนื้อ? 」

พระเจ้าเมินเฉยต่อคำพูดของจุนเปย์ จากนั้นอธิบายต่อ

『ด้วยวิธีนั้น พวกนายจะได้โบนัสคะแนนจากการอัพเลเวล เพื่อนำไปใช้เพิ่มความความแข็งแกร่งของพวกนาย….ประมาณนี้แหละ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาชีพของพวกนายอีกทีว่าจะได้แต้มโบนัสกันคนละเท่าไหร่ เช่น คิโดะ-คุง? ถ้ามองไม่ผิด นายได้รับอาชีพนักดาบเวทย์สินะ เมื่อนายเลเวลอัพหนึ่งครั้งจะได้รับ 15 แต้ม ส่วนคนที่มีผมสีน้ำตาลท่าทางโง่ๆนั่น ได้รับเพียงอาชีพ นักดาบธรรมดาบดังนั้น ……จะได้ประมาณ 10 แต้มต่อ 1 เลเวล 』

ได้ฟังแบบนั้น เสียงของคิโดะกับลูกน้องก็ดังขึ้น

「อย่างที่คิดเลย ……อาชีพฉันนี่มันโคตรโกงฮ่าๆ?」

「คิโดะ-ซัง สุดยอดดด!」

และในขณะนั้นจุนเปย์ก็ถูกคิโดะแย่งแผ่นสเตตัสไป

ทันทีที่เขาเห็นตัวเลข จู่ๆคิโดะก็หัวเราะลั่นออกมา

เขาส่งแผ่นสเตตัสให้ลูกน้องที่เหลือดู

ในเวลาเดียวกันที่ทุกคนดูเสร็จ พวกมันก็หัวเราะตามกันเสียงดังเป็นทอดๆ

ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะตัวเลขที่แสดงบนสเตตัสคือ

【ทาเคดะ จุนเปย์ 】

อาชีพ : ไม่มี

เลเวล : 1

HP : 15

MP : 10

พลังโจมตี : 5

พลังป้องกัน : 5

อัตราหลบหลีก : 5

สกิล : ตรวจสอบ (ระดับ ซุปเปอร์)

(ช่องสกิล : ว่าง 10)

คิโดะหัวเราะจนน้ำตาไหล จากนั้นจึงกล่าวกับจุนเปย์

「แม้แต่สเตตัสยังน่าสมเพชเลยหวะ  แล้วนี่คืออะไร  ไม่มีอาชีพ นี่มันอะไรวะ? หมายความว่าขนาดอาชีพแกยังไม่มีหรอ? สุดยอด สุดยอดไปเลย  ไม่สิมันเหมาะกับแกมาก อุ๊ฟ! ฮ่าๆๆๆๆ เคี๊ยกๆๆๆๆ!」

ด้วยคำดูถูกทั้งหลายคิโดะและพวกที่เหลือต่างกุมท้องขำหนักยิ่งกว่าเดิม

「ไม่…… คิโดะ-คุง ……ฉันไม่คิดอย่างนั้น」

พระเจ้าขัดขึ้นด้วยเสียงที่เรียบนิ่ง

『การไม่มีอาชีพหมายถึงการไร้สาย นายจะสามารถเลือกเรียนสกิลอะไรก็ได้ มันมีที่เขียนว่า ช่องว่างของสกิลเหลืออยู่ใช่มั้ย? 』

「เลือกเรียนสกิล…. ?」

『ปกติจะมีสองหรือสามสกิลต่อหนึ่งอาชีพ…..นายจะได้รับมันเมื่อเลเวลอัพถึงระดับที่เหมาะสม และ…… ในกรณีของนายเหตุผลที่ไม่มีอาชีพก็หมายความว่า นายสามารถช่วงชิงสกิลจากศัตรูที่กำจัดได้ อ่า ศัตรูที่ว่า …… พวกมันยังรวมถึงมนุษย์ด้วย 』

“อ่ะ!” คิโดะเผลอกลั้นหายใจ

「บางที …… มันอาจเป็นความสามารถที่แข็งแกร่งก็ได้?」

『แรร์สกิลจะไม่สามารถหาได้จากมอนสเตอร์ทั่วไป และหากเป็นมอนสเตอร์ระดับสูง….เช่นราชาปีศาจที่เคยพูด มันก็เก่งสุดๆเลย.. 』

“และ” เขาพูดต่อ

『เพื่อให้ได้รับสกิล นายจะะต้องเอาชนะศัตรูด้วยตัวเอง ฉันละสงสัยจริงๆว่านายจะทำได้หรือเปล่า? อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ มอนสเตอร์ที่มีแรร์สกิลพวกนี้แข็งแกร่งมาก การจะหาพวกมันเจอก็เป็นเรื่องที่ยากเช่นกัน』

และ……พร้อมการหัวเราะเบาๆ พระเจ้าก็กล่าวว่า

『เอาล่ะ……ถึงแม้ว่าฉันจะบอกว่ามันไม่ง่ายที่นายจะกลายเป็นคนแข็งแกร่ง….แต่ยังไงนายก็มีโอกาสรู้มั้ย? โดยเฉพาะในดันเจี้ยนที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์ที่ผิดปกติ …… ถ้านายสามารถไปได้นะ……แค่บางที …..ใครจะรู้ 』

“ฟู่ว ……” หลังคิดสักพักจุนเปย์ก็เปิดปากพูด

「เมื่อฉันเอาชนะศัตรู ฉันต้องทำยังไงต่อ…..ถึงจะเอาสกิลมาจากมันได้?」

『ในกรณีนั้น การ์ดสกิลจะออกมาเอง เพียงแค่นายสัมผัสและเรียกใช้มันーーและไม่ว่านายจะกินมันหรือไม่ ให้มองดูที่นิ้วมือทั้งสองข้าง 』

「นิ้วมือทั้งสองข้าง?」

『สิ่งที่เรียกว่าสกิลมีทั้งความสามารถและเทคนิคแตกต่างกับสัตว์อื่นๆ สิ่งที่ทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์ อย่างแรกคือสติปัญญาและความชำนาญของนิ้วมือที่ใช้อุปกรณ์ต่างๆ นายรู้เรื่องนี้ใช่มั้ย? 』

「ใช่….ฉันรู้」

『นั่นคือเหตุผลที่นิ้วมือของนายถือเป็นช่องสำหรับใส่สกิลตามกฎของโลกนั้น นายควรใช้สกิลต่างๆที่ได้รับมา พวกมันจะปรากฏบนนิ้วของนาย 』

และในเวลานั้น จุนเปย์พึ่งจะสังเกตุเห็นใบหน้าของโนริโกะ ใบหน้าของเธอซีดขาวไร้สีเลือดเหมือนรับรู้ถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกข้างหน้านี้

มาคิดดูแล้ว……ตั้งแต่มีการพูดคุยเกี่ยวกับแผ่นสเตตัส เธอก็ไม่เคยกล่าวอะไรออกมาเลย

เมื่อรับรู้ได้ว่าจุนเปย์กำลังจ้องมอง โนริโกะก็กระซิบที่ข้างหูอย่างรวดเร็ว

「เฮ้จุนเปย์…..ตอนนี้นายคงรู้สึกเหมือนกันสินะ? คิโดะและพวกที่เหลือคงคิดว่านี่เป็นเหมือนเกมส์…. พวกนั้นคงยังไม่รู้ตัว……ว่าบางที…… จากนี้ไป……พวกเราทั้งหมดกำลังจะถูกส่งไปยังโลกที่อันตรายมากๆ 」

“อ่า ฉันก็คิดอย่างงั้น”

「และ….. เรา …… จากนี้ไปฉันคิดว่าเราอาจจะต้องพึ่งพาคิโดะ เพราะความสามารถของเรามัน…..เขาก็เป็นเหมือนหัวหน้า….นายเข้าใจใช่มั้ย」

“นั่นคือเหตุผล” โนริโกะพูดอย่างต่อเนื่อง

「…… มาพยายามทำมันด้วยกันนะ ตกลงมั้ย?」

「……?」

เมื่อเขาพยายามจะถามเธอเกี่ยวกับท่าทีแปลกๆเหล่านั้น พระเจ้าก็อธิบายสิ่งต่างๆจบพอดี

『งั้นก็ ประมาณนั้นแหละ ทุกคน….ดูแลตัวเองกันดีๆนะ!』

อนุภาคในตัวพวกเขาถูกเปลี่ยนให้เป็นแสง

หลังจากแสงจ้าที่ทำให้ทุกคนมองไม่เห็น คนเดียวที่ยังเหลืออยู่ในพื้นที่นี้ คือเด็กหนุ่ม

เหมือนไม่อยากให้ผู้ใดรับรู้ เขากระซิบออกมาเบาๆอย่างพึงพอใจ

『ไร้อาชีพ……หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า นักล่าสกิล ทาเคดะ จุนเปย์-คุง …… ที่จริงแล้ว …… ฉันสามารถมองเห็นอนาคตได้นิดหน่อย ฉันมองเห็นดันเจี้ยนที่อยู่นอกเหนืออำนาจของฉัน เพราะงั้นฉันไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้า….มันดูสนุก ……ฉันจะออกไปเล่นด้วย ดีละ ถ้าอย่างนั้นก็เดินทางโดยสวัสดิภาพ…』

【ทัตสึมิยะ โนริโกะ】

อาชีพ : ไม่มี (หญิงชาวบ้าน)

เลเวล : 1

HP : 10

MP : 5

พลังโจมตี : 5

พลังป้องกัน : 5

อัตราหลบหลีก 5

สกิล : ตรวจสอบ (ระดับ ซุปเปอร์)

▼ ▼ ▼

ーーช่องมิติเขาวงกต

นี่เป็นเรื่องราวช่วงไม่กี่พันปีก่อนหน้า สิ่งมีชีวิตในดันเจี๊ยนที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายไหลล้นออกมาได้ถูกปิดผนึกลง

ด้วยความแข็งแกร่งของมัน ในช่วงไม่กี่ร้อยปีก่อนจึงเป็นช่วงเวลาที่มันรุ่งเรืองถึงขีดสุด

เกิดเรื่องเล่าการผจญภัยแปลกประหลาดมากมาย เช่นเคยมีบันทึกว่านักผจญอันดับสูงกว่า 194 ชีวิตได้เข้าสู่เขาวงกตนี้

และตัวเลขของผู้รอดชีวิตเป็น ศูนย์

นักผจญภัยที่เแค่ชื่นชอบของโบราณไปได้เพียงครึ่งทางก็ต้องถอยกลับมา ส่วนที่เหลือต่างคิดว่าตนเองพร้อม จึงเข้าไปท้าทายเขาวงกตอย่างไม่หวาดหวั่น

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นใคร หากเป็นผู้ที่เยียบย่างเข้าไปในสถานที่แห่งนี้แล้ว ชะตากรรมของมันก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถล่วงรู้หรือคาดเดาอะไรได้

หลายครั้งที่มีนักผจญภัยเดี่ยวระดับ S เข้าไปท้าทายเขาวงกต แต่ーーผลลัพธ์ย่อมเป็นไปตามที่ประวัติศาสตร์ได้เคยกล่าวไว้

ในช่วงแรกของพื้นที่ มันเป็นเรื่องผิดปกติที่เวทย์มนต์โต้กลับสารพัดชนิดไม่มีผล

ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ราชาของอาณาจักรบางแห่งได้สั่งให้นักเวทย์รวมตัวทำวิจัยขึ้น และผลจากการค้นคว้าของพวกเขา ได้ข้อสรุปว่าเขาวงกตเป็นประตูมิติที่สามารถเชื่อมต่อกับโลกอื่น

การอัญเชิญผู้กล้าจากต่างโลกเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด ในโลกคู่ขนานมีมิติอีกมากมายนับไม่ถ้วน

หมายความว่ามันเป็นทางเข้าของเขาวงกตและในเวลาเดียวกัน มันก็เป็นทางออกจากโลกนี้แต่มันอาจไม่ใช่โลกที่เราเคยเจอ มันเป็นได้ทั้งโลกนี้และโลกนั้นไม่มีใครรู้……ที่แน่ๆเราจะถูกส่งออกไปยังสถานที่ไหนสักแห่ง

และด้วยเหตุผลเหล่านั้น เขาวงกตนี้จึงถูกเรียกว่า ช่องมิติเขาวงกต

แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นแค่การตั้งชื่อของช่องมิติเขาวงกต ตามความหมายของสามัญสำนึกคนส่วนใหญ่

ในท้องถิ่นที่ตั้งรกรากอยู่ที่นี่มาอย่างยาวนาน เรียกช่องมิติเขาวงกตนี้ว่า เขาวงกตแห่งการบวงสรวง

ทำไม! ถ้าหากคุณถามว่าทำไมมันถูกเรียกว่า เขาวงกตแห่งการบวงสรวง

เป็นเรื่องราวที่สั้นมาก นานมาแล้วมันเป็นเขาวงกตที่มีมอนสเตอร์มากมายไหลทะลักออกมา สิ่งมีชีวิตชั่วร้ายเหล่านั้นที่เกือบจะทำลายโลกถูกปิดผนึกอยู่ภายใน และคำสาปที่แทรกซึมออกมาจากมันทำให้รอบๆไม่สามารถเพาะปลูกอะไรได้ เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ และการหลุดรอดของมอนสเตอร์ไปยังหมู่บ้านใกล้เคียง……เพื่อหลีกหนีสิ่งที่เกิดขึ้น จำเป็นจะต้องส่งเครื่องสังเวยเข้าไป

ーーเรื่องยาวที่แสนสั้น ประเพณีของการสังเวยมนุษย์ ยังคงถูกส่งต่อกันมาจนถึงปัจจุบันในเขตที่อยู่ใกล้กับเขาวงกต

「 ……ถ้างั้น ปู่? ทำไมต้องส่งคนไปเป็นเครื่องสังเวย? ถ้าเรื่องที่เล่าเป็นความจริง สถานการณ์มันคงไม่เป็นแบบนี้….ตอนนี้พื้นที่รอบๆยังปลูกอะไรไม่ขึ้นเหมือนเดิม…… 」

คิ้วของเขาขมวดขึ้น เมื่อคิโดะยิงคำถามใส่หัวหน้าของหมู่บ้าน

ภายในบ้านที่ทำจากท่อนซุง ที่มีพื้นที่เท่ากับเสื่อทาทามิ 15 แผ่น สิ่งของตกแต่งต่างๆดูราวกับผ้าขี้ริ้ว

บนโต๊ะมีชาและชีสวางไว้ หากมองก็จะเห็นว่าชีสบูดไปแล้วโดยมีราสีฟ้าขึ้นตามผิวของมัน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาตั้งใจที่จะเตรียมอาหารที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่เขาซึ่งเป็นหัวหน้าหมู่บ้านทำได้เพียงเท่านี้เนื่องจากสิ่งที่หมู่บ้านกำลังเผชิญอยู่

ด้วยใบหน้าจริงจัง หัวหน้าหมู่บ้านโยนคำถามใส่ คิโดะ

「ผู้กล้าจากต่างโลก…..เดิมทีแล้วพวกนายจะถูกเลือกให้เป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์ในสงครามระหว่างประเทศ และนี้เป็นวิธีขับเคลื่อนของโลกไปนี้….นายรู้ใช่มั้ย?」

「ใช่ แต่พวกเรา…..ไม่ได้แข็งแกร่งไปซะทุกคน เพราะงั้นพวกเราเลยถูกส่งไปล่าพวกป่าเถื่อนแถวๆชายแดนแทนใช่มั้ย? ซึ่งนั่นถูกเรียกว่า ทีมป้องกัน」

คิโดะถือว่าไปได้ดีกับการเป็นผู้กล้า แต่….ความแข็งแกร่งของทีมมันกลับอ่อนแอ….. ดังนั้นกลุ่มของมันจึงถูกจัดให้อยู่ในระดับทั่วไป และถูกส่งไปชายแดนที่ห่างไกล

「ก็อย่างที่เธอบอก แต่พวกเธอทั้งหมด….. เป็นเพียงคนที่มาจากโลกอื่น มันจึงถือเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเธอต้องกลายเป็นเครื่องสังเวยให้พวกเรา 」

คิโดะยิ้มกวนๆ

「ฉันและพรรคพวกอีกสามคนพวกเราต่างกำลังช่วยเหลือหมู่บ้านของคุณถูกมั้ย? ถ้าไม่มีผม……คุณจะไปล่าพวกคนเถื่อนแทนงั้นสิ? โอ้ ทีมป้องกันพ่ายแพ้แล้ว……คุณอยากให้ทุกคนพูดแบบนี้เหรอ? 」

ไหล่ของชายชราสั่นไหว

「นั่นก็จริง พวกนาย……ผู้กล้าจากต่างโลก……มีความแข็งแกร่งมากกว่ามนุษย์ในโลกนี้」

「ถ้างั้น……」

ชายชราจับไหลของคิโดะ

「ผู้ชายคนนั้นหล่ะ……」

「อ่า ไอ่หมูทาเคดะ……ทำไมเหรอ?」

「ลองคิดเกี่ยวกับสเตตัสของนายกับเขาสิ」

คิโดะปิดตาและเรียกหน้าต่างแสดงสเตตัสของเขาออกมา

【 คิโดะ โชตะ 】

อาชีพ : นักดาบเวทย์

เลเวล : 12

HP : 400

MP : 0

พลังโจมตี : 150

พลังป้องกัน : 50

อัตราหลบหลีก : 35

ราวกับจะโชว์นิสัยอันธพาลแย่ๆของตัวเอง คิโดะใช้แต้มโบนัสส่วนใหญ่ไปกับการอัพพลังโจมตี และนี่คือสเตตัสของ ทาเคดะ จุนเปย์

【ทาเคดะ จุนเปย์ 】

อาชีพ : ไม่มี

เลเวล : 1

HP : 15

MP : 5

พลังโจมตี : 5

พลังป้องกัน : 5

อัตราหลบหลีก : 5

พูดได้เต็มปากเลยว่า แม้จะเทียบกับมาตรฐานของโลกนี้ สเตตัสของจุนเปย์ก็ยังคงเป็นขยะ

「ก็นะ นั่นแหละไอ่อ้วน ดังนั้น….ถ้าคุณต้องการจริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าผมจะไม่เห็นด้วย」

ในขณะเดียวกันก็มีเสียงเคาะประตูของหัวหน้าหมู่บ้าน

คนที่เข้ามากำลังแบกฟืน ร่างกายปกคลุมไปด้วยเขม่า …… เขาคือ จุนเปย์ ที่เพิ่งทำงานในฟาร์มเสร็จ

เขาสวมผ้าเนื้อหยาบที่มีรอยปะอยู่ทั่ว มันแทบจะไม่เหมือนเสื้อผ้า

เพราะเครื่องแบบนักเรียนและเสื้อยืดที่ถูกสร้างขึ้นด้วยใยสังเคราะห์เป็นของหายาก มันสามารถขายได้ในราคาที่สูงมากในฐานะวัสดุสำหรับวิจัยของนักเล่นแร่แปรธาตุ

และเพราะเหตุนั้น เสื้อผ้าของเขาจึงถูกคิโดะนำไปขายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อความบันเทิงตั้งแต่แรกแล้ว

「เอ่อ…… เรียกผมมาทำไมหรอ? ผมกำลังทำงานในฟาร์มอยู่ ถ้าเป็นประเด็นที่เกี่ยวกับทุกคน…..ทุกอย่างน่าจะถูกมอบความรับผิดชอบให้คิโดะหมดแล้วนินา…… 」

“งืม” ชายชราพยักหน้า

「บอกตามตรง …… เธอคงรู้ ฉันคิดมาตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอเหมาะกับมัน」

「……เหมาะกับอะไร?」

「เธอเองก็น่าจะรู้เรื่องเกี่ยวกับเขาวงกตแห่งการบวงสรวงใช่มั้ย?」

「ใช่เรื่องที่ว่าต้องมีการเสียสละผู้คนเข้าสู้เขาวงกต ?」

「ถูกต้อง ตอนนี้มันถึงช่วงเวลาที่ต้องส่งเครื่องสังเวยแล้ว…… และเราไม่สามารถทนส่งชาวบ้านของเราเข้าไปได้อีก เพราะอย่างงั้น หนึ่งในพวกเธอจะต้อง….. 」

จุนเปย์ส่ายหัว

「เรื่องแบบนั้น……มันจะไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ?」

“ก็จริง” ชายชราพยักหน้า

「นายเป็นคนขยัน พูดตามตรงด้วยร่างกายที่อ่อนแอแบบนั้น…..มันน่าทึ่งมากสำหรับงานที่เธอทำมาถึงตอนนี้……ฉันคิดแบบนั้นจริงๆ ยังไงซะหมู่บ้านของเราก็ชื่นชอบคนที่ขยันขันแข็ง」

「เปล่าหรอกผมแค่พยายามทำให้ดีที่สุด…..เพราะโนริโกะบอกผมว่า ……ให้ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด……」

ชายชราพยักหน้าอีกครั้ง

「ถ้าเป็นอย่างนั้น ……คนที่สมควรเสียสละ คงต้องเป็นผู้หญิงนั้นแทน」

「ผู้หญิงคนนั้น…… โนริโกะ?」

และจุนเปย์ก็นึกถึงสเตตัสของโนริโกะ

【ทัตสึมากิ โนริโกะ】

อาชีพ : ไม่มี

เลเวล : 1

HP : 10

MP : 5

พลังโจมตี : 5

พลังป้องกัน : 5

อัตราหลบหลีก : 5

เป็นสเตตัสที่ห่วยแตกสิ้นดี

นี่เป็นสเตตัสปกติของชาวบ้านธรรมดาเลเวล 1

เลเวล : 1

HP : 50

MP : 10

พลังโจมตี : 20

พลังป้องกัน : 15

อัตราหลบหลีก : 10

เมื่อมาถึงจุดนี้ เขาเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่หัวหน้าหมู่บ้านต้องการจะบอกคืออะไร……จุนเปย์กำมือแน่น

ยังไงซะไม่ว่าจะเป็นโลกไหน ลำดับของผู้แข็งแกร่งก็เป็นสิ่งสำคัญ สิ่งที่หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวไม่มีอะไรมากเกินไปเลยสักนิด

ปัญหาอยู่ที่การจัดลำดับตามความสำคัญ

และเพราะอย่างนั้น โนริโกะจึงมักจะเป็นตัวเลือกแรกๆ

แต่..

จุนเปย์รวบรวมความกล้าและพูดออกไป

「ผมจะ…..เป็น……เครื่องสังเวยเอง」

「แต่เธอ…」

「มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ แล้ว …… แทนที่จะเป็นโนริโกะ….ให้มันเป็นผมเถอะ…. 」

ด้วยคำพูดเหล่านั้น คิโดะพยักหน้าอยางพึ่งพอใจ

「ทาเคดะ….นาย…..เปลี่ยนไปมากนับตั้งแต่เรามาที่นี่」

「เปลี่ยนไป…?」

การข่มเหงตามปกติหยุดลง จากการแสดงออกราวกับว่ามันเป็นคนที่อ่อนโยนและเป็นมิตร

「ฉันรู้ว่านายทำงานอย่างหนัก……มากกว่าใครหน้าไหน」

「 เป็นเพราะโนริโกะบอกฉันว่า ‘ให้ทำให้ดีที่สุด’….. การถูกส่งมายังสถานที่แบบนี้ ฉันควรจะทำอะไรก็ตามเท่าที่ฉันสามารถทำมันได้ และมันก็เป็นอย่างที่ทุกคนเห็น….」

「ขอโทษนะ ที่เมื่อก่อนเคยแกล้งนาย…..ฉันนับถือในตัวนายมาก นี่ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะทำกันได้…..โอกาสรอดเท่ากับ 0% ……ฉันไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในนั้น แต่นายอาจตายได้รู้มั้ย? นายยอมรับมันได้จริงๆเหรอ? 」

「ฉันตัดสินใจแล้ว…เพื่อความปลอดภัยของโนริโกะ」

มือทั้งสองวางลงบนไหล่ของจุนเปย์ จากนั้นคิโดะก็พูดต่อไปว่า

「เยี่ยม……นาย…..นายเท่มาก…… ฉันหละนับถือในความใจกล้าของนายจริงๆ」

「เฮ้ ……」, จุนเปย์พูดกับคิโดะราวกับจะขอร้อง

「สำหรับโนริโกะ……อย่าบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ? ด้วยนิสัยของเธอ…. เธออาจจะไม่ยอมให้ฉันไปแทน….เธอต้องไม่ให้ฉันไปแทนแน่ๆ」

「……ได้สิ」

คิโดะพยักหน้ารับคำขอของจุนเปย์ด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย

ทางเข้าเขาวงกตอยู่ห่างจากหมู่บ้านไปประมาณ 10 กิโลเมตร

ยิ่งเข้าใกล้เขาวงกตเท่าไหร่ สีของต้นไม้ก็ซีดจางไปเรื่อยๆเช่นเดียวกับต้นแปะก๊วยก่อนฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้สีเหลืองทองปกคลุมพื้นที่รอบๆ

แม้ว่าจะเป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ แต่เขากลับรู้สึกไม่สบายใจเลย จากเรื่องเล่าในมิติเขาวงกต เทพปีศาจชั่วร้ายถูกปิดผนึกอยู่ในนั้น คำสาบแช่งน่ากลัวแพร่กระจายออกมาอยู่ตลอดเวลา

ทั้งหมดคงเป็นเรื่องจริงหากสังเกตุจากการแห้งตายของพืช

ในขณะที่ครุ่นคิด จุนเปย์ก็เดินตามคิโดะพร้อมกับคนอื่นๆที่เดินนำอยู่

คิโดะ ลูกน้องทั้งสามของเขา โนริโกะ….. และ จุนเปย์

ไปๆมาๆมีหลายสิ่งเกิดขึ้นตั้งแต่พวกเขามาที่โลกนี้

ถึงแม้ว่าพวกเขาควรจะถูกเรียกว่าผู้กล้า แต่การถูกส่งไปยังชายแดน…..มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่า พวกเขากำลังถูกขับไล่

คนที่มีสเตตัสที่สามารถต่อสู้ได้ มีเพียงคิโดะและลูกน้องของเขา

“ฉันไม่อยากเป็นตัวถ่วงหรือสร้างภาระให้กับใคร และเหตุผลที่มากกว่านั้น”

เป็นเพราะโนริโกะคอยให้กำลังใจเขาอยู่เสมอ จุนเปย์จึงพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง และพยายามทำดีที่สุดตลอดมา

และในที่สุดระหว่างช่องว่างของต้นไม้ หินที่รูปร่างเหมือนหน้าผาก็ปรากฏ

ช่องว่างของปากถ้ำถูกเปิดออก ความมืดมิดจากห้วงเหว อากาศหนาวเย็นที่เกือบจะแช่แข็งสันหลังของพวกเขาก็ไหลทะลักออกมา

โนริโกะเปิดปากพูดออกมา

「 จุนเปย์…..นายแน่ใจกับเรื่องนี้จริงๆนะ? ถึงนายจะเป็นคนที่ถูกเลือก…. แต่….ฉันสามารถไปแทนนายได้นะรู้ไหม?」

จุนเปย์สั่นศีรษะของเขาและจ้องมองไปที่โนริโกะ

ーーเพื่อนในวัยเด็กที่คอยเป็นห่วงฉันมาตลอด ฉันไม่คิดว่าโนริโกะจะมีความรู้สึกแบบเดียวกัน แต่ーーถึงอย่างนั้นเธอก็เป็นหญิงสาวที่ฉันรัก

「บางสิ่งบางอย่างก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้」

โนริโกะพูดด้วยใบหน้าที่จริงจังขึ้น

「แต่ ยังไงฉันก็…..」

จุนเปย์ตะโกนออกมา

「พอซักที ฉันบอกว่าจะไปเองไม่ได้ยินเหรอ ?! ฉันเป็นคนที่ถูกเลือก! ไม่ใช่เธอ! 」

เพราะท่าทางก้าวร้าวที่จุนเปย์ไม่ได้แสดงมันออกมานาน ทำให้โนริโกะต้องยอมรับและถอยออกไป

「…….อืม เข้าใจแล้ว」

และทั้งกลุ่มก็เข้าไปในถ้ำทีละคน โดยจับมือกันไว้

สำหรับจุนเปย์ เขากำลังเดินไปสู่ความตาย

คนอื่นมาทีนี้เพราะอยากเห็นวาระสุดท้ายของเขา

พวกเขาเข้าไปข้างใน เดินไปตามเส้นทางขรุขระโดยมีโคมไฟนำทาง

และไม่นาน พวกเขาก็เข้าไปในห้องโถงทรงกลมที่มีรัศมีประมาณ 10 เมตร

มีเส้นสีขาวถูกขีดไว้กลางห้อง คิโดะเดินไปสำรวจก่อนยืนอยู่หน้าเส่นสีขาว

「เขาวงกตคือสถานที่ ที่ตั้งอยู่ระหว่างโลกนี้กับโลกอื่นๆ….. มันถูกเรียกว่าเป็น ช่องมิติเขาวงกต เส้นสีขาวนี้…… คือสิ่งที่แยกระหว่างสองฝั่งเอาไว้」

ทุกคนมองไปที่จุนเปย์ จุนเปย์พยักหน้า เมื่อรู้สึกถึงสายตาของทุกคน

โดยไม่ลังเลใจ เขายกขาขวาออกมาก้าวข้ามเส้นสีขาวนั้นทันที

ร่างกายของเขาเกินเส้นสีขาวมากว่าครึ่งแล้ว

ตอนนี้ ตรงกลางระหว่างมิติของทั้งสองโลกーーมีจุนเปย์ยืนขวางกั้นอยู่

「เอ่อ มีเรื่องมากมายเกิดขึ้นตอนเราอยู่ในญี่ปุ่น แต่…ตั้งแต่เรามาอยู่ที่โลกนี้ ฉันคิดว่าพวกเราเป็นเหมือนเพื่อนกันรู้มั้ย? ขอบคุณทุกคนจริงๆ มันคงไม่มากเกินไปที่จะขอ จากนี้ไปอย่าลืมฉันนะ….. 」

ในขณะที่จุนเปย์กล่าวอำลาและหันหลัง คิโดะก็หัวเราะขึ้นมา

「แท่นแท๊นนーーเป็นความสำเร็จของการแสดงที่งดงามจริงๆーー !!」

ทั้งกลุ่มปกคลุมไปด้วยเสียงหัวเราะ

「เอ่อ…..สำเร็จ?」

แล้วคิโดะก็คว้าโนริโกะเข้ามากอด

และทั้งสองก็เริ่มจูบกันด้วยริมฝีปากของเขา

การจูบแลกลิ้นที่ดูดดื่มーーหลังนัวเนียกันสักพัก ระหว่างที่ริมฝีปากของทั้งคู่ผละออกจากกันก็ปรากฎเส้นสายของน้ำลายบางๆให้เห็น

「ฉันขอโทษนะจุนเปย์ーーเรากำลังคบกันอยู่」

จุนเปย์กำลังสับสนและไม่อาจเข้าใจในสิ่งที่พวกเขากำลังพูดอยู่ สิ่งที่เขารู้มีเพียงเรื่องที่เขาขยับตัวไม่ได้

“เฮ้ แกรู้อะไรมั้ย ……”
คิโดะเปิดปากพูด

「จริงๆแล้วแกนั้นแหละที่ไร้ประโยชน์ อย่างน้อยผู้หญิงสามารถมีลูกได้ถูกมั้ย? โนริโกะ…..เธออาจจะไม่เก่งเท่าไหร่ แต่ก็เป็นเมล็ดชั้นเลิศ มองยังไงก็ยังมีประโยชน์ ถึงแม้ไอ่แก่หัวหน้าหมู่บ้านจะโง่ที่ไม่ฟังสิ่งที่ฉันพูดก็ตาม? 」

“และ” โนริโกะพูดต่อคิโดะอย่างต่อเนื่อง

「มันถูกเรียกว่าการบวงสรวง ถ้าถูกบังคับพวกเขาบอกว่ามันจะไม่ศักดิ์สิทธิ์นายรู้มั้ย? จนกว่าจะข้ามเส้นสีขาวนั่น….. ถ้าไม่ได้เกิดจากความเต็มใจมันจะถือว่าล้มเหลว」

คิโดะยักไหล่อย่างสบายอารมณ์

「และแล้วมันก็เป็นไปตามที่ฉันคิดーーแกสมัครใจเข้ามาเอง ขอบคุณแกมากจริงๆ」

“แต่ …… แต่ ……”   จุนเปย์พูดด้วยเสียงสั่นๆ

「แต่โนริโกะ เธอบอกว่า…..เธอไม่ได้เกลียดฉัน ……แล้วทำไมถึง….. ฉันพยายามทำทุกอย่างเพื่อเธอมาตลอดเลยนะ……」

โนริโกะพูดขณะที่เบิกตาโพลง

「อื้ม ฉันไม่ได้เกลียดนาย?」

เธอยังพูดต่อไป

「แต่ฉันก็ไม่ได้บอกว่าฉันชอบนายซะหน่อย」

ราวกับจะปฎิเสธคำตอบเหล่านั้น จุนเปย์พูดอย่างต่อเนื่อง

「แต่โนริโกะ……โนริโกะ……เธอคอยปกป้องฉันตลอดเวลาตอนฉันโดนรังแก」

“อือ” โนริโกะพยักหน้า

「ในความจริง ฉันทนมองการกระทำที่น่ารังเกียจอย่างนั้นไม่ได้ นายก็รู้? ฉันไม่ได้เกลียดนายจุนเปย์ และนอกจากนั้นเราก็ยังเป็นเพื่อนในวัยเด็กที่สนิทกันมากถูกไหม แม้แต่ตอนนี้ ……สิ่งเหล่านั้นก็ยังคงสำคัญสำหรับฉัน 」

「แล้วทำไม …… ?」

เพื่อจุนเปย์ที่กำลังอ้อนวอนขอคำตอบ โนริโกะจึงตอบอย่างชัดเจน

「ในตอนนั้นเป็นเพราะฉันอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัย..ฉันไม่เห็นจำเป็นต้องทิ้งนายไปเลย นั้นก็คือเหตุผลที่ฉันปกป้องนาย」

「……?」

「แต่นายรู้ไหม ในโลกที่เต็มไปด้วยอันตรายที่มีแม้แต่สัตว์ร้ายคอยไล่ล่าเอาชีวิตนายอยู่ คงมีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะมาคอยปกป้องคนไร้ประโยชน์? 」

จากคำพูดและสายตาที่เย็นชาเหล่านั้น ทำให้จุนเปย์แทบจะทรุดลงไปกองที่พื้น

「ตอนนั้น……ตอนที่เธอเล่าว่าเคยถูกรังแกและถูกฉันช่วยเอาไว้……… เธอบอกว่าเพราะอย่างนั้น….แต่ว่า….ตอนนี้ทำไม」

ในที่สุดเธอก็ทนสิ่งที่กลั้นเอาไว้ตลอดไม่ได้….เธอกุมท้องของเธอและเริ่มที่จะหัวเราะ

「จุนเปย์ นายคิดอย่างนั้นจริงๆหรอ…..นายนี่มันใจดีมากเลย น่าตลกชะมัด เน่~ นายรู้มั้ย ฮิๆๆๆ …… 」

แล้วเธอก็พูดต่อ

「ーーยึดถือแต่ความรู้สึกไร้สาระ ไม่หัดรู้จักปรับตัวเอาชีวิตรอดーーมีแต่คนหน้าโง่เท่านั้นแหละที่เป็นแบบนั้น?」

「…… อะเฮื้อ」

ใจของจุนเปย์แตกร้าวแทบสลาย เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น

ขณะที่กำลังอยู่ในอาการเศร้าสร้อยーーคิโดะก็กระโดดถีบจุนเปย์ทำให้ร่างกายส่วนที่เหลือลอยเข้าไปหลังเส้นขาวทันที

「โชคดีーーเข้าไปทัวร์ในนั้นให้สนุกนะ! ไอ้หมูตกมัน !!! 」

ตามกฎแรงโน้มถ่วง จุนเปย์ลอยโซซัดโซเซไปยังด้านหลัง

เมื่อเขาทรงตัวได้ーーกำแพงหนาก็ค่อยๆถูกสร้างขึ้นมาตามเส้นสีขาว

ーーและ เขาก็ถูกปิดกั้นจากโลกภายนอก

วิธีเดียวที่จะรอดจากเขาวงกตนี้ได้ คือการเข้าไปยังส่วนที่ลึกที่สุด

ーーด้วยเหตุนี้ เรื่องราวการผจญภัยของจุนเปย์ก็จบลง –เอ้ยเริ่มขึ้น–

 

 

To be continued